ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1033 รัชทายาทหญิงออกว่าราชกิจ 5
ตอนที่ 1033 รัชทายาทหญิงออกว่าราชกิจ 5
วังโส่วฝู่อดเอ่ยเตือนไม่ได้ “องค์ชายรอง สุสานหลวงยังมีรัชทายาทที่ถูกปลดไปอยู่อีกพระองค์หนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงสามยิ้มรับคำกล่าวว่า “วังโส่วฝู่คิดให้เสด็จพี่ใหญ่ข้ากลับออกมารับตำแหน่งรัชทายาทหรือ ท่านคิดควบคุมโอรสสวรรค์ปกครองใต้หล้าอย่างนั้นหรือ เสด็จพี่ใหญ่ข้ากระทำความผิด ในใจก็หวาดกลัว วันหน้าเผชิญหน้ากับพวกท่าน ก็ย่อมต้องแสดงท่าทีอ่อนแอ ขุนนางแข็งแกร่งฮ่องเต้อ่อนแอ พวกท่านคิดควบคุมแผ่นดินแคว้นต้าโจวไว้ในกำมือหรือ”
พอเอ่ยวาจานี้ออกไป วังโส่วฝู่ก็เอ่ยไม่ออก บรรดาขุนนางในราชสำนักเองต่างก็ไม่กล้าเอ่ยอันใดตามอำเภอใจกันอีก ในยามนี้ พวกเขาจึงได้กระจ่างใจเรื่องหนึ่ง องค์หญิงสามรับมือไม่ง่าย ไม่ว่าเอ่ยอันใด นางล้วนหาความผิดมาโยนลงศีรษะเจ้าได้หมด
องค์หญิงสามกลับไม่คิดปล่อยพวกเขาไป “มาๆ ใต้เท้าทุกท่านลองมาว่ากันด้วยเหตุผล เหตุใดไม่อาจให้ข้าเป็นรัชทายาทหญิงได้ ข้าฉลาดไม่พอ หรือว่าความสามารถไม่ถึง ไม่คู่ควรเป็นรัชทายาทหญิง”
พูดไปพูดมาก็เพียงเพราะว่านางเป็นหญิง ผู้ชายเหล่านี้ไม่อยากให้ผู้หญิงปีนขึ้นมายืนค้ำศีรษะพวกเขาเท่านั้น
เชอะ!
ความจริงเซียวหวงรู้ดีว่าตอนนี้ขุนนางในราชสำนักแคว้นต้าโจวนับว่ายอมลงให้กับผู้หญิงมากกว่าสมัยก่อนมากแล้ว เพราะตอนนี้สถานะผู้หญิงค่อนข้างสูงขึ้นมาก นี่คือความพยายามที่ผ่านมาของคนหลายสมัยจนได้ผลเป็นที่ปรากฏเช่นวันนี้
ในปีนั้นท่านย่านางพยายามก่อตั้งสำนักยาหลวง ยังเปิดสำนักศึกษา สำนักยาหลวงกับสำนักศึกษาล้วนรับชายและหญิง ดังนั้นสถานะผู้หญิงจึงดีขึ้นไม่น้อย ต่อมาเสด็จแม่อภิเษกกับเสด็จพ่อ ก็เปิดสำนักเมตตาสตรี เพื่อเป็นองค์กรคุ้มครองเด็กและสตรี และองค์กรเหล่านี้ยังรับผู้หญิงมาทำงาน ผู้หญิงในแต่ละพื้นที่ต่างรับหน้าที่ทำงาน พอทำเช่นนี้ ผู้ชายแคว้นต้าโจวก็มีความอดทนยอมอ่อนให้ผู้หญิงมากขึ้น
ดังนั้นการที่นางจะขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทหญิง แม้ว่าขุนนางในราชสำนักคัดค้านอย่างมาก แต่ท่าทีก็มิได้รุนแรงมากนัก หากไม่มีท่านย่ากับเสด็จแม่ดำเนินการต่างๆ นานามาก่อนหน้านี้ วันนี้หากเสด็จพ่อคิดแต่งตั้งนางเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว หากไม่เหนือความคาดหมาย ขุนนางในราชสำนักก็คงคัดค้านหัวชนฝา ไม่มีทางที่จะคัดค้านด้วยสีหน้านิ่งสงบเช่นตอนนี้
องค์หญิงสามคิดไปก็กล่าวไปว่า “ในฐานะขุนนางแคว้นต้าโจว พวกท่านควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้แคว้นต้าโจวยิ่งแข็งแกร่ง ราษฎรยิ่งร่ำรวย ไม่ใช่เอาแต่จ้องมองผู้หญิง แม้เสด็จพ่อข้าทำตามความต้องการของพวกท่าน รับพระสนมให้กำเนิดองค์ชาย หรือว่าคนผู้นั้นก็จะเป็นรัชทายาทที่ยอดเยี่ยม หากมีเช่นเสด็จพี่รองอีกคนเล่า”
องค์ชายรองถลึงตาใส่องค์หญิงสามด้วยความโมโห ส่งเสียงดังอย่างไม่พอใจขึ้นว่า “น้องสาม ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรเป็นรัชทายาทหญิง”
องค์ชายรองหันไปมองเซียวเหวินอวี๋พร้อมกับลงคุกเข่าทูลว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันไม่เห็นด้วยที่น้องสามจะเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว นางเป็นเพียงสตรี จะมาเป็นรัชทายาทหญิงอันใดกัน นางควรอยู่แต่ในวังปลูกดอกไม้ ปักผ้าเช็ดหน้า ไม่ใช่แล่นออกมาเปิดเผยโฉมหน้าร่วมหารือการงานกับขุนนางชายในราชสำนัก”
เซียวเหวินอวี๋มองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ กล่าวตามตรง เขาเห็นองค์ชายรองก็นึกรังเกียจ เพราะเขาไม่เพียงแต่หน้าตาเหมือนอดีตฮองเฮา แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาโง่ หากไม่ใช่ว่าเขาโง่ ไยเขาต้องแต่งตั้งหวงเอ๋อร์เป็นรัชทายาทหญิง ความจริงเซียวเหวินอวี๋รู้ว่าหวงเอ๋อร์ไม่ได้อยากเป็นรัชทายาทหญิง ในฐานะฮ่องเต้ เขารู้ว่าการเป็นฮ่องเต้ไม่ได้มีชีวิตที่ดีเหมือนที่ทุกคนนึกภาพกัน วันๆ อยู่แต่ในวัง แม้แต่ออกนอกวังก็ต้องพาคนไปด้วยเป็นขบวน ภายนอกทุกคนต่างคิดว่าฮ่องเต้ทรงอำนาจบารมี แต่แท้จริงแล้วฮ่องเต้เป็นเพียงเครื่องมือจัดการงานราชกิจของแผ่นดินเท่านั้น
บนโลกใบนี้ หลายคนต่างได้เสวยสุขหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้เป็นฮ่องเต้ไม่อาจได้ลิ้มรส
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหมาก มององค์ชายรองด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “น้องสามเจ้าเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจวไม่ได้ แล้วเจ้าเป็นได้หรือ เจ้าคิดว่าตนเองคู่ควรหรือ”
องค์ชายรองเห็นแววตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งของเซียวเหวินอวี๋ก็ตกใจหวาดกลัว แต่พอคิดถึงว่าหากตนเองไม่ขัดขวางไว้ น้องสามก็อาจได้ขึ้นเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจวได้อย่างราบรื่น แล้วเขาจะทำอย่างไร
องค์ชายรองได้แต่ฮึดโต้แย้งขึ้นว่า “เสด็จพ่อ เมื่อก่อนข้าไม่คิดศึกษาหาความรู้ แต่นับจากนี้ไป หม่อมฉันตัดสินใจแล้วว่าจะพยายามศึกษาหาความรู้ ศึกษาถึงการเป็นรัชทายาทที่ดี”
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะ แต่เป็นการแค่นหัวเราะเยาะ
เขาหันไปมองบรรดาขุนนางราชสำนักในท้องพระโรง กล่าวว่า “เราตัดสินใจแต่งตั้งองค์หญิงสามเป็น…”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวไม่ทันจบ พวกวังโส่วฝู่ในท้องพระโรงก็ส่งเสียงดังขึ้น “กระหม่อมขอให้ฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เหมาะไม่ควรพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท แต่ไรมาแคว้นต้าโจวไม่เคยมีฮ่องเต้หญิงมาก่อน นี่เป็นเรื่องผิดกฎมณเทียรบาลนะพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋แค่นยิ้มมองไปยังขุนนางในท้องพระโรง “แคว้นต้าโจวไม่เคยมีฮ่องเต้หญิง แต่ใช่ว่าประวัติศาสตร์ไม่เคยมีฮ่องเต้หญิง ในประวัติศาสตร์มีฮ่องเต้หญิงพระองค์ใดปกครองแผ่นดินไม่ดีบ้าง การที่ฮ่องเต้หญิงได้ขึ้นครองราชย์ได้ก็เพราะมีความสามารถ จึงได้ถูกยกย่องให้เป็นผู้ปกครอง หากไร้สามารถ จะได้รับการยอมรับให้เป็นฮ่องเต้ได้หรือ”
“พวกเจ้าเอาแต่ขัดขวางไม่ให้เราแต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิง หรือว่าเพราะองค์หญิงสามไร้สามารถ เห็นชัดว่าแต่ละคนล้วนมีความคิดเห็นแก่ตนเอง พวกท่านเอาแต่ยื่นฎีกาให้เราคัดเลือกพระสนม หรือว่าเราไม่รู้ความคิดพวกท่านกัน”
“การที่เราไม่รับพระสนมก็เพราะมองความในใจของพวกท่านกระจ่าง ไม่อยากให้พวกท่านได้สมดังหวัง ฮองเฮาเป็นองค์หญิงซีเหลียง นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมา นางไม่มีญาติพี่น้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับการปกครองแผ่นดิน แต่หากบุตรสาวพวกท่านเข้าวังให้กำเนิดองค์ชาย ก็จะมีญาติพี่น้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับการปกครองแผ่นดิน บุตรสาวพวกท่านอาจถึงขั้นทำเพื่อตระกูลตนเอง ทำเรื่องไม่ดีต่างๆ นานา หากนางให้กำเนิดองค์ชายได้ก็จะยิ่งร้ายกาจ หากให้ฮ่องเต้วัยเยาว์ขึ้นครองราชย์ พวกท่านก็คงวางแผนควบคุมฮ่องเต้น้อยใช่หรือไม่”
ขุนนางในท้องพระโรงต่างพากันสะอึกไร้วาจา แต่ละคนไม่กล้าส่งเสียง ฝ่าบาทกล่าวหนักไปแล้วกระมัง
เพราะอดีตฮองเฮาทำร้ายเขา จึงได้ฝากรอยดำมืดไว้ในใจเขากระมัง ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาไหม
ใต้เท้าวังโส่วฝู่กับใต้เท้าฟางรองโส่วฝู่สองคนสบตากันทีหนึ่ง สองคนไม่ค่อยใจส่งถึงกันได้เช่นนี้ ยามนี้พากันมองไปยังขุนนางตรวจการที่อยู่ไม่ไกลนัก ขุนนางตรวจการมีสิทธิ์ยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้
ขุนนางตรวจการเฉานับว่าเป็นคนของวังโส่วฝู่ พอได้เห็นสายตาวังโส่วฝู่ก็รีบออกมากราบทูล “ฝ่าบาทแต่งตั้งองค์หญิงสามเป็นรัชทายาทหญิง ผิดกฎมณเทียรบาลพ่ะย่ะค่ะ และตามหลักการแห่งฟ้าดินแล้ว ชายดำเนินภายนอก หญิงดำเนินภายใน นี่คือหลักการแห่งฟ้าดิน ฝ่าบาททรงทำตามพระทัยเช่นนี้ ย่อมต้องถูกฟ้าดินลงโทษ นำภัยมาสู่ราษฎรแคว้นต้าโจวเรา กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทโปรดถอนรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางตรวจการเฉาลงโขกศีรษะกับพื้นกลางท้องพระโรงทันทีจนหน้าผากห้อโลหิต เขาทำถึงขั้นนี้ หากฝ่าบาทยังไม่ทรงยอม เขาก็คิดจะโขกศีรษะสละชีพตนเอง
เซียวเหวินอวี๋เห็นขุนนางตรวจการเฉาทำเช่นนี้ ในใจก็เดือดดาลไม่น้อย อย่าคิดว่าเขามองไม่ออกว่าเจ้าสุนัขตัวนี้เป็นคนของวังโส่วฝู่
เซียวเหวินอวี๋กำลังคิดตวาดดัง เซียวหวงในท้องพระโรงกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “เสด็จพ่อ เรื่องในวันนี้ก็ไว้เท่านี้ก่อนเพคะ หม่อมฉันรู้สึกว่าเสด็จพ่อควรให้เวลาขุนนางทุกท่านสักหน่อย ให้พวกเขาได้ลองคิดว่าหม่อมฉันเหมาะกับตำแหน่งรัชทายาทหญิงแคว้นต้าโจวหรือไม่”
ตั้งแต่เสด็จพ่อครองราชย์มาไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียง นางไม่อยากให้ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียงว่าบีบคั้นขุนนางตรวจการจนตาย แต่คนเหล่านี้ นางฝากไว้ก่อน!
เซียวหวงค่อยๆ ยิ้ม รอยยิ้มเย็นเยียบคล้ายดั่งดาบวิเศษออกจากฝัก!
************************