ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 293 จี้
กริชเล่มนั้นแข็งกระด้างและเย็นเฉียบ มันจี้ตรงบริเวณเอวบางของเจียงซื่ออย่างไร้ซึ่งความรู้สึกและเงียบเชียบ
กลิ่นคาวเลือดจางๆ ผสมกับกลิ่นแป้งและเครื่องหอมลอยโชยเข้ามาเตะจมูก
เจียงซื่อประมาทเกินไปแล้ว
ความคิดเพ้อเจ้อว่าจะโชคร้ายมันเกิดขึ้นจริง
“อย่าส่งเสียง ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก” เสียงหญิงสาวกระซิบขู่ดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง
ดูจากน้ำเสียงผู้หญิงคนนี้คงจะยังเด็กมาก
เจียงซื่อรู้สึกว่าเสียงนี้มันคุ้นหูเล็กน้อย แต่ก็คิดไม่ออกว่าได้ยินมาจากที่ไหน
รถม้าเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยความโคลงเคลงของตัวรถ ปลายกริชก็แตะเข้าที่เอวเจียงซื่อเบาๆ
นางรู้สึกได้ว่าคนที่กำลังถือกริชกำลังพยายามยั้งมือถอยห่าง
“เจ้าเป็นใคร” เจียงซื่อถาม มือข้างขวาที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวแบออกเงียบๆ แสงสว่างจางๆ วาบผ่านกลางฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงของสตรีผู้นั้นดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความรำคาญ “เจ้าไม่ต้องถาม และไม่ต้องหันมา รอถึงที่ที่เหมาะสมข้าจะจากไปเอง…”
เจียงซื่อตกใจเล็กน้อย
นางบังเอิญชนเข้ากับชายสองคนที่กำลังคุยกันในวัดไป๋อวิ๋น นางจึงใช้หิ่งห้อยมายาเพื่อหยุดความคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแทงผิวหนังของชายคนนั้นด้วยหนามแหลมจากแมลงมีพิษเพื่อให้เกิดอาการชา จากนั้นนางก็หนีออกมาได้อย่างราบรื่น
แต่ตอนนี้ถ้านางจะใช้วิธีนั้น กลับเจอกับความยุ่งยาก คาดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่คุมนางไว้จะไม่ได้รับผลกระทบจากหิ่งห้อยมายาเลย
หิ่งห้อยมายาเกิดขึ้นจากเลือดเนื้อเชื้อไขและน้ำมือของเจียงซื่อ มันจึงสื่อสารกับนางได้ นางสามารถรับรู้ได้ถึงความคับข้องใจของหิ่งห้อยมายา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจบุ่มบ่ามได้
นางสามารถฉวยโอกาสใช้หนามแหลมแทงสตรีผู้นี้อย่างไม่ตั้งตัวได้ เพียงแค่กรีดลงไปที่ผิวของคู่ต่อสู้เล็กน้อย อำนาจก็จะกลับมาอยู่ในมือของนาง
แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่สามารถตอบโต้ได้โดยไม่ต้องเตรียมตัวล่ะ
หากไม่จำเป็นก็อย่าเสี่ยงดีกว่า
นางยังใช้ชีวิตไม่พอแลย
ไม่ต้องพูดถึงวิกฤตของพี่สาวคนโตที่ยังไม่ได้แก้ไขเลย ขาหมูที่ทั้งกรอบและหอมที่บิดาซื้อมา เหลียงผีที่รสชาติเผ็ดร้อนจากอาซ้อหวังอู่ที่พี่รองเอามาให้ เอ้อร์หนิวที่น่ารัก และแม้แต่อวี้ชี…
พอนึกถึงชายผู้ที่มีปัญหาอยู่เป็นกองแต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อดีมากมาย เจียงซื่อถอนหายใจอยู่ในใจ
หากนางตายอยู่ในรถม้าคันนี้ เขาจะต้องเสียใจมากแน่นอน
ยังไงก็ตายไม่ได้!
เจียงซื่อล้มเลิกความคิดนั้น
แน่นอนว่าที่นางทำเช่นนี้มันเป็นเพราะสัญชาตญาณ เมื่อครู่ตอนที่รถม้าโคลงเคลง คนที่จี้นางกลับนำกริชถอยห่างออกไปเงียบๆ แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ
ทว่าจู่ๆ รถม้าก็หยุดลงกะทันหัน
เสียงอาเฟยดังขึ้นมาจากด้านนอก “อวี๋ อวี๋ คุณชายอวี๋ บังเอิญขนาดนี้เชียว…”
หืม คุณชายอวี๋รู้จักเขา หรือว่าจะเดาออกแล้วว่าภายในรถคือคุณหนูเจียง
พออาเฟยเห็นเจียงซื่อขึ้นไปบนเรือบุปผาก็กลับมารอในรถ เขาไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เวลานี้ความตกใจกลัวที่ถูกพบตัวทำให้เขากลัวจนคุมบังเหียนไม่อยู่
เหล่าฉินขมวดคิ้วมองอวี้จิ่น แล้วหันไปทางผ้าม่านพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “คุณหนู คุณชายอวี๋ขอรับ”
เจียงซื่อรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากริชที่จี้อยู่ด้านหลังกระตุก จากนั้นสตรีคนนั้นก็เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “เจ้าเป็นผู้หญิงรึ”
เนื่องจากไม่ทันได้เติมน้ำมันโคมไฟที่ผนังรถ แสงสว่างจึงเลือนราง ในรถเลยไม่สว่างมาก
การที่มาจี้คนเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจสบายใจได้อยู่แล้ว สตรีผู้นี้ไม่ได้สังเกตเห็นถึงตัวตนของเจียงซื่อ
บริเวณผนังภายนอกรถถูกเคาะเบาๆ เสียงชายหนุ่มดังลอดเข้ามา “ข้าไปส่งเจ้าดีกว่า”
กริชเล่มนั้นถูกยื้อมาข้างหน้าโดยพลัน มันจี้เข้าไปที่เอวของเจียงซื่อ
“ไล่เขาไปเสีย!”
เจียงซื่ออ้าปาก เอ่ยพูดอย่างเร่งรีบ “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้อง เจ้ารีบไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ”
“การไปส่งเจ้าเป็นธุระของข้า”
เจียงซื่อชักสีหน้า คิดในใจหากเจ้าบ้านี่ยังเอ่ยคำป้อยอหวานหูต่อไปนางจะต้องโดนมีดแทงแน่…
“เหตุใดเจ้าถึงไม่เปิดผ้าม่านออกมาดูข้าสักหน่อย” คนที่อยู่ด้านนอกรถเอ่ยถามออกมา
เจียงซื่อหันขวับ
เห็นได้ชัดว่าสตรีที่จี้นางอยู่ไม่คาดคิดว่าชายผู้อยู่นอกรถจะไร้ยางอายเช่นนี้ จึงลืมเตือนเจียงซื่อว่าอย่าขยับ
ภายใต้แสงสลัว ทั้งสองสบตากัน เจียงซื่อเบิกตาโพลง ในที่สุดก็เข้าใจสักทีว่าทำไมถึงคุ้นเสียงของผู้หญิงคนนี้ยิ่งนัก
ระหว่างทางกลับวัดไป๋อวิ๋นสตรีคนนี้เป็นคนช่วยเด็กที่ตกใจกลัวม้าเอาไว้
เนื่องจากเจียงซื่อมีการแต่งเติมใบหน้า สตรีผู้นั้นจึงดูไม่ออก เมื่ออีกฝ่ายเห็นหน้าตานางอย่างชัดเจน จึงพลิกมือนำกริชไปจี้ที่บริเวณคอของเจียงซื่อ ส่วนมืออีกข้างก็บีบมือทั้งสองข้างของเจียงซื่อไว้แล้วพูดออกมาโดยไม่ออกเสียง “สั่งให้เขาไปซะ!”
เจียงซื่อกลัวว่ากริชเล่มนั้นจะกรีดเข้าที่คอโดยไม่ทันระวัง จึงพูดห้วนๆ ออกไป “เมื่อครู่เห็นพอแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปอีก จากนี้ไปก็อย่ามาหาข้าอีก”
ด้านนอกรถเงียบไปครู่หนึ่ง
ผ่านไปสักพัก คนที่อยู่ด้านนอกก็ถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้น “ก็ได้ เช่นนั้นข้าไม่ไปส่งแล้ว เจ้าอย่าโกรธเลย”
เมื่อได้ยินเสียงม้าค่อยๆ จางหายไป สตรีผู้นั้นก็ผ่อนคลายลง ทว่ากลับไม่ได้เก็บกริชที่จี้คอเจียงซื่อ เพียงแต่พูดเสียงผ่อนคลายออกมา “ออกไปจากที่นี่ รอข้ารู้สึกว่าปลอดภัยแล้วข้าก็จะไป ไม่ทำให้เจ้าลำบากใจหรอก”
เจียงซื่อพยักหน้า
รถม้าถูกขับออกไปอย่างไม่เร่งรีบ ยิ่งห่างจากแม่น้ำจินสุ่ยไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเงียบ แต่บางทีก็เจอรถม้าคันอื่นบนถนนชิงสือ หรือพวกหน่วยลาดตระเวนตอนกลางคืน
หลังจากที่ยกเลิกกฎการออกจากเรือนในยามค่ำคืนช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ยามค่ำคืนจึงคึกคักมาก
เจียงซื่อรู้สึกว่ารถวิ่งเร็วขึ้นได้อย่างชัดเจน
สตรีนางนั้นปล่อยมือเจียงซื่อ เลิกผ้าม่านออกไปดูข้างนอกแวบหนึ่ง
นอกจากโคมไฟที่ห้อยอยู่ด้านหน้ารถม้าจะส่องแสงสว่างสลัวๆ ออกมาโดยบริเวณรอบ ไกลออกไปก็มืดสนิท
สายตาของหญิงสาวฉายแววฉงนและงงงวย นางปิดผ้าม่านลงแล้วเปลี่ยนคำพูด “ข้าต้องการที่พักสักที่หนึ่ง”
เจียงซื่อกลอกตาใส่
ก่อเรื่องมาตั้งนานแม่นางโจรผู้นี้กลับต้องการให้นางหาที่ปลอดภัยให้
เจียงซื่อลังเลเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนสั่งออกไป “อาเฟย มุ่งหน้าไปตรอกซงจื่อ”
บ้านเช่านั้นอยู่ที่ตรอกซงจื่อ
“ขอรับ” อาเฟยขานรับ เสียงแส้ม้าดังขึ้น
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด รถม้าหยุดลงอีกครั้ง เสียงอาเฟยพูดขึ้นอย่างจนปัญญา “คุณหนู รถม้าเสีย แต่อย่างไรก็ตามใกล้จะถึงตรอกซงจื่อแล้ว คุณหนูลงมาเถอะขอรับ”
จู่ๆ สตรีผู้นั้นก็กังวลขึ้นมา พลางเอ่ยเสียงเบา “ไม่ได้!”
เจียงซื่อพูดเสียงเบาราวกับยุง “รถม้าเสียแล้ว หากข้าไม่ออกไปพวกเขาจะต้องสงสัยแน่ อีกอย่างในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าจัดหาที่อยู่ให้ ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องลงจากรถอยู่ดี ไม่อาจปิดบังพวกเขาได้หรอก”
นางรับรู้ได้เลยว่าสตรีผู้นี้หมดหนทางแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่เอ่ยขอคนที่ตัวเองมาจี้เช่นนี้หรอก
หรือบางทีเห็นนางแต่งตัวเป็นชายดูหล่อเหลาก็เลยใจอ่อน
ในที่สุดสตรีผู้นั้นก็พยักหน้าลง แสดงเจตนาให้เจียงซื่อลงไปก่อน
เจียงซื่อเคลื่อนตัวไปที่ประตูรถ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ากริชที่จ่ออยู่ด้านหลังหายไปอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
นางหันขวับ เห็นเพียงแค่ประตูสองบานด้านหลังรถที่ถูกเปิดออกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ด้านนอกมืดสนิท
เจียงซื่อพุ่งออกมาจากรถอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเป็นอะไรไหมขอรับ”
เจียงซื่อไม่ได้ตอบอาเฟย นางเดินไปด้านหลัง
อวี้จิ่นกำลังถีบสตรีที่ถูกโยนลงไปบนพื้น “เหลิงอิ่งเอาตัวกลับไปให้เอ้อร์หนิวกิน”