ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 38: ภาค 2 ตอนที่ 15 การเตือนครั้งแรก
เหมือนว่าในที่สุดเคียร่าจะกลับมาร่าเริงได้แล้ว ดังนั้นจึงกลับมาพูดคุยตามปกติได้ซะที ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้วสภาพคนที่เคยเป็นนักโทษก็ดูดีกันขึ้นมาก จากคำแนะนำของเคียร่าในที่สุดก็หางานให้ทุกคนได้
สิ่งนั้นก็ง่าย ๆ เลย ก็แค่ไปรับคำว่าจ้างอะไรก็ตามที่ไม่ใช้ทักษะการต่อสู้มา แล้วจำแนกให้คนที่ทำได้ไปทำ เคียร่าเรียกมันว่า ‘งานรับจ้างสารพัด’ ถึงมันจะเหมือนกับของกิลนักผจญภัยก็เถอะแต่พอใช้เวลาไม่นานมากเราก็ได้งานมาค่อนข้างเยอะ
เพราะการไปว่าจ้างกิลนักผจญภัยนั้นต้องจ่ายเงินล่วงหน้าไว้เลยทันที แล้วรอให้มีคนมารับงานไปทำอีกที ซึ่ง บางครั้งงานก็โดนปล่อยทิ้งร้างไว้ไม่มีใครรับไปทำ แล้วใช้เวลานานพอตัวกว่ากิลนักผจญภัยจะถอนคำว่าจ้างออกแล้วคืนเงินให้ตัวคนจ้าง และแน่นอนว่ามีเก็บค่าธรรมเนียมหน่อยนึงด้วย…
แต่กับพวกเราที่เหมือนเป็นการรับงานตรง ๆ และทำอย่างแน่นอนโดยใช้เวลาไม่นานมาก พอเริ่มได้รับความไว้วางใจก็มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย…ถึงจะมีจดหมายจากทางกิลส่งมากวนหน่อยก็เถอะ
“กรุณาอย่าแย่งลูกค้ากันเหรอ พวกนายคิดว่าไง”
“เอ๋ คิดยังไง ก็หมายความว่ากิลไม่ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าไม่ใช่เหรอ พวกเขาเลยหันมาหาเราแทน”
“ฮ่า ๆ ถูกเผงเลย งั้นฉันจะตอบไปว่าพวกเราไม่ได้ทำอะไรก็แล้วกัน”
เพราะลูกค้าเขาเลือกด้วยตัวเอง ฉันพูดทิ้งท้ายแบบนั้นพร้อมทั้งหัวเราะในลำคออย่างรื่นเริง พวกนั้นก็ได้แต่ส่งจดหมายเตือนหรือร้องเรียนเท่านั้นแหละ โจมตีพวกเราโต้ง ๆ ไม่ได้เพราะว่าทางนี้ก็มีลงทะเบียนกับกิลพ่อค้าเช่นกัน ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาแล้ว เอาเข้าจริงกิลพ่อค้ามีอำนาจกว่ามากโข
เพราะการค้าขายคือชีวิตนี่นะ ดังนั้นเส้นสายจึงไหลไปทั่วทุกหนแห่ง ถ้าเอาจริงขึ้นมาคงใช้เส้นติดต่อให้ทางประเทศส่งกองทัพมาช่วยก็ยังได้ และพวกเราที่สังกัดอยู่กับพวกนั้นจึงค่อนข้างปลอดภัย กิลนักผจญภัยจึงได้แต่มาเรียกร้องแบบนี้…ซึ่งต่อให้สอบสวนหาความผิด พวกเราก็คงไม่ผิดอยู่ดี
หลังจากเขียนจดหมายตอบกลับเสร็จก็เอาไปส่งโดยวิธีการปกติ ซึ่งไม่เหมือนการใช้แฟลชที่รวดเร็วกว่า เรื่องพวกครอบครัวของแฟลชนี่ก็คิดเอาไว้แล้ว ถ้าในอนาคตมีเพิ่มจำนวนประมาณหนึ่งก็จะใช้ให้มาส่งจดหมายเหมือนแฟลช ทางนั้นเองหลังจากเสนอแบบนี้ไปก็เหมือนจะยินดีทำ
ทั้งยังบอกว่ารอคาดหวังได้เลย ถึงที่ผ่านมาจะไม่ได้เพิ่มจำนวนเพราะสถานที่ไม่อำนวย แต่หลังจากมาอยู่ที่นี่พวกเขาก็พร้อมจะขยายพันธุ์กันทันที เฟโลกัสเป็นมังกรที่ออกไข่ในช่วงฤดูหนาวซึ่งกำลังใกล้เข้ามา เมื่อขึ้นปีใหม่ก็คงมีลูกน้อยให้เลี้ยงดูกันจ้าละหวั่นแน่
ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดี พวกเราต้องจัดแจงทุกอย่างให้พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ หน้าหนาวคงมีงานให้ทำไม่มากตอนนี้เราจึงต้องเร่งกอบโกยงานและกักตุนเสบียงสำหรับทุกคน แต่ว่าในตอนนี้ฉันกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กระจายตัวออกไปทำงาน…แต่เป็นการจัดระเบียบและแบ่งงานต่างหาก
“เฮ้อ…มีแต่กระดาษ ตัวอักษร…แล้วก็กระดาษเต็มไปหมดเลย…”
หลังบ่นพร้อมทั้งถอนหายใจลากยาวจบ ฉันก็ฟุบหัวลงไปกับโต๊ะจนสั่นสะเทือนและมีกระดาษเอกสารปลิวว่อน คำร้องขอส่วนมากมาในรูปแบบตัวอักษรและต้องส่งตอบกลับไปเป็นรอบในแต่ละวัน ไม่ใช่แค่ฉันที่ต้องจมอยู่กับเอกสารที่วนเวียนมาไม่หยุด แฟลชเองก็ต้องบินวนไปตามที่หมายเพื่อส่งเอกสารตอบกลับด้วย
ในคฤหาสน์ตอนนี้ก็มีฉันนั่งทำงานอยู่ในห้องพร้อมกับผู้ชายในหมู่บ้านซึ่งมาจากฟัวกราพร้อมพวกวิเวียน มีชื่อว่า นาล เจ้าตัวเป็นคนที่คอยอยู่ฟังคำสั่งต่อไปของฉันแล้วเอาไปบอกกับคนอื่นอีกทอด แถมยังรับเอกสารไปจัดเตรียมตอบกลับด้วย
“ช่วยไม่ได้หนิครับหัวหน้า ในหมู่บ้านเราไม่มีใครอ่านออกเขียนได้เลย พวกคุณโบลที่เคยเรียนกับท่านมาก็ออกไปรับงานต่อสู้กัน ตอนนี้ก็มีแค่คุณที่จัดการได้”
“เฮ้อ ถึงพวกโบลจะอยู่พวกนั้นก็ทำได้ไม่เยอะหรอกน่า…ฤดูหนาวจะจับมาเรียนกันให้หมดเลย พวกนายก็ด้วย เข้าใจนะ!!”
ว่าแล้วอาจจะเพราะว่าหงุดหงิดกับงานที่ท่วมหัวจึงพูดการตัดสินใจออกมาแบบนั้น พร้อมทั้งใช้กำปั้นทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความรู้สึกหงุดหงิด น่าเบื่อ!! ฉันมาเป็นทหารรับจ้างเพราะอยากทำงานที่ต้องต่อสู้นะ ไม่ใช่มาจมกับกระดาษที่เหม็นกลิ่นหมึกแบบนี้ซะหน่อย!
“ไม่เอาแล้ว อยากลุกไปจากตรงนี้~”
“หัวหน้านี่…ต่างจากตอนแรกที่เจอพอควรเลยนะครับ”
นาลพูดออกมาเช่นนั้นแล้วยิ้มแห้งคล้ายลำบากใจ ชวนให้ฉันหยุดมือที่กำลังขีดเขียนอย่างช่วยไม่ได้ แล้วมองไปที่เขาและส่งสายตาเป็นนัยว่าหมายถึงอะไร แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้เอ่ยปากอะไรนั้นประตูห้องทำงานสุดหรูก็ดังขึ้น
“หัวหน้าคะ มีเรื่องด่วนค่ะ”
“ห๋า มีอะไรอีกล่ะเนี่ย เข้ามา!”
หลังบ่นพึมพำด้วยความหน่ายใจฉันก็ตะโกนกลับให้เปิดประตูเข้ามา เผยให้เห็นว่าคนที่มาเคาะนั้นคือวิเวียนฉันก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยออกมา ปกติเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยมาหาฉันมากนักเพราะว่างานที่ดูแลเด็กเล็กนั้นค่อนข้างยุ่ง
เธอยิ้มอ่อนออกมาอย่างสุภาพแล้วยืนรายงานอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางเรียบร้อย พอผสมเข้ากับหน้าตาที่ดีแล้วนั่นทำให้เธอดูงดงามอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาเผลอหยุดหายใจไปครู่หนึ่ง…ก่อนจะสะดุ้งแล้วปัดความคิดเหล่านั้นออกเพราะนึกถึงเคียร่าขึ้นมา
เดี๋ยวสิ ถ้าเคียร่าเข้าสังคมของขุนนางคงทำตัวเรียบร้อยสงบเสงี่ยมแบบนี้สินะ…ถ้าเป็นเคียร่าต้องงดงามกว่านี้แน่…
“ก็ประมาณนี้ค่ะ…หัวหน้าได้ฟังไหมคะ?”
“หัวหน้า…”
“อะ- อา…โทษทีขอใหม่ได้ไหม”
เมื่อโดนนาลที่เหมือนจะมองสายตาของฉันออกจึงพูดด้วยสีหน้าเอือม ๆ ฉันก็ตอบกลับไปอีกหนราวกับเพิ่งรู้สึกตัว ก่อนจะถามวิเวียนอีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อนความคิดของตัวเอง ไม่ได้ ๆ จะมาคิดถึงเคียร่าตอนนี้ไม่ได้…จบงานค่อยไปอ่านจดหมายเธออีกรอบแล้วกัน
วิเวียนหัวเราะเล็กน้อยซึ่งสัมผัสได้ถึงความเอ็นดู ก่อนจะพูดทวนอีกครั้ง
“งั้นขอพูดอีกรอบนะคะ ฝ่ายประมงเจอเข้ากับมนุษย์บาดาล อีกฝ่ายไม่ทำอันตรายอะไรแต่ก็มีอาวุธครบมือ ตอนนี้พวกผู้ชายเลยอยู่เฝ้าระวังให้ฉันมาบอกหัวหน้าแทนค่ะ”
“มาแล้วงั้นเหรอ!! รออยู่เลย!!”
ฉันลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งแล้วทุบโต๊ะพลางพูดอย่างยินดี ถึงดูเหมือนจะดีใจที่ในที่สุดก็ติดต่อกับเมืองบาดาลได้ แต่แท้จริงแล้วดีใจเพราะในที่สุดก็มีงานอย่างอื่นนอกจากกองเอกสาร อา…ในที่สุดก็ได้ออกไปสูดลมข้างนอกแล้ว
ฉันรีบเร่งเร้าให้วิเวียนนำทางไปอย่างรวดเร็วโดยทิ้งกองเอกสารไว้เบื้องหลัง เผยให้เห็นสีหน้าหวาดหวั่นของนาลที่มองฉันสลับไปมากับกองกระดาษ ก่อนจะไหล่ตกด้วยความเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ…พอเห็นงานกองอยู่ขนาดนี้ก็สงบใจไม่ได้เลยนะ…เราเองก็ตั้งใจเรียนอ่านเขียนดีกว่าไหมนะ”
เขาบ่นแบบนั้นในขณะที่พวกเราเดินสวนออกมาจากห้อง หึ ดี คิดแบบนั้นแหละดี!! พวกนายจะได้ทำงานได้แล้วมาทำแทนฉันซะ!! ทีนี้ก็จะได้ออกไปจากงานเอกสารบ้า ๆ พวกนี้ซะที!! ฉันคิดแบบนั้นในใจพร้อมทั้งแรงจูงใจที่จะสอนคนในหมู่บ้านขึ้นมาทันที
หลังเดินออกมาได้สักพักหนึ่งจนถึงที่ชายฝั่งก็พบกับกลุ่มผู้ชายในหมู่บ้านที่กำลังยืนล้อมบางอย่างอยู่ ถึงจะไม่ได้เตรียมต่อสู้แต่ก็ไม่มีใครมือว่างเลยสักคน ทุกคนดูท่าทีไม่ระวังเป็นพิเศษแท้ ๆ แต่สำหรับฉันแล้วก็เป็นบรรยากาศน่าอึดอัดพอควร ดังนั้นจึงเดินแทรกกลางไปแล้วยกมือขึ้นเป็นการบอกให้คนของตัวเองหยุด
แล้วยืนหลังตรงอย่างหนักแน่นแสดงความเป็นผู้นำออกไป…แต่ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายนั้นช่างน่าคิดถึง
“เด็กเรอะ”
คนที่อยู่ตรงหน้าฉันคือมนุษย์บาดาล พวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่ต่างจากมนุษย์บนบกนักแต่ว่าร่างกายจะผิวซีดออกไปทางฟ้าเล็กน้อย พวกนั้นเป็นผู้ชายสามคนใส่ชุดเหมือนทหารถือฉมวกซึ่งแบนไปด้านข้างมีคมสามอันค่อนข้างห่างอยู่ในมือ
แม้ว่าจะอยู่ในน้ำกันเป็นประจำแต่ชุดหลังขึ้นมานั้นก็ดูไม่เปียกแม้แต่น้อย แต่เอาเถอะ เรื่องของมนุษย์บาดาลยังไงก็ช่าง ฉันยิ้มให้และทำท่าเหมือนไม่มีอะไรแปลกถึงพวกเขาจะแสดงสีหน้าประหลาดใจต่อฉันซึ่งเป็นหัวหน้าก็ตาม
“ใช่ ฉันคือหัวหน้ากลุ่มของชุมชนที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้…เรากำลังรอพวกท่านอยู่เลยล่ะ!!”
ฉันพูดแบบนั้นออกมาพร้อมทั้งแสดงสีหน้ายินดีออกมาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งกางมือสองข้างออกราวกับพยายามต้อนรับ พวกคนที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ จึงผ่อนบรรยากาศลงและยิ้มออกมาเมื่อฉันทำแบบนี้ นั่นก็คงทำให้อีกฝ่ายลดความระวังพร้อมทั้งสบายใจขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
ก่อนที่จะกลับมาทำหน้าจริงจังราวกับว่ากำลังเข้าสู่เนื้อหาสำคัญ
“เรามาที่นี่เพื่อจะเตือนบางอย่างแก่พวกท่านที่ส่งเรือเหนืออาณาเขตเรา”
มาแล้วเหรอ นี่คือสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดเลยสำหรับเมืองบาดาล เราไม่รู้วิธีการแบ่งชายแดนของเมืองในผืนน้ำที่พวกเขาอาศัยอยู่ ถึงตอนอยู่ในกองพ่อค้าคาราวานจะมีเจอและค้าขายกันบ้าง แต่โลกด้านล่างนั้นก็ยังคงเป็นปริศนา แถมยังไม่ค่อยมีคนได้ก้าวออกไปนอกชายฝั่งไกลมากนัก เพราะความกลัวที่มีต่อสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอย่างมังกรวารี
ดังนั้นตอนนี้ถึงจะไม่ได้แสดงออกไปแต่ก็กำลังประหม่าและกังวลมากที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาอะไรกันก็คงเป็นเรื่องดีที่สุด…เพราะทะเลเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร แถมน้ำก็ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง เรือถึงจะโคลงเคลงไปบ้างแต่ก็เร็วกว่าการเดินทางทางบกเยอะพอควร
แล้วในที่สุดคำเตือนที่ว่าก็ออกมา
“ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะแห่งนี้มีเขตแดนต้องห้ามอยู่ แม้แต่พวกเราก็ไม่คิดจะย่างกรายเข้าไปที่นั่น…ข้ามาเตือนเพราะเกรงว่าหากปล่อยให้ไม่รู้ต่อไปจะก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้”
“เอ๊ะ อะ อา…”
“แค่นี้!!”
ว่าแล้วเขาก็ทำความเคารพราวกับเป็นท่าทางแบบทางการหลังกล่าวรายงานจบอย่างหนักแน่น แถมยังทำท่าจะกลับไปในทันทีด้วย ฉันจึงส่งเสียงทักออกไป
“เดี๋ยวก่อน!”
“หือ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
แม้จะดูเป็นท่าทางน่าตลกไปหน่อย แต่ทหารเหล่านั้นก็กำลังทำท่าจะกระโดดลงไปในทะเล อะ มีคนนึงโดดจนมีเสียงจ๋อมลงไปในน้ำแล้วด้วย ก่อนจะโผล่หัวขึ้นมาด้วยความสงสัย…ช่างเรื่องนั้นก่อนแล้วเข้าประเด็นดีกว่า
เป็นอีกครั้งที่ฉันโยนความคิดในหัวตัวเองทิ้งไป แต่ในหนนี้นั้นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา
“คือว่า…ไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าพวกเราจะทำการประมงภายในอาณาเขตของท่าน”
“เอ๋ ไม่มีปัญหานะครับ ปกติเมืองของพวกเราจะสร้างตามปะการังฟองน้ำซึ่งเกิดจากธรรมชาติ และทะเลก็มักจะเป็นทางผ่านของสิ่งมีชีวิตบ่อย ๆ ดังนั้นการมีอะไรข้ามหัวพวกเราจึงปกติมาก”
เอ๊ะ ปะการังฟองน้ำ? คืออะไรล่ะนั่นแล้วพวกเขาอาศัยอยู่ในนั้นเรอะ ไม่ยักจะรู้มาก่อนเลยแฮะ…อะ ถ้าเคียร่ารู้เรื่องนี้เธอต้องตื่นเต้นมากแน่ ไว้เขียนเล่าให้เธอฟังดีกว่า
“อ้อ ถ้าพูดถึงปัญหาล่ะก็…คงเป็นการรักษาระบบนิเวศของทะเลกระมังครับ”
“อ๊ะ เรื่องสำคัญเลยหนิ ถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหม ฉันเองก็อยากจะพึ่งพาเส้นทางทะเลเป็นหลัก คงจะดีกว่าถ้าพวกเราร่วมมือกันรักษามันเอาไว้”
ฉันพูดออกมาแล้วหัวเราะร่าอย่างร่าเริง อีกฝ่ายทำหน้าประหลาดใจอีกครั้งก่อนที่ในที่สุดจะผ่อนคลายอย่างเต็มรูปแบบ ดูท่าคงจะถูกใจการที่พวกเราอยากรักษาผืนทะเลเอาไว้ไม่น้อยเลย
“กระผมช่างเสียมารยาทที่แวบแรกสบประมาทท่านว่าเป็นเด็ก เข้าใจแล้ว หากท่านต้องการพวกเราจะรวบรวมข้อมูลระบบนิเวศและวิธีการรักษาโดยรวมเอาไว้ให้…ครอบคลุมไปถึงสัตว์อนุรักษ์ใกล้สูญพันธุ์ด้วย”
“โอ้ นั่นช่วยได้มากเลยพวกเราเองก็กำลังคุ้มครองมังกรโบราณอยู่เช่นกัน ถ้าเผลอสังหารสิ่งล้ำค่านั่นโดยบังเอิญคงแย่น่าดู”
“นั่นช่างวิเศษ…หากไม่เป็นการรบกวนกระผมอยากเห็นมังกรโบราณที่อยู่บนผืนดินได้ไหมครับ”
“แน่นอน และถ้านายมาช่วงปีใหม่ คงได้ลูบหัวพวกตัวเล็กแน่ ฮ่า ๆ”
เหมือนว่าการพูดคุยเกี่ยวกับการรักษามังกรโบราณจะซื้อใจพวกเขาได้พอสมควร ทั้งสามจึงยิ้มแป้นและขานรับอีกหนอย่างร่าเริง และก่อนจะกลับไปฉันก็แนะนำตัวอีกครั้งอย่างเป็นทางการ
“จริงสิ ฉันมีชื่อว่าแฟร์ เป็นหัวหน้าที่ดูแลเกาะฟิว เดิมทีเป็นทหารรับจ้างน่ะแต่ตอนนี้รับงานทุกแบบเท่าที่ทำได้ ถ้าพวกนายมีงานอะไรอยากทำบนบกหรือสนใจเป็นพิเศษ ก็ส่งมาได้ล่ะ แม้แต่ฝากหาสินค้าก็ตาม”
แม้พวกเขาจะทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองจะมีอำนาจทำถึงขั้นนั้นได้ไหม แต่ก็ตอบกลับมาว่าจะลองเอาไปบอกราชาอีกที ฉันจึงบอกว่าไม่เป็นไรพลางลาพวกเขาอย่างสุภาพอีกครั้ง…
การเจรจากับเมืองบาดาลสุดปริศนาเป็นไปด้วยดี เท่านี้ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ยังไงก็นะ อะไรที่ไม่รู้เราก็เป็นมิตรไว้ก่อนดีที่สุด เพราะงั้นถึงน่าดีใจที่ทำให้ทหารสามคนนั้นซึ่งเป็นตัวแทนมาพูดคุยพอใจพวกเราได้ หลังจากนี้คงต้องคุยอะไรหลาย ๆ อย่างเลย ทั้งกับทางนั้นและคนฝั่งนี้
ตอนนี้ก็…เฮ้อ ต้องกลับไปทำงานเอกสารแล้วสินะ
———————— —————
(มุมคนเขียน)
สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องบางอย่างมาบอกกับเหล่าผู้อ่านในเว็บ Nekopost ทุกท่าน….ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ;-; ที่ผ่านมาเราไม่รู้เลยว่ามีเม้นอยู่ในรายตอนด้วย เลยกลายเป็นว่าเงียบปล่อยทิ้งไว้นานมากกกก
รู้สึกเอ๋อมากเลยค่ะตอนลองกดเข้าไปดู(ฮา) เพราะตามจริงคือไม่ค่อยคุ้นชินกับเว็บนี้เท่าไหร่ (เอาเข้าจริงก็ทุกเว็บเลย–) เพราะงั้นถ้ามีอะไรเอ๋อๆหรือผิดพลาดก็สามารถทักท้วงได้เสมอเลยเลยนะคะ ;-;
ส่วนเม้นเก่าๆก็จะทยอยกลับไปตอบให้ครบทุกคนค่ะ และถ้าใครที่เราตอบช้าก็ไม่ต้องห่วง เราได้อ่านแล้วค่ะ!! แค่อาจจะกำลังใช้ความคิดว่าจะตอบกลับยังไงให้ดีที่สุดดี บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ยากกว่าการเขียนต่อต่อก็ได้ค่ะ ;-;
ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ถึงเราจะเอ๋อๆบ้าง แต่ก็ยังติดตามมาจนถึงตอนนี้ค่ะ!! ขอบคุณมากค่ะ!