ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 293 จากลา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ชั่วขณะจ้าวเสี่ยวกังถึงกับพูดอะไรไม่ออก ภายในใจของเขาที่จะรู้สึกไม่ได้ว่ามีพี่แบบไหนก็มีน้องชายแบบนั้น เขาก็แค่อุตส่าห์พูดด้วยความหวังดี
"แหะแหะ พี่ลี่ ผมอยากจะให้คุณอยู่ข้างกายผม ถ้าคุณไปทำงานในเมืองจริง เวลาที่ผมคิดถึงคุณจะทำยังไง? ยิ่งไปกว่านั้นคุณทำงานในเมืองคนเดียวผมไม่ไว้ใจ ขนาดอยู่ข้างกายผมผมยังรู้สึกว่าไม่ไว้ใจเลย ผมกลัวว่าคุณจะโดนผู้ชายคนอื่นจีบไป"
"แหมแหมแหม………นี่ไงกะว่าจะไม่พูดอะไรที่มันน่าฟังหน่อยเลยเหรอ? เลิกมาใช้ไม้นี้กับฉันได้แล้ว ฉันไม่หลงกลนายอีกแล้ว ลองสรรหาคำพูดที่มันใหม่ๆบางทีฉันอาจจะพอรับได้"
ถึงแม้ปากของหวังลี่จะพูดแบบนี้ แต่ภายในใจของเธอกลับเริ่มรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เธอไม่อยากไปทำงานในเมืองทั้งทั้งที่เป็นแบบนี้
"พี่ลี่ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมมีลูกไม้ที่ลึกซึ้งแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ที่ผมพูดมาเป็นความจริงทั้งนั้น ความสวยและความอ่อนโยนของคุณมันดังไปถึงหมู่บ้านต้าหวัง ผมรู้อยู่นะว่ามีแม่สื่อหลายคนที่อยากจะหาคู่ให้คุณ อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องนี้"
ในขณะที่กำลังพูด จ้าวเสี่ยวกังทำสีหน้าท่าทางที่เป็นเป็นกังวลจนทำให้หวังลี่ถึงกับหัวเราะ
"นายกำลังกังวลเรื่องนี้เหรอ?"
"ที่ผมกังวลคือกลัวคุณจะหนีไปกับผู้ชายคนอื่น ผมไม่ได้กังวลพวกแม่สื่อพวกนั้นหรอก คนที่ผมเป็นห่วงคือคุณโอเคหรือเปล่า"
จ้าวเสี่ยวกังพูดพร้อมกับขับรถไถเข้าไปในเมืองอย่างเชื่องช้า หวังลี่ก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าดูเหมือนจ้าวเสี่ยวกังตั้งใจขับให้มันช้าลงเพื่อที่จะได้อยู่กับเธออีกสักพัก เธอก็ไม่ได้พูดอะไร อันที่จริงภายในใจของเธอก็อยากจะอยู่กับจ้าวเสี่ยวกังอีกสักพักเหมือนกัน
สายลมในช่วงเช้าพัดผ่าน พัดผ่านตัวของหวังลี่จนส่งกลิ่นหอมลอยโชยมา ทำให้จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะสูดดมอย่างเต็มปอด
ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่มีกลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กลิ่นกายที่อยู่บนตัวของหวังลี่ทำให้เขารู้สึกสดชื่นมาก กลิ่นกายที่อยู่บนตัวของซุนหรานหรานทำให้เขารู้สึกถึงความเย้ายวน ส่วนกลิ่นกายที่อยู่บนตัวของซ่งยวี่ชิงให้ความรู้สึกที่เบิกบานใจ
กลิ่นกายที่บนตัวของซ่งยวี่ชิงมันยากที่จะทำให้เขาลืมเลือน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้เธอมาไว้ในครอบครองอย่างจริงจังสักที แต่เรื่องนี้จ้าวเสี่ยวกังก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะเขารู้สึกว่าการที่จะได้ใจเธอนั้นมันยากกว่าได้ใจคนอื่น
ขอเพียงแค่หัวใจของเธอติดอยู่กับเขา ไม่ว่าวันใดวันหนึ่งก็ต้องเป็นของเขา แต่ถ้าหากใจไม่ได้ผูกติดอยู่กับเขา สักวันหนึ่งคนก็ต้องหนีหายไป ก็เหมือนกับหวังลี่ในตอนนี้ ถ้าหากหัวใจของหวังลี่อยู่กับเขาจริง เธอคงจะอยู่ต่อแน่นอน แต่ถ้าหากใจของเธอไม่ได้อยู่กับเขา ไม่ว่าเขาจะพยายามยังไงมันก็สูญเปล่า
การกระทำของจ้าวเสี่ยวกังย่อมไม่สามารถหลบพ้นสายตาของหวังลี่ แต่ว่าภายในใจของเธอไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกโกรธในทางกลับกันกลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ และถึงขั้นรู้สึกภาคภูมิใจด้วย
"ฉันมีอะไรให้นายต้องเป็นห่วง? ฉันไม่ได้จะแต่งงานกับพวกเขาสักหน่อย"
"แหะแหะ พี่ลี่ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขายังไม่ดีพอ แล้วถ้าวันหนึ่งคุณได้เจอกับผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่างล่ะ? คุณจะแต่งงานกับเขาหรือเปล่า?"
หวังลี่ได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอ่อนหวาน "มันก็ต้องดูว่าผู้ชายคนนั้นจะดีกว่านายหรือเปล่า? ถ้าหากเขาดีกว่านายแลtชอบฉันด้วย ฉันก็คงต้องพิจารณาอยู่แล้ว"
"พี่ลี่ คุณพูดแบบนี้ทำร้ายจิตใจผมแย่เลย ผมกับคุณเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ขอเพียงแค่ดีกว่าผมคุณก็จะพิจารณาแล้วเหรอ? ดูเหมือนผมก็ต้องพิจารณาตัวเลือกภรรยาในอนาคตของผมให้ดีแล้ว"
"ก็เอาสิ นายพูดมาตามตรง นายมีตัวเลือกอยู่จริงใช่หรือเปล่า?"
"ตัวเลือกอะไร? พี่ลี่ คุณนี่ก็เปลี่ยนเรื่องเร็วเหมือนกันนะ ผมก็แค่พูดไปงั้นแหละ"
ทันทีที่ได้ยินหวังลี่พูดแบบนี้ จ้าวเสี่ยวกังรีบพูดบ่ายเบี่ยงทันที แต่ภายในใจของเขากลับเอาแต่คิดเรื่องของซ่งยวี่ชิง ทำยังไงถึงจะสามารถแต่งงานกับซ่งยวี่ชิงได้อย่างเปิดเผย และไม่ทำให้คนในหมู่บ้านต้องวิพากษ์วิจารณ์
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ซ่งยวี่ชิงโดนคนในหมู่บ้านวิพากษ์วิจารณ์มามากพอแล้ว และฉายานางปีศาจจิ้งจอกก็ทำให้ซ่งยวี่ชิงเกือบจะไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเขาสังเกตเห็นก่อน เกรงว่าพี่สะใภ้ที่สวยงามคนนี้คงจะหาไม่เจออีกแล้ว
"ฮึ่ม เห็นแก่ที่นายไม่กล้า พี่สาวจะบอกความจริงให้ ที่ฉันออกไปทำงานครั้งนี้ก็เพื่อหาเงินก่อนแต่งงานหลังจากที่ฉันหาเงินครบแล้วก็จะกลับมาเอง ฉันทำงานในหมู่บ้านจะได้เดือนละเท่าไหร่กัน? ถึงแม้แต่งงานกับนาย อย่างน้อยฉันก็ต้องซื้อทีวีสีสักเครื่องอยู่มั้ง? พวกเครื่องซักผ้าและแอร์ฉันก็อย่างได้ ฉันไม่อยากให้นายเหนื่อยมากเกินไป ต่อไปเงินพวกนี้มันจะกลายเป็นเงินค่าสินสอดที่ติดตัวฉัน ส่วนนายก็แค่รับผิดชอบสร้างบ้านตรงที่ดินผืนที่หัวหน้าหมู่บ้านแบ่งให้ก็พอแล้ว"
หลังจากที่พูดจบ หวังลี่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชีวิตที่สวยงามและสมบูรณ์แบบในอนาคตแล้วยิ้ม
มองดูรอยยิ้มที่หอมหวานของหวังลี่ จ้าวเสี่ยวกังก็อดไม่ได้ที่จะมองตาครั้งเช่นกัน
"ไอ้ตัวเหม็น มองทางด้วย ฉันน่ามองขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"แหะแหะ น่ามอง ต้องน่ามองอยู่แล้ว พี่ลี่ หรือไม่พี่อยู่ต่อเถอะ ของพวกนี้ผมมีปัญญาซื้ออยู่แล้ว"
"พอเลย ฉันรู้ว่านายรับซื้อเห็ดสนทำกำไรได้ไม่น้อย แต่ของพวกนี้มันไม่ใช่ระยะยาว หลังจากที่เห็ดสนหมดไปแล้วก็เข้าฤดูหนาว นายคิดจะทำอะไรต่อ? ยังไงนายก็ต้องใช้เงินของนายไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นนายควรจะหางานอะไรที่เป็นระยะยาวทำจะดีกว่า"
คำพูดของหวังลี่ทำให้จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะมองเธอสูงไปอีกขั้น เมื่อก่อนเขาคิดมาโดยตลอดว่าหวังลี่เป็นแค่แม่ศรีเรือนที่อยู่ในบ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะมองการณ์ไกลขนาดนี้
"แหะแหะ พี่ลี่ เรื่องพวกนี้ผมรู้อยู่แล้ว ผมกำลังพิจารณาอยู่ ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะออกไปทำงาน ตอนที่คุณกลับมาผมจะทำให้คุณต้องตกใจแน่นอน คุณจำคำพูดของคุณเอาไว้ให้ดีนะ เวลาที่ผมไปหาคุณคุณจะให้รางวัลผม ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเป็นรางวัลที่ดีมากด้วย"
"วางใจเถอะ พี่สาวคนนี้พูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ขอเพียงแค่นายไปหาฉัน ฉันก็จะให้รางวัลนาย"
หลังจากที่พูดจบ สีหน้าของหวังลี่รู้สึกเขินอายจนหน้าแดงขึ้นมาทันที
ระหว่างการเดินทางไม่ช้าไม่เร็วในที่สุดก็มาถึงในเมือง จ้าวเสี่ยวกังส่งหวังลี่ไปถึงท่ารถ หลังจากนั้นรอจนเธอขึ้นรถ
ก่อนจากการ หวังลี่้หันกลับมาอย่างกะทันหันและจูบปากของจ้าวเสี่ยวกัง
"เสี่ยวกัง พี่สาวรักนาย รอพี่สาวก่อน"
หลังจากที่หวังลี่พูดด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง เธอรีบวิ่งขึ้นรถพร้อมกับกล่องในมือโดยไม่หันกลับมามองอีก และมีผู้คนที่อยู่บนรถมากมายที่เห็นภาพนี้แต่หวังลี่และจ้าวเสี่ยวกังก็ไม่ได้ใส่ใจ
"พี่ลี่ ผมก็รักคุณ ผมจะต้องทำให้คุณตกตะลึงแน่นอน"
อาจจะเป็นเพราะว่าคนขับรถขี้เกียจดูจ้าวเสี่ยวกังที่พูดอยู่กับอากาศคนเดียว เขาเหยียบคันเร่งแล้วออกรถทันที
จ้าวเสี่ยวกังยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเอง สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่อ่อนโยนของหวังลี่ ใบหน้าของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงความรู้สึกที่มีความสุขออกมา
ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกว่าดูเหมือนหวังลี่จะไม่ได้ชอบเขา เพราะแบบนี้เธอจึงจากไปอย่างไม่ลังเล แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่รักเขา แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายรักเขามากเกินไป และคิดแทนเขามากเกินไปก็เท่านั้น
จ้าวเสี่ยวกังขับรถไถตรงไปที่ร้านอาหารเผิงไหล ทันทีที่เพิ่งมาถึงร้านอาหารเผิงไหล จ้าวเสี่ยวกังพบว่ามีพวกนักเลงกำลังก่อกวนอยู่หน้าประตูร้าน ภาพนี้ทำให้จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
หลู่ต้าเหว่ยที่ยืนอยู่ในร้านอาหารก็เริ่มไม่รู้จะทำยังไง คนพวกนี้มาที่นี่ตั้งแต่เช้า และยังบอกกับเขาอีกว่าอย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้าน ไม่อย่างนั้นระวังตัวเอาไว้ให้ดี ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ แต่มองดูท่าทางที่เต็มไปด้วยลายสักของคนกลุ่มนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าคนพวกนี้เป็นคนที่เขาไม่ควรจะไปยุ่งด้วย