ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 263 สุดยอดไปเลย
“พี่เฟิง แล้วพี่คิดยังไงกับอาหารของเขา? ทำไมถึงมีความแตกต่างกับของผมมากขนาดนี้?”
“ปัดโธ่ ยังจะต้องให้พูดอีกเหรอ? ผักของเขาซื้อมาจากโรงเรือนทั้งนั้น ล้วนแต่ใช้สารเคมีกระตุ้นทั้งนั้น ส่วนผักของนายสีเขียวไร้ตำหนิ นายคงจะไม่เคยฉีดยาให้กับแตงกวาของนายใช่หรือเปล่า?”
หลังจากที่พูดจบ เฟิงเซียนหรุหยิบแตงกวาชิ้นหนึ่งขึ้นมาใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวกรุบๆทันที
“แหะแหะ พี่เฟิงพูดถูกต้องแล้ว แต่ว่าพวกของสีเขียวที่ไม่มีตำหนิแบบนี้มันขายดีเหรอ?”
มองดูท่าทางที่เต็มไปด้วยความสงสัยของจ้าวเสี่ยวกัง เฟิงเซียนหรุหัวเราะแล้วพูด “ไม่ใช่แค่ขายดีอย่างเดียวนะ ราคาในท้องตลาดสูงมากเลยด้วย ถ้าฉันไปรับซื้อผักในหมู่บ้านพวกนั้น โดยทุกกิโลกกรัมเพิ่มเงินให้อีกหนึ่งหยวน แล้วเอาไปให้คนอื่นลองกินจะต้องพูดชมอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย ผักปลอดสารพิษแบบนี้ก็มีข้อเสียของมัน ปัญหามันอยู่ที่ว่าเติบโตช้าเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องจ่ายค่าแรงสูง พวกแมลงหรือหนอนที่อยู่ตามผักล้วนแต่ต้องใช้คนเอาออก ไม่เหมือนกับพวกที่ใช้สารเคมี ไม่เพียงแต่หน้าตาออกมาดูดี ยิ่งไปกว่านั้นสีสันยังดูสวยงามมาก แต่แบบนั้นมันก็มีข้อเสียเยอะเหมือนกัน มันมีสารตกค้างมากเกินไป……….”
หลังจากที่ฟังเฟิงเซียนหรุพูดอธิบายจนหมด ความคิดที่อยู่ภายในใจของจ้าวเสี่ยวกังก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้น
“พี่เฟิง พี่ว่าถ้าผมปลูกผักปลอดสารพิษเป็นไง? พี่จะรับซื้อหรือเปล่า?”
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังทำให้เฟิงเซียนหรุรู้สึกอึ้ง หลังจากนั้นเขาส่ายหัวไล่ความมึนเมา เวลาพูดลิ้นก็เริ่มพันกันขึ้นมาบ้างแล้ว
“นายอยากจะปลูกผักปลอดสารพิษที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ? คนเป็นพี่อย่างฉันต้องดูแลนายอยู่แล้ว รับแน่นอน แต่นายทำเป็นโครงการใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นห้ามใช้พวกสารเคมีไม่ได้เด็ดขาด สิ่งสำคัญที่สุดคือราคา ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะเริ่มรู้สึกเมาบ้างแล้ว แต่ฉันเป็นนักธุรกิจ เรื่องราคามันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่านายปลูกอะไรฉันถึงจะให้ราคาได้ถูก เป็นยังไง?”
มองดูเฟิงเซียนหรุที่เริ่มอยู่ในอาการมึนเมาเล็กน้อย จ้าวเสี่ยวกังยิ้มแล้วพูด “ได้ ถึงเวลาผมจะลองดู ถ้ามันออกมาไม่ดีผมก็ไม่ขายแน่นอน”
“เสี่ยวกัง นายทำตามความคิดของนายอย่างเต็มที่เลย ฉันสนับสนุนนาย”
คำพูดของเจียงจิ่วเตี๋ยทำให้จ้าวเสี่ยวกังและเฟิงเซียนหรุถึงกับอึ้ง
เฟิงเซียนหรุมองไปทางเจียงจิ่วเตี๋ยอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เขาเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่าตกลงวันนี้ภรรยาของตัวเองเป็นอะไร หลังจากที่ได้เจอกับจ้าวเสี่ยวกังเธอทำเหมือนกับว่าได้พบกับชายในฝัน ค่อยช่วยเหลือและสนับสนุนทุกอย่าง
ส่วนจ้าวเสี่ยวกังก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เขาและเจียงจิ่วเตี๋ยไม่ได้คุ้นเคยกัน ที่รู้จักกันก็เป็นเพราะเฟิงเซียนหรุ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอะไรเลย
“แค๊กๆ……..อาซ้อ ทำไมคุณถึงช่วยผมมากขนาดนี้?”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันดูโหงวเฮ้งและดวงชะตาเป็น นายจะเชื่อฉันหรือเปล่า?”
หลังจากที่พูดจบ เจียงจิ่วเตี๋ยก็เริ่มลงมือกินกุ้งก้ามแดงต่อ จนกระทั่งเธอกินจนไม่ไหวแล้วจึงหยุดลง
ส่วนจ้าวเสี่ยวกังยังคงนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ภายในใจของเขามันเต็มไปด้วยความสงสัย แม้แต่ตัวของเขาเองก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองเลย แต่ทำไมเจียงจิ่วเตี๋ยที่เพิ่งเคยเจอเขาถึงมั่นใจในตัวเขามากขนาดนี้
แล้วก็คำพูดพวกนั้นของเจียงจิ่วเตี๋ย บางทีเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีปัญหาทางด้านจิตใจ หรือไม่ก็เธอมีความสามารถพิเศษแบบนั้นจริง
“อาซ้อ
“เออเออเออ……..ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ถึงเวลาแล้วนายจะเข้าใจเอง พวกนายกินต่อเลย ฉันขอไปนั่งตากลมที่ใต้ต้นไม้หน้าบ้านก่อน”
เฟิงเซียนหรุมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของเจียงจิ่วเตี๋ย ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรัก ในขณะเดียวกันก็ถอนหายใจแล้วพูดกับจ้าวเสี่ยวกัง “น้องเสี่ยวกัง มา พวกเราดื่มอีกชาม”
“พี่เฟิง ผมว่าพี่ก็เริ่มเมาแล้ว หรือไม่พวกเราพอแค่นี้ก่อน”
“เห้อ เหล้าดีขนาดนี้ไม่ดื่มก็เสียของหมด ดื่มชามนี้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
อึกอึก……..
ได้ยินเสียงและมองดูท่าทางที่กำลังดื่มเหล้าของเฟิงเซียนหรุ จ้าวเสี่ยวกังก็ดื่มเป็นเพื่อนกับเฟิงเซียนหรุจนหมดชาม
“สุดยอด สุดยอดอะไรขนาดนี้ ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าดีแบบนี้มานานมากแล้ว เสี่ยวกัง กุ้งก้ามแดงของนายก็อร่อย เหล้าก็ดี มันทำให้ฉันไม่อยากกลับบ้านเลย กุ้งก้ามแดงของนายถ้าส่งออกตามคุณภาพแบบนี้ ฉันให้นายกิโลกรัมละร้อยหกสิบหยวนเลยเป็นไง?”
มองดูท่าทางที่ส่ายไปมาของเฟิงเซียนหรุ จ้าวเสี่ยวกังก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ สำหรับคำพูดของเฟิงเซียนหรุเขาก็คิดว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว
เมื่อก่อนไม่มีโทรศัพท์ไม่รู้จักโลกภายนอก ไม่แน่เขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่หลังจากที่มีโทรศัพท์แล้ว เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างบนโลกอินเตอร์เน็ต เหมือนกุ้งก้ามแดง ปกติทั่วไปแล้วตามตลาดขายส่งทั่วไปจะอยู่ในราคากิโลกรัมละประมาณเจ็ดสิบหยวน เฟิงเซียนหรุให้ราคาเพิ่มเป็นเท่าตัวแบบนี้ ด้วยราคาแบบนี้ถ้าเขาไม่ขาดทุนก็บ้าแล้ว
“พี่เฟิง เลิกล้อเล่นกับผมได้แล้ว หรือไม่ผมพาคุณเข้าไปนอนพักในห้องก่อน?”
“ฉันยังไม่ได้เมา พวกเราดื่มกันต่อ แล้วก็อีกอย่างฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ถ้าหากนายสามารถเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงที่มีคุณภาพแบบนี้ออกมาในจำนวนมาก ของของนายฉันรับซื้อหมด”
หลังจากที่พูดจบ เฟิงเซียนหรุหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเจิ้งจื่อหรุและคนอื่น
บทสนทนาเรียบง่ายมาก เขาแค่บอกว่าจะรับซื้อกุ้งก้ามแดงทั้งหมดของจ้าวเสี่ยวกัง สั่งให้คนอื่นไม่ต้องมาแย่งกับเขา หลังจากที่พูดจบเขากดวางสายทันทีโดยไม่รอฟังว่าอีกฝ่ายเห็นด้วยหรือเปล่า
เจิ้งจื่อหรุฟังน้ำเสียงของเฟิงเซียนหรุ ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายดื่มเหล้าไปไม่น้อยแล้ว แต่ในภาพความทรงจำของเขา เฟิงเซียนหรุเป็นคนที่หนักแน่นที่สุดและน่าเชื่อถือมากที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ที่ผ่านมาดื่มเหล้าก็ไม่เคยเมามาก่อน ถึงแม้จะดื่มจนเมาก็ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดพลาดในด้านธุรกิจ หลังจากที่ได้ยินเขาบอกว่าจะรับซื้อกุ้งก้ามแดงทั้งหมดของจ้าวเสี่ยวกังอย่างกะทันหันแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่าดูเหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น
หลิวหรุยี่และจั่วจวินซั่งก็ได้รับโทรศัพท์จากเฟิงเซียนหรุด้วยเช่นกัน พวกเขาสองคนฉลาดกว่าเจิ้งจื่อหรุ พอจะเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นคนเราเวลาเมาแล้วมักจะพูดความจริงเสมอ พวกเขามั่นใจว่าคุณภาพของกุ้งก้ามแดงที่จ้าวเสี่ยวกังเลี้ยงจะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน ถึงได้เกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่อย่างนั้นเฟิงเซียนหรุคงไม่หน้าด้านรับซื้อทั้งหมดโดยไม่แบ่งพวกเขาแบบนี้
และมันทำให้ทั้งสามคนตัดสินใจที่จะเดินทางมาบ้านจ้าวเสี่ยวกัง ตกลงเป็นกุ้งก้ามแดงแบบไหนกันแน่ที่ทำให้เฟิงเซียนหรุที่เป็นคนหนักแน่น ถึงขั้นเอ่ยปากอย่างหน้าด้านบอกพวกเขาว่าห้ามมาแย่ง เขาจะเป็นคนรับซื้อกุ้งก้ามแดงทั้งหมดคนเดียวแบบนี้
หลังจากที่จ้าวโหย่วเทียนไปขุดหลุมเก็บผลผลิตเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับมาที่บ้านทันที ตอนที่เขาสังเกตเห็นเจียงจิ่วเตี๋ยเดินวนไปวนมาอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้านของตัวเอง ภายในใจของเขาเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาเอาเหล้าไปฝังไว้ใต้ต้นไม้ต้นนั่นไม่น้อย เขาอุตส่าห์อดทนมาหลายปีไม่ยอมดื่ม สิ่งแรกที่เขาคิดคือหรือว่าเจียงจิ่วเตี๋ยจะพบอะไรเข้าแล้ว
เจียงจิ่วเตี๋ยสังเกตเห็นจ้าวโหย่วเทียนกลับมา ภายในใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว ในขณะเดียวกันสมองของเธอก็แล่นอย่างรวดเร็วเอาภาพของจ้าวโหย่วเทียนมาเปรียบเทียบกับบุคคลที่อาจารย์ของเธอเคยแนะนำในภาพวาด และทันใดนั้นเธอก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน ปรมาจารย์ผู้เชี่ยววชาญด้านการหมักเหล้า
“ไม่มีชื่ออยู่ในเซียนทางเหนือผีทางใต้ ไม่ทราบว่าตกลงคุณเป็นใครกันแน่?”
เจียงจิ่วเตี๋ยยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เสียงที่เหมือนกับเสียงของนางฟ้าดังเข้าไปในหูของจ้าวโหย่วเทียน ทำให้จ้าวโหย่วเทียนยืนอึ้งอยู่กับที่