ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 259 เจียงจิ่วเตี๋ย
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ เฟิงเซียนหรุอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูด “นายจะทำงานรีบไปถึงไหน? ฉันอยากจะดูสระบัวของนายก่อน การเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ฉันไม่อยากเห็นนายต้องขาดทุน หลังจากที่ฉันได้ดูสระบัวของนายกุ้งมังกรย่อมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว”
“แหะแหะ ได้เลย วันนี้ผมจะให้คุณลองชิมอาหารพิเศษของหมู่บ้านเรา ตอนนี้คุณรออยู่ตรงนั้นแหละ”
“ได้ ไม่ต้องรีบ ระหว่างทางมาก็ระมัดระวังด้วย”
หลังจากที่กดวางสาย จ้าวเสี่ยวกังรีบเดินทางกลับบ้านไปสตาร์ทรถไถแล้วขับตรงไปหาเฟิงเซียนหรุ หลังจากที่ทายาของหนิวเกิงซึง เขารู้สึกว่าบาดแผลของเขาหายเร็วเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวันนี้หลังจากที่ได้เห็นสะเก็ดแผลเริ่มก่อตัวขึ้น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกดีใจมาก ไม่อย่างนั้นไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะไม่กล้าขับรถไถก็ได้
ระหว่างทาง จ้าวเสี่ยวกังขับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจหลุมบ่อที่อยู่ตามทาง ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของหมู่บ้าน
หลังจากที่ดูป้ายทะเบียนรถก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นรถของเฟิงเซียนหรุ เขารีบจอดรถไถพ่วงของตัวเองไว้ด้านข้าง หลังจากนั้นเดินตรงเข้าไป
เฟิงเซ๊ยนหรุก็สังเกตเห็นจ้าวเสี่ยวกังเช่นกัน รีบก้าวเท้าลงมาจากรถ
“เสี่ยวกัง มาเร็วดีใช้ได้ ฉันนึกว่านายจะปล่อยให้ฉันรอนานกว่านี้ซะอีก”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ จ้าวเสี่ยวกังยิ้มแล้วพูด “พี่เฟิงมาด้วยตัวเองแบบนี้ผมก็ต้องเร็วอยู่แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวผมจะทำให้พี่ไม่พอใจเสียเปล่า”
เมื่อเห็นท่าทางที่เดินเข้ามาอย่างทะมัดทะแมงของจ้าวเสี่ยวกัง เฟิงเซียนหรุพูดด้วยความสงสัย “เสี่ยวกัง แผลของนายหายดีแล้วเหรอ?”
“แหะแหะ ยังหายไม่หมด แต่ก็เกือบแล้ว”
“ร้ายกาจ ความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายของนายนี่มันน่าอิจฉาเสียจริง ถ้าเมื่อก่อนร่างกายของฉันสามารถฟื้นฟูได้เร็วเหมือนนาย ตอนนี้เมืองจวินไชคงจะกลายเป็นของฉันไปแล้ว แม้แต่เจิ้งจื่อหรุก็คงทำแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบ เฟิงเซียนหรุระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“พี่เฟิง พี่จะนั่งรถไถกลับไปพร้อมกับผมหรือว่าจะสั่งให้คนขับรถของพี่ขับตามผมเข้าไป?”
“นั่งรถของนายดีกว่า ขอชื่นชมทัศนียภาพที่สวยงามแบบนี้สักหน่อย ฉันจะสั่งให้คนขับรถของฉันกลับไปก่อน พอถึงเวลาแล้วค่อยมารับฉันอีกทีก็แล้วกัน”
หลังจากที่พูดจบ เฟิงเซียนหรุเดินไปเปิดประตูแล้วพูดกับคนขับรถที่อยู่ด้านใน หลังจากนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือแปดหน้าตาสวยมากก้าวเท้าเดินลงมา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ทาเครื่องสำอางแม้แต่นิดเดียว เธอสวยในแบบธรรมชาติของเธอ ร่างกายผอมสูง ผิวขาวเนียน คอสีขาวที่โดนแสงอาทิตย์สาดส่องของเธอราวกับสามารถสะท้อนแสง
สิ่งที่ทำให้จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกหวั่นไหวมากที่สุดคือใบหน้าที่สวยงามของเธอ มันสวยจนยากที่จะอธิบาย
เฟิงเซียนหรุสังเกตเห็นท่าทางที่ทึ่งของจ้าวเสี่ยวกัง ยิ้มแล้วพูด “มา ฉันจะแนะนำให้รู้จัก นี่เป็นภรรยาของฉันเจียงจิ่วเตี๋ย”
“ที่รัก เขาคนนี้ก็คือจ้าวเสี่ยวกังเด็กหนุ่มที่ผมเคยเล่าให้คุณฟัง”
เจียงจิ่วเตี๋ยได้ยินเฟิงเซียนหรุพูดแบบนี้ ดวงตาที่สวยงามของเธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองจ้าวเสี่ยวกัง หลังจากนั้นยื่นมือออกไปยิ้มแล้วพูด “เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีใช้ได้ ต่อไปเหล่าเฟิงของบ้านเราต้องพึ่งพาน้องชายช่วยดูแลด้วย”
เมื่อเห็นเจียงจิ่วเตี๋ยยื่นมือที่ขาวเรียวของเธอออกมา จ้าวเสี่ยวกังรีบเช็ดมือของตัวเองกับกางเกงแล้วยื่นมือออกไปจับมือกับเธออย่างรวดเร็วทันที
“แหะแหะ อาซ้อพูดกลับกันแล้ว? น่าจะเป็นผมต่างหากที่ต้องพึ่งพาพี่เฟิงถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง เจียงจิ่วเตี๋ยอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูด “ฉันพอจะดูโหงวเฮ้งเป็น แค่ดูก็รู้แล้วว่านายเป็นมังกรในในคราบมนุษย์ ฉันไม่มีทางดูผิดอย่างแน่นอน”
หลังจากที่พูดจบ เจียงจิ่วเตี๋ยปีนขึ้นไปบนพ่วงที่ติดกับรถไถทั้งที่สวมกระโปรงยาวโดยตรงทันที หลังจากนั้นเธอนั่งลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เฟิงเซียนหรุก็ปีนขึ้นไปแล้วกอดเจียงจิ่วเตี๋ยเอาไว้แน่น หลังจากนั้นยิ้มแล้วพูด “ไอ้หนูรีบขับรถได้แล้ว คนที่มีโอกาสได้พบกับที่รักของฉันมีไม่กี่คนหรอก นายคงจะพอใจแล้วมั้ง ไม่ต้องถามอะไรมาก เอาเป็นว่าต่อไปช่วยดูแลฉันด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ จ้าวเสี่ยวกังเริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว
สตาร์ทรถไถไปด้วยพร้อมกับพูดอย่างไม่เข้าใจไปด้วย “พี่เฟิง คุณเลิกมาล้อเล่นกับผมได้แล้ว ผมเป็นแค่ชาวสวนชาวไร่ มีเหรอที่จะไม่รู้ว่าตัวเองจะไปได้ไกลแค่ไหน?”
“เหอเหอ นายไม่รู้จริงด้วย เรื่องในอนาคตจะมีใครบอกได้บ้าง รีบไปกันได้แล้ว อากาศที่นี่ร้อนมาก”
“ได้เลย นั่งให้ดี พวกเราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้แล้ว”
ระหว่างทางจ้าวเสี่ยวกังขับช้ามาก เพราะกลัวว่าถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อจะทำให้เจียงจิ่วเตี๋ยที่อยู่ด้านหลังทนไม่ไหว แค่ดูจากผิวพรรณที่นุ่มบางและขาวของเจียงจิ่วเตี๋ยก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยต้องลำบาก
เฟิงเซียนหรุที่นั่งอยู่ด้านหลังรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมเด็กหนุ่มอย่างจ้าวเสี่ยวกังที่อยู่ในป่าในเขาแบบนี้ถึงมีวิสัยทัศน์และไหวพริบที่ดีขนาดนี้
ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะมีระบบนำทางจีพีเอส คนขับรถของเขาคงหาตำแหน่งของหมู่บ้านบางจื่อไม่เจออย่างแน่นอน
ตอนที่กลับมาถึงบ้าน จ้าวโหย่วเทียนและหลี่กุ้ยเฟินก็กลับมาจากไร่พอดี
ทันทีที่สังเกตเห็นเจียงจิ่วเตี๋ย หลี่กุ้ยเฟินและจ้าวโหย่วเทียนถึงกับรู้สึกตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้
หลี่กุ้ยเฟินรีบต้อนแกะกลับเข้าไปในคอกแกะ หลังจากนั้นกลับมาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น
“เสี่ยวกัง มีแขกมาทำไมไม่บอก ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวบ้านไหนเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของแม่ตัวเอง ไม่ต้องพูด จ้าวเสี่ยวกังก็รู้ได้ในทันทีว่าแม่ของตัวเองคิดมากเกินไปแล้ว
“แค๊กๆ……..”
“แม่ คนนี้คือพี่เฟิงที่ผมไปรู้จักในเมืองหรือเถ้าแก่เฟิง เขาเป็นถึงคนที่ทำธุรกิจอยู่ในเมือง ส่วนคนนี้คือแฟนของพี่เฟิง”
หลังจากที่ได้ยินจ้าวเสี่ยวกังแนะนำ หลี่กุ้ยเฟิงถึงกับตกตะลึง
เฟิงเซียนหรุดูยังไงก็น่าจะเป็นคนที่มีอายุสี่สิบกว่าขึ้นไป ส่วนเจียงจิ่วเตี๋ยดูแล้วก็เพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆ ถ้าจะบอกว่าเฟิงเซียนหรุเป็นพ่อของเจียงจิ่วเตี๋ยเธอก็เชื่อ แต่ว่าคำตอบของจ้าวเสี่ยวกังมันทำให้เธอตายใจแล้ว
“โอ๊ย ฉันถามคำถามที่ไม่ควรถามออกมาใช่หรือเปล่าเนี่ย เสี่ยวกังดูแลแขกไปก่อน แม่จะไปเด็ดผลไม้ในสวน”
หลังจากที่พูดจบ หลี่กุ้ยเฟิงก้าวเท้าเดินออกไปทันที
เดิมทีจ้าวโหย่วเทียนคิดว่าจ้าวเสี่ยวกังพาเด็กสาวในเมืองกลับบ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของคนอื่น สุดท้ายเขาก็เพียงแค่ยิ้มทักทาย หลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยกันอีก
ในทางตรงกันข้ามจ้าวเสี่ยวกังต้อนรับเฟิงเซียนหรุและเจียงจิ่วเตี๋ยอย่างอบอุ่น
“พี่เฟิง หรือไม่พวกเราจะไปดูสระบัวกันก่อน ผมจะได้ให้คุณดูกุ้งมังกรที่ผมเลี้ยงเอาไว้ด้วย เดี๋ยววันนี้ผมจะจับมาทอดน้ำมันให้คุณลองชิมดูก่อน เป็นไง?”
“ก็ดีนะ พอดีเลยฉันจะได้ไปดูด้วยว่าสระบัวของนายเหมาะกับการเพาะเลี้ยงขนาดใหญ่หรือเปล่า”
เพื่อเห็นเฟิงเซียนหรุตอบตกลง จ้าวเสี่ยวกังส่งตะกร้าไม้ไผ่ใบเล็กให้กับเฟิงเซียนหรุแล้วออกเดินทางทันที
ส่วนเจียงจิ่วเตี๋ยเดินตามหลังของเฟิงเซียนหรุอย่างเชื่อฟัง ระหว่างทาง เจียงจิ่วเตี๋ยได้ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายในหมู่บ้าน ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นเธอจะต้องหลงเสน่ห์ในความสวยของเธอทันที
ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เฟิงเซียนหรุรู้สึกภาคภูมิใจมาก ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับว่ายังรักเจียงจิ่วเตี๋ยไม่พอ