ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 256 พี่สาว ผมยอมให้พี่รังแกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย
หลังจากที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เถียงชุ่นหลิวได้สติขึ้นมาทันที มองไปทางจ้าวเสี่ยวกังด้วยความดีใจ
“นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเถียงชุ่นหลิว จ้าวเสี่ยวกังพูดอย่างยิ้มแย้ม “พี่สาว พี่คงจะไม่ได้คิดถึงผมอยู่ใช่ไหม?”
“บ้านนายสิ ฝันไปเถอะ อย่างฉันเนี่ยนะจะคิดถึงนาย วันนี้มายืมเครื่องชั่งหรือว่ามาซื้อของ?”
“แหะแหะ หรือว่านอกจากมายืมเครื่องชั่งและซื้อของแล้วผมจะมาเยี่ยมพี่ไม่ได้เลยเหรอ? ผมก็แค่คิดถึงพี่ก็เลยแวะมาดูสักหน่อย”
คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังดังเข้าไปในหูเถียงชุ่นหลิว ภายในใจของเธอรู้สึกหวานชื่นขึ้นมาทันที และในขณะเดียวกันก็รู้สึกบาปด้วย
“ฮึ่ม นายนี่มันเอาแต่พูดโกหกให้ฉันดีใจ ฉันว่านายมาหาป้าต้าเฉียวมากกว่ามั้ง เธอกำลังดูทีวีอยู่ในบ้าน วันนี้ดีขึ้นกว่าวันก่อนเยอะมาก ไม่รู้ว่าอู๋ยิ่งทำอะไรอยู่ นานขนาดนี้แล้วยังไม่มาหาป้าต้าเฉียวอีก”
เถียงชุ่นหลิวพูดจบ เธอหลบทางให้จ้าวเสี่ยวกังเดินเข้ามาด้านใน
จ้าวเสี่ยวกังได้ยินคำพูดของเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อย่าให้ผมได้เจอไอ้หมอนั่น ไม่งั้นจะสั่งสอนให้เข็ดเลย”
พูดจบ จ้าวเสี่ยวกังถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปข้างใน
มองดูแผ่นหลังที่แข็งแรงของจ้าวเสี่ยวกัง ภายในหัวของเถียงชุ่นหลิวไม่สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นไม่ได้สักที
อู๋ต้าเฉียวหลังพิงกำแพงนั่งดูทีวีอยู่เงียบๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจิตใจของเธอเริ่มสงบนิ่งมากแล้ว และเธอได้ทำความเข้าใจกับหลายเรื่อง รอให้สุขภาพแข็งแรงดีแล้ว เธอตัดสินใจจะหย่ากับอู๋ยิ่งมาใช้ชีวิตคนเดียว หลายปีที่ผ่านมาเธออดทนมามากพอแล้ว ในเมื่อครั้งนี้ไม่ตาย ต่อจากนี้เธอก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไป
“ป้าต้าเฉียว ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ทันทีที่จ้าวเสี่ยวกังเดินเข้ามาในบ้านเขาได้กลิ่นสมุนไพรที่ฉุนไปทั้งบ้านทันที ภายในใจรู้สึกขอบคุณเถียงชุ่นหลิวมาก ในขณะเดียวกันความเกลียดชังที่มีต่อโจวหรานฮวาก็เพิ่มมากขึ้น
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดยังสู้คนเดินผ่านคนหนึ่งไม่ได้ แค่คิดก็ทำให้รู้สึกปวดใจแล้ว
ได้ยินเสียงของจ้าวเสี่ยวกังดังขึ้นอย่างกะทันหัน จิตใจของอู๋ต้าเฉียวที่สงบนิ่งลงแล้วเกิดคลื่นขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามภายใต้การล่อลวงของโจวหรานฮวามันทำให้ข้อเท็จจริงเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกดีที่จ้าวเสี่ยวกังทำให้เธอมันสามารถเทียบกับความรู้สึกที่เธอมีมาทั้งชีวิต
“แค๊กๆ……..”
“เสี่ยวกังไม่ต้องมาเยี่ยมฉันแล้ว ฉันหายดีแล้ว ฉันรู้สึกว่าอีกไม่กี่วันฉันก็สามารถลงมาเดินเหินได้ ถึงเวลานั้นฉันก็สามารถทำงานได้แล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ซีดขาวเล็กน้อยของอู๋ต้าเฉียว จ้าวเสี่ยวกังก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่ความสวยงามของอู๋ต้าเฉียวไม่ได้ลดน้อยลงเลย ในทางกลับกันมันยังให้ความรู้สึกที่สวยแบบขาวซีด
“ป้าต้าเฉียว แค่ดูจากสีหน้าของคุณผมก็รู้แล้วว่าอาการไม่ดี หลังจากที่คุณหายดีแล้วค่อยคิดเรื่องทำงานดีกว่า ก่อนที่จะหายดีผมว่าคุณพักฟื้นให้ดีก่อนจะดีกว่า”
“เหอเหอ ฉันรบกวนชุ่นหลิวมาหลายวันแล้ว จะรบกวนแบบนี้ต่อไปได้ยังไง”
ให้เถียงชุ่นหลิวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีความเป็นญาติมาปรนนิบัติแบบนี้ ภายในใจของเธอรู้สึกรับไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกซาบซึ้งมาก
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนหนึ่งที่ปกติแล้วไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยมากนักดูแลเธอแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว ตอนนี้อย่างน้อยเธอก็พอที่จะช่วยตัวเองได้แล้ว ภายในใจจึงคิดจะไปจากที่นี่ แต่เนื่องจากไม่มีสถานที่ให้ไป เธอจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดขึ้น
เมื่อไหร่ที่มีอาการบาดเจ็บหายดี เธอตัดสินใจที่จะไปสร้างบ้านกระท่อมหลังหนึ่งอยู่ก่อน ส่วนเรื่องเงิน เธอมีมือมีเท้าจึงไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเงิน
“ป้า ผมเคยบอกกับพี่ชุ่นหลิวเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นปู่หนิวก็บอกแล้วด้วย คุณจำเป็นต้องพักรักษาตัวเจ็ดวันถึงจะสามารถลงมาเดินได้ คุณอย่าฝืนตัวเองเลย หลังจากที่บาดแผลของคุณหายดีแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่าจะให้คุณช่วยดูแลสระบัว ดังนั้นคุณพักรักษาตัวให้หายก่อนเถอะ”
“สระบัว? สระที่ไม่สามารถเพาะเลี้ยงปลาได้จะทำเงินได้ยังไง? นายไม่ต้องมาปลอบใจฉันแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เชื่อของอู๋ต้าเฉียว จ้าวเสี่ยวกังหัวเราะแล้วพูด “ใครบอกว่าเลี้ยงปลาไม่ได้แล้วจะเลี้ยงอย่างอื่นไม่ได้? ที่ผมจะเลี้ยงคือกุ้งมังกร ถึงเวลานั้นให้ค่าแรงพี่เดือนละสอง แต่ถ้าคุณภาพออกมาดีก็ให้สามพันไปเลย เป็นไง?”
ได้ยินจ้าวเสี่ยวกังเสนอราคาที่น่าสนใจแบบนี้ อู๋ต้าเฉียวรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาทันที
“เยอะไปแล้ว เยอะไปแล้ว ถ้านายจะจ้างงานฉันแค่หนึ่งพันห้าก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว ”
“แหะแหะ ก็ได้ งั้นงานส่วนนี้ผมจะเก็บเอาไว้ให้ป้า ก่อนที่กุ้งมังกรจะมาถึงคุณพักฟื้นไปก่อนก็แล้วกัน หลังจากที่อาการหายดีแล้วค่อยไปช่วยงานผม ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่กล้าจ้างคุณ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาผมจะถูกคนอื่นนินทาเอาอีก”
หลังจากที่ได้ยินจ้าวเสี่ยวกังพูดแบบนี้ อู๋ต้าเฉียวหัวเราะแล้วพูด “ได้ ขอแค่นายจ้างฉัน ฉันก็จะทำงานกับนายอย่างแน่นอน นายให้ฉันทำยังไงฉันก็จะทำแบบนั้น”
“แหะแหะ ป้า คำพูดของคุณมันน่าเก็บเอาไปคิด”
หลังจากที่คำพูดของจ้าวเสี่ยวกังดังเข้าไปในหูของอู๋ต้าเฉียว อู๋ต้าเฉียวอดไม่ได้ที่จะคิดลึกขึ้นมาทันที โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ที่อยู่ภายในถ้ำ สั่งให้เธอทำยังไงเธอก็ทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ
“ไอ้ตัวเหม็น อย่าคิดทะลึ่ง ต่อไปอย่าคิดเรื่องพวกนี้อีก นายควรจะหาเด็กผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งมาใช้ชีวิตด้วยกันถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
“อืม ผมฟังป้า งั้นก็เท่ากับว่าป้าตอบตกลงผมแล้วนะ ต้องพักรักษาตัวให้ดีก่อนถึงจะไปทำงาน”
หลังจากที่พูดจบ จ้าวเสี่ยวกังโน้มตัวเข้าไปพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของอู๋ต้าเฉียว หลังจากนั้นวางเงินไว้ให้เธอหนึ่งพันหยวนแล้วเดินออกไป
มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของจ้าวเสี่ยวกัง ภายในใจของอู๋ต้าเฉียวเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกว่าจ้าวเสี่ยวกังไม่สามารถใช้คำว่าเด็กมาเปรียบเทียบ เพราะจ้าวเสี่ยวกังเป็นคนที่รอบคอบมาก
หลังจากออกมา จ้าวเสี่ยวกังสังเกตเห็นเถียงชุ่นหลิวที่ยืนนอนหมอบอยู่บนเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าที่กำลังครุ่นคิด
ก้นโด่ง เอวบาง รูปร่างสมบูรณ์แบบที่ดึงดูดสายตาทำให้จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกหวั่นไหว ถึงแม้จะไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้น แต่มือของเขากลับทำตัวไม่น่ารักเท่าไหร่ เขายื่นมือออกไปแล้วบีบมันอย่างอ่อนโยน
ทันทีที่เขาทำแบบนี้ ทำให้เถียงชุ่นหลิวเกิดความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาทันที
“เสี่ยวกัง นายนี่มันรู้จักแต่รังแกฉัน ระวังวันไหนฉันจะรังแกนายเอาบ้าง”
ในขณะที่เถียงชุนหลิวกำลังพูดประโยคนี้ สายตาของเธอจับจ้องไปที่ข้างล่างของจ้าวเสี่ยวกัง
“แหะแหะ พี่สาว ผมยอมให้พี่รังแกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ขอแค่พี่กล้ามา”
“ฮึ่ม นายมันไม่ใช่แค่ปากหวานอย่างเดียว มือก็ทำตัวไม่น่ารัก ดูเหมือนต้องอยู่ห่างจากนายสักหน่อยแล้ว”
หลังจากที่พูดจบ เถียงชุ่นหลิวเดินเข้าไปด้านในโดยตรง เธอกลัวว่าจ้าวเสี่ยวกังจะทำอะไรส่งเดช เมื่อเป็นแบบนั้น เธอกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวจนเผลอคล้อยตามความคิดของจ้าวเสี่ยวกัง
“แหะแหะ พี่สาววางใจเถอะ ผมมีใจแต่ไม่กล้าหรอก เลิกไปหลบข้างในได้แล้ว เอาเหล้ามาให้ผมสองขวด”