ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 254 ซุนหรานหรานถูกลวนลาม
สัมผัสได้ถึงบั้นท้ายที่นุ่มนวลของซุนหรานหราน จ้าวเสี่ยวกังก็รู้สึกสบายตัวจนไม่อยากให้อีกฝ่ายลุกจากไปเช่นกัน
“แหะแหะ พี่สาว ไม่เจ็บ แค่รู้สึกทรมานนิดหน่อย”
ตอนที่พูดคำพูดประโยคนี้ จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเล็กน้อย แต่การที่เขาขยับตัวเล็กน้อย มันทำให้ซุนหรานหรานสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นที่หายไปนาน
“อืม เสี่ยวกัง อยากขยับมั่ว”
ซุนหรานหรานถลนตาใส่เสี่ยวกัง แต่เธอกลับเป็นคนที่ขยับเองเป็นครั้งคราว ในวินาทีนั้นมันทำให้จ้าวเสี่ยวกังสบายตัวจนอยากจะไล่หวังฟาฟาไปให้พ้น แล้วตัวเองค่อยผ่าซุนหรานหรานเข้าไปสนุกกันในป่าแทน
“พี่กัง พี่สาวพูดถูก พี่อย่าอยากขยับมั่ว ไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจจะฉีกขาดได้”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังฟาฟา ทั้งสองคนตั้งสติได้ขึ้นมาทันที ชั่วขณะ เมื่อกี้ทั้งสองคนเริ่มต้องการแล้ว เพียงแค่ไม่รู้จะพูดออกไปยังไงก็เท่านั้น หลังจากที่ได้ยินหวังฟาฟาตัวก้างขวางคอพูดขึ้น ทั้งสองคนจึงไม่กล้าที่จะเล่นจ้ำจี้กันต่อ
ซุนหรานหรานยกบั้นท้ายของตัวเองออกจากร่างกายของจ้าวเสี่ยวกังด้วยความความอาลัยอาวรณ์ ส่วนจ้าวเสี่ยวกังก็ขยับถอยหลังยังไม่สบายตัว
ระหว่างทาง ภายในใจของทั้งสองคนเต็มไปด้วยคลื่นแห่งตัณหา แต่เนื่องจากการดำรงอยู่ของหวังฟาฟา ทั้งสองคนจึงพยายามอดกลั้นเอาไว้
พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกว่าระยะเวลาในการเดินทางมันผ่านไปช้ามาก แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกว่าอยากจะให้ช้ากว่านี้ ทั้งสองคนจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
มาถึงหน้าร้านร้านอาหารเผิงไหล ซุนหรานหรานกระโดดลงจากรถพ่วง พูดทักทายกับหวังฟาฟาและจ้าวเสี่ยวกังแล้วเดินแยกตัวออกไป
หวังฟาฟามองบั้นท้ายที่ส่ายไปมาของซุนหรานหรานแล้วรู้สึกคันมือ โดยเฉพาะเสื้อสลิงที่เผยให้เห็นแผ่นหลังของเธอ ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทำให้ผิวของเธอดูขาวใสมาก ทำให้เกิดความรู้สึกอดไม่ได้ที่อยากจะเป็นลูบคล้ำ
จ้าวเสี่ยวกังเดินเข้าไปในร้านอาหารเผิงไหล หาคนที่รับตำแหน่งแทนหลิวต้าโถวจนครบ
ฝ่ายตรงข้ามก็เพิ่งจะได้พบกับจ้าวเสี่ยวกังเป็นครั้งแรก เขารู้เพียงแค่ว่าจ้าวเสี่ยวกังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิวต้าโถว และดูเหมือนจะมีภูมิหลังด้วย ส่วนอย่างอื่นเขาก็ไม่เข้าใจอะไรมาก แต่ในเมื่อมีภูมิหลัง เขาจริงปฏิบัติกับเขาอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หลิวต้าโถวก็พูดถึงขนาดนั้นแล้ว เขาย่อมไม่มีทางกล้าไปทำให้จ้าวเสี่ยวกังลำบากใจ
หลังจากที่ผ่านการแนะนำตัว จ้าวเสี่ยวกังรู้ว่าอีกฝ่ายแซ่หลู่ ชื่อต้าเหว่ย ถูกย้ายมาจากที่อื่นและถือว่าได้เลื่อนตำแหน่ง
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดคุยกับตัวเองด้วยความกระตือรือร้น ชั่วขณะจ้าวเสี่ยวกังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่นานเขาสั่งให้หวังฟาฟาขนเห็ดสนเข้ามา หลังจากนั้นขึ้นไปคิดบัญชีกับหลูต้าเหว่ยที่ชั้นสอง
หลูต้าเหว่ยก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่ารอบนี้จ้าวเสี่ยวกังจะทำกำไรได้ถึงหกหมื่น แต่ว่าของพวกนี้เขาไม่สามารถอิจฉาได้ ถึงเขาอยากจะไปรับซื้อแต่ก็ต้องมีคนขายด้วย
“เชฟหลู่ ปกติแล้วลุงหลิวจะกลับมาเมื่อไหร่ คุณรู้หรือเปล่า?”
“อ๋อ ปกติแล้วเขาจะมาช่วงวันอาทิตย์ ส่วนเวลาอื่นเขาก็ไม่ค่อยกลับมา นอกเสียจากว่าที่นี่จะมีแขกคนสำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะอยู่ที่ร้านอาหารในเมืองตลอด เพราะยังไงฝีมือการทำอาหารของผู้จัดการหลิวสุดยอดมาก มีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถเทียบกับเขาได้”
จ้าวเสี่ยวกังได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยได้เลี้ยงอาหารหลิวต้าโถวแม้แต่มื้อเดียว และการที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะหลิวต้าโถว
เมื่อได้ยินจ้าวเสี่ยวกังพูดแบบนี้ หลู่ต้าเหว่ยพูดด้วยความดีใจขึ้นมาทันที “น้องเสี่ยวกังเกรงใจเกินไปแล้ว ถ้าคุณไม่รังเกียจเรียกผมว่าพี่หลู่ก็พอ คุณเรียกผมว่าเชฟหลู่มันฟังดูยังไงไม่รู้”
“แหะแหะ พี่หลู่ งั้นก็ตกลงตามนี้ รอให้คุณมีเวลาเมื่อไหร่ ไปดื่มกินที่หมู่บ้านผมเป็นยังไง?”
“ได้ แต่ว่าช่วงเดือนนี้ผมคงจะไม่มีเวลาหรอก ผมพึ่งจะมารับตำแหน่ง ยังมีของอีกมากมายที่ต้องทำความคุ้นเคย หลังจากที่ผมคุ้นเคยที่นี่แล้ว ถึงเวลานั้นคุณอย่าหาว่าผมยุ่งยากก็พอแล้ว”
“พี่หลู่ พูดแบบนี้ก็มองผมเป็นคนนอกมากเกินไป ครั้งแรกที่เจอกันผมก็รู้สึกว่าคุณเป็นคนดี ถึงแม้เพิ่งจะรู้จักคุณได้ไม่นาน
เมื่อถูกจ้าวเสี่ยวกังพูดชมแบบนี้ หลู่ต้าเหว่ยเริ่มหัวเราะขึ้นมาทันที
“ผมก็เหมือนกับคุณ ครั้งแรกที่เจอกันผมก็รู้สึกว่าพวกเรามันเข้ากันได้ นี่เป็นเงินหกหมื่น เก็บไว้ให้ดี”
รับเงินจากหลู่ต้าเหว่ยมา จ้าวเสี่ยวกังรีบบอกลาทันที แต่ภายในใจของเขากับอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกสงสัย ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ตอนที่หลิวต้าโถวอยู่เขาไม่สามารถถือเงินมากขนาดนี้ แต่หลูต้าเหว่ยกลับทำได้ ซึ่งมันทำให้คติของจ้าวเสี่ยวกังที่มีต่อหลู่ต้าเหว่ยตอนเจอกันครั้งแรกเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดูเหมือนหลู่ต้าเหว่ยคนนี้จะไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เห็น ไม่แน่เขาอาจจะปกติสถานะอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้
ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่จ้าวเสี่ยวกังก็คิดว่าต่อไปเวลาที่เจอกับอีกฝ่ายควรระมัดระวังมากกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่สร้างปัญหาให้กับหลิวต้าโถวหรือหยวนเซียงหลิง
เดินออกจากร้านอาหาร จ้าวเสี่ยวกังตามหวังฟาฟาไปลงทะเบียนซิมการ์ดทันที
ทันทีที่เดินเข้าไปในศูนย์บริการเครือข่ายเคลื่อนที่ จ้าวเสี่ยวกัง จ้าวเสี่ยวกังสังเกตเห็นด้านข้างของซุนหรานหรานถูกรุมล้อมด้วยวัยรุ่นหลายคน และหลายคนเป็นคนที่จ้าวเสี่ยวกังคุ้นเคย พวกเขาล้วนแต่เป็นนักเลงที่ติดตามหวังจวิน เพียงแต่ว่าตอนนี้หวังจวินไม่ได้อยู่ด้วยก็เท่านั้น
ซุนหรานหรานมองดูสายตาที่ไม่ประสงค์ดีของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ภายในใจของเธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย
ถ้าหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ เธอคงไม่ออกมาคนเดียวแล้ว
“คนสวย ชื่ออะไรเหรอ? สนใจจะไปเที่ยวในตัวเมืองด้วยกันหรือเปล่า? ที่นั่นสนุกมากและยังสามารถหาเงินได้อีกด้วย คืนหนึ่งได้ตั้งสี่ห้าสิบหยวน สนใจหรือเปล่า?”
“ไม่สนใจ พวกคุณช่วยอยู่ห่างจากฉันหน่อย ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาเข้าใกล้ฉันแบบนี้”
ซุนหรานหรานเบิกตากว้าง ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นท่าทางที่รู้สึกกลัวของตัวเอง
แต่อีกฝ่ายกลับเดินเข้ามาหาเธออย่างกะทันหันแล้วสูดดมกลิ่นกายของเธอ
“ว้าว คนสวย ตัวของเธอนี่มันหอมจัง อย่างเธอคืนหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องทำเงินได้สักสองร้อย เอาแบบนี้ฉันจะให้เงินกับเธอก่อน แล้วคืนนี้พวกเราค่อยไปสนุกด้วยกัน?”
หลังจากที่พูดจบ อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะยื่นมือของตัวเองออกไป อย่างไรก็ตามซุนหรานหรานไม่ใช่แค่แต่งตัวเซ็กซี่ แต่เธอยังเป็นคนสวยอีกด้วย เสื้อสลิงเปิดโชว์แผ่นหลังที่ขาวเนียน อย่าว่าแต่เขาเลย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากลองดูทั้งนั้น เพียงแต่ว่าคนทั่วไปไม่กล้าก็เท่านั้น
ในขณะที่มือของเขากำลังจะสัมผัสโดนตัวของซุนหรานหราน เสียงที่เย็นชาของจ้าวเสี่ยวกังดังขึ้นจากหน้าประตู
“เอามือสกปรกของแกออกไป ไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป”
“ไอ้เวร ใครที่มันกล้ามายุ่งเรื่องของฉัน…….”
คำพูดประโยคหลังยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายสังเกตเห็นใบหน้าของจ้าวเสี่ยวกัง
ในพวกเขาหลายคนล้วนแต่เคยใกล้ชิดกับจ้าวเสี่ยวกัง เขาเป็นคนบ้าที่ไม่กลัวตาย และเป็นคนที่กล้ามีปัญหากับหวังป้าเทียน
“ฮืม? ไม่ไปเหรอ?”
เมื่อเห็นคนทั้งกลุ่มยืนมองตาค้าง จ้าวเสี่ยวกังแสดงท่าทางที่โกรธจัดให้อีกฝ่ายเห็นโดยตรง
“แหะแหะ พี่ชาย พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ พวกเราไปเดี๋ยวนี้ พวกเราไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของคุณ คุณอย่าถือสาเลย อย่าถือสา”
หลังจากที่พูดจบ คนทั้งกลุ่มรีบวิ่งออกไปทันที
ซุนหรานหรานได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงของจ้าวเสี่ยวกังไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ ภายในใจของเธอกลับรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นจ้าวเสี่ยวกังเพียงแค่ใช้สายตาก็ขู่คนพวกนั้นกลัว ภายในใจของเธอเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังดิ้นอยู่ในใจของเธอ