ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 239 ตัวตนที่ถูกปกปิดของเฟิงเซียนหรุ
หลังจากที่เจียงจิ่วโจวพูดจบ เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วมองไปทางเฟิงเซียนหรุด้วยสายตาที่ดูถูก
เฟิงเซียนหรุที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ไม่ได้พูดอะไร เขาค่อยๆประคองจ้าวเสี่ยวกังลุกขึ้นยืน
"ฮึ่ม เรื่องบางเรื่องคนอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจ ในเมื่อหมอนี่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อผม ผมก็ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา นี่แหละคือมิตรภาพของพี่น้อง ถ้าหากผมมีลูกบางทีผมอาจจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา แต่ผมไม่มี คุณไม่มีวันเข้าใจความคิดของผม และคุณก็ไม่มีวันเข้าใจเป้าหมายของผม และยิ่งไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของผม ดังนั้นคุณกับผมมันเดินคนละเส้นทางกัน"
"เมื่อไหร่ปีก่อนที่ผมไล่คุณไป ถามว่าผมรู้สึกเสียใจไหมผม ไม่รู้สึกเสียใจเพราะผมไม่ฆ่าคุณ ที่ผมยอมปล่อยคุณไปก็เพราะหวังว่าคุณจะเข้าใจอะไรมากขึ้น อย่างไรก็ตามในตอนนั้นพวกเราอายุยังน้อย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งหลายปี คุณยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด"
หลังจากที่พูดจบ เฟิงเซียนหรุหยิบมีดอีโต้ของจ้าวเสี่ยวกังขึ้นมาดู หลังจากนั้นถือมันไว้ในมือซ้ายแล้วชี้ไปทางเจียงจิ่วโจว
"เก่งจริงก็เข้ามาเลย"
เจียงจิ่วโจวมองดูท่าทางของเฟิงเซียนหรุ สีหน้าที่ไร้ความหวาดกลัว แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการต่อสู้ เขารู้ได้ในทันทีว่าเฟิงเซียนหรุไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด
"ว่านเจี๋ย เขาเป็นเถ้าแก่ของนายและเป็นลูกพี่ของนาย ในเมื่อนายอยากจะแทนที่เขา นายเป็นคนจัดการเองก็แล้วกัน ขอเพียงแค่นายสามารถเอาชนะเขา ฉันจะแบ่งผลกำไรของซุปเปอร์มาร์เก็ตให้นายครึ่งหนึ่ง"
ว่านเจี๋ยที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกหวั่นไหวกับคำพูดของเจียงจิ่วโจว ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งทันที
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกตกใจกลัวกับท่าทางที่มีไม่กลัวตายของจ้าวเสี่ยวกัง ถึงแม้เขาจะเป็นคนแรกที่บุกเข้าไป แต่กลับเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด ถ้าหากเจียงจิ่วโจวให้เขาไปสู้กับจ้าวเสี่ยวกังในตอนนี้ บางทีภายในใจของเขาอาจจะรู้สึกกลัว แต่สู้กับเฟิงเซียนหรุ เขากลับมีความมั่นใจมาก
ปกติเขาติดตามอยู่ข้างกายของเฟิงเซียนหรุ ย่อมรู้อยู่แล้วว่าสภาพร่างกายของเฟิงเซียนหรุเป็นยังไง เขาไม่ต่างอะไรจากขี้โรคคนหนึ่ง
"ลูกพี่เจียง คอยดูเถอะ"
หลังจากที่พูดจบ ว่านเจี๋ยหยิบมีดที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปหาเฟิงเซียนหรุ
เฟิงเซียนหรุผลักจ้าวเสี่ยวกังออก หลังจากนั้นยืดอกหลังตรง พลิกไปทางด้านข้าง ใบมีดที่คมกรีดแทงตรงเข้าไปหาหัวไหล่ของว่านเจี๋ย
ส่วนมีดของว่านเจี๋ยที่ฟันตรงเข้ามา เขาสามารถหลบพ้นไปได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว บนหัวไหล่ของว่านเจี๋ยมีบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดปรากฏขึ้น
ว่านเจี๋ยหันไปมองบาดแผลที่อยู่ตรงหัวไหล่แล้วหันไปมองทางเฟิงเซียนด้วยความตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าลูกพี่ที่ตัวเองติดตามมานานห้าหกปีจะเป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้
เจียงจิ่วโจวที่เห็นภาพนี้ รูม่านตาของเขาอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง
"ว่านเจี๋ย คราวนี้รู้ถึงความร้ายกาจของลูกพี่นายหรือยัง ถ้าหากนายไม่สู้ตายนายไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอ ถ้าหากเขาไม่มีฝีมือ นายคิดว่าเมื่อหลายปีก่อนคนอย่างฉันจะถูกเขาไล่ออกจากเมืองจวินไชเหรอ"
เฟิงเซียนหรุได้ยินคำพูดของเจียงจิ่วโจวแต่ไม่พูดอะไร ส่วนสายตาของเขาจับจ้องไปที่ว่านเจี๋ย
การโจมตีเมื่อกี้ทำให้เขารู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหน แต่เขาไม่อยากตายด้วยมือของคนอื่นโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงตายก็ต้องตายอย่างลูกผู้ชาย
มองดูลูกน้องที่อยู่ในห้องของว่านเจี๋ย ในแววตาของเฟิงเซียนหรุเต็มไปด้วยการดูถูก
"พี่เฟิง ลูกพี่เฟิง คิดไม่ถึงว่าคุณจะปกปิดตัวเองได้ดีขนาดนี้ แต่ผมเชื่อว่ายาที่คุณกินพวกนั้นเป็นของจริง"
พูดจบ ว่านเจี๋ยยกมีดขึ้นแล้วฟันออกไปอีกครั้งโดยไม่มียุทธวิธีใดๆ เขาเพียงแค่ฟันตรงไปข้างหน้าอย่างแรง
เฟิงเซียนหรุหลบการโจมตีพ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเขาพลิกตัวไปที่ด้านหลังของว่านเจี๋ยแล้วฟันออกไป
ฉึก……..
มีดเฉือนลงตรงเสื้อที่ด้านหลังของว่านเจี๋ยโดยตรง ในขณะเดียวกันก็มีรอยเลือดปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขา
"อายุของคุณเกือบจะสี่สิบแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังแข็งแรงขนาดนี้ ผมรู้สึกนับถือ แต่ว่าคุณไม่มีลูกหลาน ทำไมถึงไม่ยอมยกซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ผมเป็นคนดูแล?"
ทุกครั้งที่ว่านเจี๋ยฟันออกไปมันแฝงไปด้วยอารมณ์ของความโกรธ
เฟิงเซียนหรุตั้งรับติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ตั้งรับมือของเขารู้สึกสะเทือนจนชา
มีประกายมีดฟันตรงเข้าไปหาเอวของว่านเจี๋ยอีกครั้ง ว่านเจี๋ยตกใจรีบกระโดดถอยหลังทันที
เฟิงเซียนหรุหอบหายใจอย่างหนัก มองดูจ้าวเสี่ยวกังที่ยังมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายในใจเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปจ้าวเสี่ยวกังต้องตายแน่ คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ไม่ได้ลงมือมานานหลายปีจะเหนื่อยขนาดนี้
"นี่นี่ หมดแรงแล้วใช่หรือเปล่า? งั้นก็ไปตายซะเถอะ"
ว่านเจี๋ยมองออกว่ามือของเฟิงเซียนหรุเริ่มสั่น บวกกับเม็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของเฟิงเซ๊ยนหรุ เขารู้ถึงแม้เฟิงเซียนหรุจะมีทักษะการต่อสู้ แต่ร่างกายของเขาเริ่มไม่ไหวแล้ว
สองมือกำมีดที่อยู่ในมือแล้วพุ่งเข้าไปหาเฟิงเซียนหรุโดยตรง
เฟิงเซียนหรุรู้ดีว่าร่างกายไม่สามารถตอบสนองกับความคิดของตัวเอง จึงทำได้แต่ยกมีดขึ้นมาตั้งรับ
ตัง…….
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น มีดของเฟิงเซียนหรุโดนกระแทกจนตกลงไปที่พื้น
"ไปตายซะเถอะ"
ว่านเจี๋ยได้โอกาส เขาไม่มีท่าทีที่จะลังเลแม้แต่นิดเดียว ยกเท้าขึ้นถีบเฟิงเซียนหรุล้มลงไปที่พื้น หลังจากนั้นใช้มีดที่อยู่ในมือฟันลงไปหาเฟิงเซียนหรุ
ปัง……..
ประตูใหญ่ของร้านขายของเก่าโดนแรงกระแทกจนเปิดออก
เสียงที่ดังสนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องต้องตกตะลึง แม้แต่มีดของว่านเจี๋ยก็หยุดชะงักกลางอากาศ
ทันทีที่สังเกตเห็นเจิ้งจื่อหรุหลายคนอื่น ภายในใจของเธอว่านเจี๋ยรู้สึกตื่นตระหนก เขารู้ดีว่าถ้าหากวันนี้ไม่ลงมือต่อไปคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ดังนั้นเขาจึงแทงมีดที่อยู่ในมือตรงไปที่หน้าอกของเฟิงเซียนหรุโดยตรง
"ไอ้ตัวเหม็น แกมันรนหาที่ตาย"
เจิ้งจื่อหรคิดไม่ถึงว่าว่านเจี๋ยจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ ทันใดนั้นในมือของเขามีลูกเหล็กคู่หนึ่งปรากฏขึ้น สะบัดข้อมือเหวี่ยงเข้าไปหาว่านเจี๋ยโดยตรง
เคระ เสียงของกระดูกแตกหักดังขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บป่วยของว่านเจี๋ย มีดที่อยู่ในมือตกลงไปที่พื้น
ว่านเจี๋ยตกใจกลัวเจิ้งจื่อหรุจนรีบวิ่งไปหลบที่ด้านหลังของเจียงจิ่วโจว
เจิ้งจื่อหรุเดินเข้าไปประคองเฟิงเซียนหรุลุกขึ้นโดยไม่สนใจอีกฝ่าย
"เป็นไงบ้าง? ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือเปล่า?"
"ผมไม่เป็นไร รีบ……รีบพา………เสี่ยวกังไปโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นเขาตายแน่"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฟิงเซียนหรุ ทุกคนถึงจะตั้งสติได้พร้อมกับหันไปมองทิศทางที่เฟิงเซียนหรุชี้ พวกเขาสังเกตเห็นจ้าวเสี่ยวกังที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นทันที
หลิวหรุยี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย "ผมไปเอง ที่โรงพยาบาลมีคนของผม"
พูดจบ ไม่รอให้คนอื่นปฏิเสธ เขาเก็บพัดของตัวเอง หลังจากนั้นอุ้มจ้าวเสี่ยวกังขึ้นมาได้อย่างง่ายดายแล้วเดินออกจากประตูไป
ว่านเจี๋ยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงจิ่วโจวไม่ได้พูดอะไรเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของเมืองจวินไช ถึงแม้คนพวกนี้จะลาวงการไปแล้ว แต่ถ้าพูดถึงด้านความสามารถแล้วก็ยังคงเทียบกับพวกเขาไม่ได้อยู่ดี
"เจียงจิ่วโจว ปล่อยแฟนของเสี่ยวกังเถอะ วันนี้ผมจะไม่ทำให้คุณต้องลำบากใจ"
คำพูดประโยคนี้ของเฟิงเซียนหรุ แม้แต่ว่านเจี๋ยก็รู้สึกตกใจ
คนอื่นมารังแกถึงหน้าบ้านแล้ว เฟิงเซียนหรุในตอนนี้พลิกเกมกลับมาเหนือกว่า แต่เขากลับไม่คิดที่จะสืบสาวเอาเรื่อง?
ซึ่งมันทำให้เจิ้งจื่อหรุขมวดคิ้วแน่นทันที หรือแม้กระทั่งจั่วจวินซั่งก็แสดงสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ออกมาเช่นกัน
"เหอเหอ คุณจะไม่ทำให้ผมลำบากใจ? วันนี้พวกคุณอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับสวรรค์ช่วยผม วันนี้ผมจะเล่นงานพวกคุณทั้งหมดทีเดียวเลย"