คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 258 หมอสุดเทพกับเด็กใหม่ในสถานที่ทำงาน
ตอนที่ 258 หมอสุดเทพกับเด็กใหม่ในสถานที่ทำงาน
“แอนน่า ผู้ช่วยใหม่ของคุณมารายงานตัวแล้ว”
“ค่ะ ให้พวกเขาเข้ามา”
ได้รับคำอนุญาต หลินซีเหวินกับหวาเทียนก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของลั่วหาน หลินซีเหวินสวมชุดสูทกระโปรง เสื้อผ้าทำให้ภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างหน่อมแน้มของเธอเพิ่มความรู้สึกที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเล็กน้อย
เพียงแต่แว่นตากรอบดำทำให้เธอไม่ว่ายังไงก็แฝงไปด้วยความเป็นนักเรียนอยู่ตลอด
แต่หวาเทียนกลับสวมชุดกีฬาลำลองอย่างตามอำเภอใจ คนทั้งคนยังคงเป็นเหมือนวันนั้นที่มาสัมภาษณ์ แสดงออกถึงความกำเริบเสิบสานทำตามใจต้องการ
“เริ่มจากวันนี้ ภายในสามเดือนข้างหน้าต่างก็เป็นระยะเวลาในการทดลองงานของพวกคุณ ในช่วงระยะเวลานี้ หากความร่วมมือในการทำงานระหว่างเราไม่ราบรื่น เช่นนั้นฉันก็จะปฏิเสธทั้งสองท่าน หากความร่วมมือในการทำงานราบรื่น เช่นนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองท่าน พวกคุณได้กลายเป็นผู้ช่วยของฉันอย่างเป็นทางการ”
หลินซีเหวินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองดูไอดอลของตนเอง “แอนน่า คุณวางใจเถอะค่ะ พวกเราจะต้องตั้งใจพยายาม!อย่างแน่นอนค่ะ!”
หวาเทียนกลับยิ้มขึ้นบางๆ “นี่ก็แน่นอน ไม่แน่ตำแหน่งของคุณก็สามารถถูกคนแทนที่ได้เช่นเดียวกัน”
ลั่วหานแสดงท่าทีที่ไม่แยแสออกมาต่อการยั่วยุของหวาเทียน “ดีมาก ทหารที่ไม่อยากเป็นแม่ทัพไม่ใช่ทหารที่ดี ตำแหน่งของฉันยอมรับการท้าทายของคุณได้ตลอดเวลา รอคอยวันนั้นที่คุณจะมาแทนที่ฉัน”
หลินซีเหวินในเวลานั้นเอ่ยถึงความสงสัยนที่มีต่อคุณสมบัติประจำตัวของหวาเทียนออกมา เฉียงริมฝีปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย มองดูร่างที่สูงใหญ่ของเขาอย่างดูหมิ่น “ฉันว่า เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองเกินไปหน่อยหรอ!เหอะๆ เพิ่งจะทำงานวันแรกก็พูดจาสามหาว เธอระวังแม้แต่ช่วงทดลองงานก็ยังไม่ผ่าน”
หวาเทียนกลับยิ้มตอบรับคำตำหนิของเธอ “ผ่านไปได้หรือไม่ พวกเรารอดูได้”
“ชิส์!ฉันจะรอฆ่าเธอภายในวินาทีเดียว!เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”
หลินซีเหวินกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น ให้เธอบ้าคลั่งไปก่อน!เธอรอไปก่อน ที่พี่สาวอย่างฉันมีก็คือวิธีการที่จะรับมือกับเธอ!
ลั่วหานเคาะไปบนโต๊ะเล็กน้อย “เอาล่ะ พวกคุณสองคน ตอนนี้ไปห้องทำงานที่อยู่ด้านข้างดำเนินการส่งมอบงาน มีข้อสงสัยอะไรมาหาฉันได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ”
“อืม”
ทั้งสองคนออกไปจากห้องทำงาน ลั่วหานส่ายศีรษะ สองคนนี้ที่เธอรับสมัครเข้ามา มีนิสัยจำเพาะส่วนบุคคลมากจริงๆ
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของลั่วหานก็ดังขึ้น
“ใครคะ?”
“ลั่วหาน มีเวลาว่างหรือเปล่า? มีคนไข้รายหนึ่งคุณมาดูสักหน่อย”
เสียงของถังจิ้นเหยียน?
“ค่ะ”
แอนน่าหยิบเครื่องฟังตรวจขึ้นก้าวเท้าใหญ่ๆเดินออกนอกประตู ฝีเท้าเร่งรีบมากจนเกินไป รองเท้าส้นสูงกับพื้นเสียดสีกันส่งเสียงกึกๆออกมา ตอนที่ผ่านห้องทำงานที่อยู่ด้านข้าง ถูกหลินซีเหวินกับหวาเทียนมองเห็นเงาร่างที่มีฝีเท้าเร่งรีบของเธอเข้าพอดี
หลินซีเหวินบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่า นางฟ้าก็มีตอนที่เร่งรีบกับเขาด้วยหรอ?
เพียงแต่ที่ทำให้นางฟ้าร้อนรนขนาดนี้จะเป็นเรื่องอะไรกันนะ?
ลั่วหานรีบร้อนไปถึงห้องฉุกเฉิน ถังจิ้นเหยียนเพิ่งจะทำCPRหัวใจอย่างเร่งด่วนให้กับคนไข้เสร็จ มอนิเตอร์แสดงผลความดันเลือดและอัตราการเต้นหัวใจของผู้ป่วย มองดูตัวเลข สถานการณ์ของผู้ป่วยย่ำแย่มาก มีอันตรายต่อชีวิตได้ตลอดเวลา
“หมอถัง สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคะ?”
ได้ยินเสียงของลั่วหาน ถังจิ้นเหยียนถอดเครื่องฟังตรวจออก แขวนไว้บนลำคอ “เป็นเคสที่พิเศษรายหนึ่ง ตอนที่เข้ามาได้ช็อกหมดสติไปแล้ว คนไข้หลอดเลือดหัวใจขยายใหญ่ บวกกับรากฐานหัวใจย่ำแย่อย่างสาหัส ปริมาณเลือดเกิดปัญหาที่รุนแรง ทั้งหลอดเลือดแดงต่างก็ได้เสื่อมสภาพลงแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ป่วยมีอายุเพียงแค่สามสิบเก้าปี”
ลั่วหานรับเคสผู้ป่วยมาดูอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาตกลงไปจ้องข้อสรุปการวินิจฉัยที่อยู่ด้านบนอย่างเขม็ง “วิธีการรักษาดั้งเดิมดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว”
“ใช่แล้ว พวกเราต้องคิดโปรแกรมการผ่าตัดที่เหมาะสมกับเขาที่สุดออกมา ผู้ป่วยอายุยังน้อย ไม่ได้รับการรักษาที่ถึงที่สุดต่อไปจะเกิดปัญหาที่ตามมาไม่รู้จบ”
ลั่วหานพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ นำผู้ป่วยส่งไปยังห้องสังเกตอาการก่อน หมอถังคะ แผนกศัลยกรรมเปิดการประชุมด้วยกันเถอะค่ะ”
ถังจิ้นเหยียนอ้อมเปลหามผู้ป่วยเดินออกไปจากห้องฉุกเฉินด้วยกันกับลั่วหาน “ใช่แล้ว ได้ยินว่าผู้ช่วยใหม่ของคุณได้มารายงานตัวแล้ว เป็นยังไงบ้าง? ยังพอใจอยู่หรือเปล่าครับ?”
ลั่วหานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นเล็กน้อย ส่ายศีรษะอย่างค่อนข้างที่จะจนปัญญา “ทักษะทางการแพทย์ของทั้งสองคนยังต้องรอการพิจารณา แต่นิสัยจำเพาะส่วนบุคคลของทั้งคู่ ต่างก็แข็งแกร่งเอามากๆ กลับไปคุณเห็นก็รู้แล้วค่ะ”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มขึ้นตาม “แบบนี้ ผมจะต้องทำความรู้จักพวกเขาสักหน่อยแล้วจริงๆ สามารถโดดเด่นออกมาจากในหลายพันคน จะต้องเป็นคนที่เกินมาตรฐานธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน มีนิสัยจำเพาะส่วนบุคคลหน่อยสามารถเข้าใจได้”
…
หลินซีเหวินไปซื้อกาแฟที่ด้านล่างตึก มือนึงถือกาแฟแก้วนึงเดินขึ้นอาคาร ในสมองคิดถึงโปรแกรมการรักษาของเคสพิเศษที่แอนน่าพูดเมื่อสักครู่นี้ ยังคาดเดาว่ากาแฟที่ตนเองซื้อให้กับไอดอลจะเป็นรสชาติที่เธอชอบใช่หรือเปล่า
พอใจลอยเช่นนี้ หลังจากที่ลิฟต์หยุดลง ก็พุ่งพรวดออกมา
“พรวด!!”
ฝีเท้าก้าวเร็วเกินไปหน่อย กาแฟแก้วหนึ่งสาดลงบนร่างกายของคนที่รอลิฟต์จนหมดอย่างตรงๆ!
หลินซีเหวินตื่นจากภวังค์ในทันที “อ๊ะ?ขอโทษค่ะขอโทษ!” ปากเอ่ยขอโทษติดต่อกัน รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง…
ด้านหน้า ชายหนุ่มที่สวมชุดกาวน์สีขาวลำตัวตั้งตรง ใบหน้าที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความนิสัยดี คิ้วรูปปลายดาบบินเฉียงเข้าไปที่จอนผม ดวงตาที่ราวกับหินออบซิเดียนก็ไม่ปานคู่หนึ่งที่ส่องสะท้อนก็คือสายตาที่ปลอบประโลม ผิวที่ขาวใสมากยิ่งกว่าผู้ทั่วไป คนทั้งคนดูสง่างามจนราวกับเจ้าชายชนชั้นสูงที่อยู่ในปราสาทสมัยกลาง
คิดไม่ถึงว่าโรงพยาบาลจะยังมี…ยังมีหมอที่หล่อขนาดนี้!
สายตาของหลินซีเหวินแอบมองไปบนป้ายชื่อที่ติดอยู่บนกระเป๋าเสื้อของเขา เหลือบเห็นตัวอักษรสามตัวที่อยู่บนนั้น
ถังจิ้นเหยียน
ท่านนี้ หรือว่าก็คือถังจิ้นเหยียนเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผนกศัลยกรรมหัวใจที่อยู่ในคำเล่าลือ?
พระเจ้า!คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่คุณลุงที่อยู่ในจินตนาการของเธอ แต่เป็นหนุ่มหล่อที่ได้มาตรฐานคนหนึ่ง!
โรงพยาบาลหวาเซี่ยช่างเทพจริงๆ!
หลังจากนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ หลินซีเหวินรีบดึงกระดาษทิชชู่ออกมาช่วยถังจิ้นเหยียนเช็ด “ขอโทษค่ะหมอถัง เมื่อครู่นี้ฉันไม่เห็น ขอโทษด้วยจริงๆ”
ถังจิ้นเหยียนหยุดยั้งเธอ สะบัดชุดกาวน์ที่ถูกย้อมไปด้วยคราบกาแฟเป็นรอยใหญ่เบาๆด้วยตนเอง “ไม่เป็นไรครับ คุณไปทำงานเถอะ”
ประโยคเดียว ทำให้หลินซีเหวินตกตะลึงอยู่กับที่อีกครั้ง!
พระเจ้า…เสียงของเขาทำไมถึงได้อ่อนโยนขนาดนี้? ได้ยินเขาพูด ก็ราวกับมีลมเย็นๆพัดผ่านหน้า ทุกตัวอักษรล้วนแนบไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นสบายของลมในฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคม
บุคลิกของเขา การถูกอบรมของเขา เสียงของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาต่างก็ให้ประสบการณ์แบบหนึ่งที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบกับคนอื่น
“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะหมอถัง งั้น!กาแฟแก้วนี้มอบให้กับคุณ ถือว่าชดเชยความผิดให้กับคุณก็แล้วกันค่ะ คุณจะต้องรับเอาไว้!”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มขึ้นบางๆ หัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากัน “ไม่ต้องครับ คุณดื่มเถอะ”
“ไม่ได้ๆค่ะ ฉันทำชุดของคุณสกปรก คุณจะต้องรับเอาไว้!หมอถัง ตอนนี้คุณนำเสื้อผ้าเปลี่ยนออกมาเถอะค่ะ ฉันช่วยคุณซัก รับประกันว่าจะต้องซักอย่างสะอาดหมดจด”
สำหรับความกระตือรือร้นเอาใจใส่ที่มากเกินระดับของหลินซีเหวิน ถังจิ้นเหยียนแสดงออกว่าค่อนข้างที่จะหวาดกลัว เอ่ยขึ้นติดต่อกันว่า “ไม่ต้องครับไม่ต้อง ผมยังมีธุระด่วน ขอตัวไปก่อน”
พูดจบ ถังจิ้นเหยียนก็เดินเข้าลิฟต์ไปอย่างกับหลบภัยยังไงอย่างงั้น มองดูคราบกาแฟที่อยู่บนร่างกาย
แล้วคิดถึงความกระตือรือร้นเอาใจใส่ของสาวน้อยเมื่อสักครู่นี้อีกครั้ง เขาเพียงได้แต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจออกมา
เด็กผู้หญิงวัยรุ่นสมัยนี้ ต่างก็เป็นแบบนี้ทั้งหมดเลยใช่หรือเปล่า? น่ากลัวจริงๆ
หลินซีเหวินนำเอาหัวใจดวงหนึ่งที่เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะกลับมาถึงห้องทำงาน ความบ้าผู้ชายที่เต็มไปทั่วทั้งใบหน้ายังคงล่องลอยอยู่บนใบหน้าไม่หาย
หวาเทียนเงยศีรษะมองเห็นความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าของหลินซีเหวิน มุมริมฝีปากเฉียงขึ้นส่งเสียงหัวเราะอย่างประชดประชันออกมา “ดูท่าคือหวั่นไหวกับผู้ชายหล่อแล้ว”
หลินซีเหวินเหลือบมองหวาเทียนแวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เป็นผู้ชายแบบเดียวกัน ทำไมแตกต่างกันมากมายขนาดนั้นนะ ระหว่างเธอกับหมอถัง ความแตกต่างห่างไกลกันไม่ใช่แค่ทีละเกรด!หมอถังคือสุภาพบุรุษที่แท้จริง สง่างาม สูงศักดิ์ มีการอบรม แต่เธอ โปรดให้อภัยที่ฉันต้องพูดความจริง จากบนร่างกายของเธอฉันเห็นเพียงแค่สองคำ…โอหัง!”
หวาเทียนไม่ปริปากยอมรับหรือปฏิเสธ เปิดพลิกดูเคสผู้ป่วย เหลือบมองเธอ “ขอบคุณมากสำหรับคำประเมินผล เธอพูดได้อย่างตรงประเด็นมาก”
“เหอะๆๆ!ไม่ต้องเกรงใจ!”
ออกมาจากห้องผู้ป่วย ลั่วหานเงยศีรษะขึ้นพบเข้ากับเกาหยิ่งจือ
“ผู้อำนวยการเกา บังเอิญจริงๆค่ะ” ลั่วหานผงกศีรษะเล็กน้อย ดวงตาครึ่งนึงคือการตรวจสอบ ครึ่งนึงคือรอยยิ้มที่เยือกเย็น
เกาหยิ่งจืออุทานออกมาหนึ่งคำ “บังเอิญหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึก? ฉู่ลั่วหาน บอกตามตรง ฉันไม่อยากจะมองเห็นเธอเลยแม้แต่น้อย”
“อ๋อ? แต่ฉันอยากจะมองเห็นผู้อำนวยการเกามาก ทุกครั้งที่พบเข้ากับผู้อำนวยการเกา ฉันต่างก็รู้สึกว่าสบายไปทั้งตัว อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้น ผู้อำนวยการเกา คุณคือผู้เชี่ยวชาญของแผนกอายุรกรรมหัวใจ สู้อธิบายกับหน่อยสิคะว่านี่คือเหตุผลอะไรกัน?”
เกาหยิ่งจือบีบแฟ้มประวัติผู้ป่วยเอาไว้แน่น “ฉู่ลั่วหาน เธออยู่ต่อหน้าของฉันได้ใจอะไร?!เธอนึกว่าเธอกระแทกกระทั้นส่อเสียดฉลาดมาก? เหอะๆ!ทำตัวเป็นเด็กจริงๆ!”
ลั่วหานก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว รองเท้าส้นสูงตกลงบนพื้น ส่งเสียงที่ก้องกังวานออกมา เพียงครู่เดียวก็ดึงให้ระยะห่างของทั้งสองคนเข้าใกล้กัน การเข้าใกล้อย่างกะทันหันของเธอทำให้แผ่นหลังของเกาหยิ่งจือสั่นสะเทือนขึ้นตาม
แสงสว่างที่อยู่ภายในดวงตาของลั่วหานแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยถากถาง เสียงไม่ดังแต่เพียงพอที่จะทำให้เกาหยิ่งจือฟังจนรู้สึกไม่สบายไปทั่วทั้งตัว “เกาหยิ่งจือ แน่นอนว่าฉันสามารถเปลี่ยนวิธีการได้ แต่ฉันกลัวคุณจะรับไม่ไหว ถึงอย่างไรยุยงผู้อื่นให้กระทำความผิด จงใจฆ่า ความผิดเช่นนี้พอที่จะทำให้คุณได้กินข้าวกล่องภายในคุกไปหลายปี”
สีหน้าของเกาหยิ่งจือเขียวปั๊ดภายในชั่วพริบตา ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง “ฉู่ลั่วหาน เธอมีหลักฐานอะไร!ระวังฉันจะฟ้องเธอข้อหาหมิ่นประมาท!”
ลั่วหานกลับเคลื่อนตัวออกจากข้างกายของเธอเล็กน้อย กลับคืนสู่ระยะห่างเมื่อสักครู่นี้ “ดีค่ะ!ฉันรออยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ก่อนหน้าที่จะถึงตรงนี้ ทางที่ดีที่สุดคุณเกรงใจกับฉันหน่อย วันไหนหากฉันไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่สามารถทำให้คุณถอยออกไปจากวงการแพทย์ชั่วนิรันดร์ ยังจะทำให้ชื่อเสียงของคุณเสียหายจนไม่มีเหลือ ปีนกลับขึ้นมาไม่ได้อีก”
“แก!” เกาหยิ่งจือโกรธจนใบหน้าซีดเผือดจ้องลั่วหานด้วยความโมโห หลังจากนั้นหนึ่งคำก็พูดคำอื่นไม่ออกอีก
พอดีกับที่มีหมอเดินผ่านเข้ามา พยักหน้าให้กันเป็นการทักทาย ลั่วหานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการเกา ลำบากคุณแล้วค่ะ!ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ!”
หมุนตัวเดินออกจากที่นั่นไป นิ้วมือของลั่วหานม้วนกลายเป็นหมัด เกาหยิ่งจือ ทางที่ดีที่สุดเธออย่าถูกฉันจับหลักฐานได้ ไม่เช่นนั้นฉันจะให้เธออยู่ในคุกไปตลอดชีวิต!
อาศัยสถานะกับอิทธิพลของหลงเซียว ส่งเกาหยิ่งจือเข้าไปในคุกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่ลั่วหานคิดก็คือ ให้เธอเข้าไปภายใต้สถานการณ์ที่หลักฐานที่แม่นยำไม่มีข้อสงสัย
“ไฮ!พี่สะใภ้ใหญ่!!”
ลั่วหานยังไม่ทันเดินไปถึงห้องทำงานของตนเอง ก็เห็นหลงจื๋อกำลังเอียงตัวพิงเข้ากับประตูรอตนเองอยู่
หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ร่างกายไม่สบายหรอ?”
หลงจื๋อยักไหล่ “ไม่ใช่ครับ ผมมาโรงพยาบาลตรวจสอบการเงิน โอ๊ย เป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินยุ่งยากจริงๆ พี่สะใภ้ใหญ่ ผมลำบากมาก มีรางวัลอะไรสักหน่อยหรือเปล่า?”
ลั่วหานฉีกมุมริมฝีปากออกเป็นรอยยิ้มบางๆ “มีสิ เพนิซิลลิน อิริโทรมัยซิน อะดรีนาลีน เธออยากได้เท่าไร พี่ฉีดให้เธอเท่านั้น พี่เลี้ยง ฟรี”
หลงจื๋อกุมขมับอย่างเงียบๆ “ก็ได้ๆ!ผมก็รู้ว่าล้อเล่นกับพี่ไม่ได้ พอล้อเล่นพี่ก็จริงจัง ยาที่ล้ำค่าขนาดนั้น ผมจะทำใจสิ้นเปลืองได้ยังไงกันล่ะ?”
“พูดมาเถอะ มาหาพี่มีธุระอะไร?” ลั่วหานผลักประตูให้เปิดออก เชิญหลงจื๋อเข้ามานังที่ด้านใน
หลงจื๋อคว้าเก้าอี้หมุนมาแล้วนั่งลง “พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อครู่นี้ผมเห็นถังจิ้นเหยียน พวกพี่ทั้งสองกลับมาที่โรงพยาบาลเดียวกันอีกแล้ว ทำไมผมถึงมักจะรู้สึกในใจแปลกๆล่ะ?”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอคิดมากจนเกินไป พี่กับเขาตอนนี้ก็คือเพื่อนร่วมงานกัน แล้วก็ คือเพื่อน ไม่มีอย่างอื่นแล้ว” ในขณะที่พูด ลั่วหานเงยหน้าขึ้นจิ้มไปที่คาง “อยากดื่มอะไร?”
“มีอะไรบ้าง?”
ลั่วหานยักไหล่ “พี่ให้ผู้ช่วยลองดู” ในขณะที่พูดก็โทรศัพท์ภายใน “เสี่ยวหลิน เข้ามา”
“พี่สะใภ้ใหญ่มีชีวิตที่ไม่เลวเลยนะครับ คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ช่วยยกน้ำชารินน้ำแล้ว!อั๊ยยะ สวัสดิการใช้ได้”
หลินซีเหวินเคาะประตู “แอนน่า มีอะไรสั่งคะ?”
หลงจื๋อหรี่ตาลงเล็กน้อย เสียงนี้ทำไมฟังดูค่อนข้างที่จะคุ้นหู?