ขอสายลมพารักคืนใจเธอ - บทที่ 20 เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของลูก
เขามองหน้าฉัน ขมวดคิ้วตา ดวงตาสีดำ ๆ โต ๆ ของเขาจ้องหน้าฉันไว้ เหมือนกำลังส่องหาว่าที่ฉันพูดนั้นจริงหรือปลอม
ฉันก็ทำตัวนิ่ง ๆ ยิ้มไว้ และปล่อยให้เขาจ้องไป
สักพัก เขาถึงพูดขึ้นมาว่า “ได้”
“ขอบคุณนะคะ” คุยกับคนฉลาดก็จะสบาย ๆ ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แค่ส่งสายตาก็รู้กันแล้ว
เด็กเสิร์ฟส่งอาหารมาให้ เขากวาดสายตามาที่ฉันแล้วบอกว่า “ความฉลาดของคุณดารัณนี่ไม่ใช่จะดูออกได้ง่าย ๆ นะครับ”
ฉันหัวเราะ “ขอบคุณนะคะ ถือว่าเป็นคำชม ฉันก็แค่อยากจะเอาตัวรอดแค่นั้นแหละค่ะ และอีกอย่าง ฉันกับอาธิปเข้ากันไม่ได้ ลูกคนนี้มาตอนนี้ ไม่ถูกจังหวะจริง ๆ”
เขาตักกินกับข้าวไปนิดนึง เหมือนจะพอใจกับคำพูดฉันมาก แล้วมองหน้าถามฉันว่า “แล้วจะย้ายไปวันไหนครับ”
ฉันอึ้งนิดนึง เงยหน้ามามองเขา รู้สึกตกตะลึงใจ เพราะว่าทีแรกฉันก็แค่อยากจะจัดการเรื่องลูกให้เรียบร้อย แล้วดำเนินการเรื่องหย่ากับอาธิป แต่เรื่องจะย้ายไปอยู่ที่ไหน ฉันยังไม่ทันได้คิดเลย
ฉันก็ตกใจมากที่เขาคาดเดาถึงขั้นตอนสุดท้ายของฉันได้
วางตะเกียบในมือลง ฉันหยุดคิดสักครู่แล้วบอกเขาว่า “น่าจะภายในสองเดือนนี้อ่ะค่ะ แต่จะไปไหน ฉันยังไม่แน่ใจค่ะ”
“แนะนำให้ไปเมืองจิ้งเฉิงนะครับ ที่นี่เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ” เขากล่าว เขาเหมือนจะเรียบร้อยแล้ว เห็นเขาวางตะเกียบลง และดึงทิชชูมาเช็ดปากด้วยท่าทีแบบสง่างาม
ข้อแนะเสอนนี้ดีมาก ฉันพยักหน้า และบอกว่า “น่าลองนะคะ” เมืองจิ้งเฉิงไม่ได้เจริญเหมือนเจียงเฉิง แต่วิถีชีวิตที่นั่นจะไปแบบช้า ๆ ถ้าเลือกหนึ่งเมืองสำหรับใช้ชีวิตที่เหลือ จิ้งเฉิงเป็นเมืองที่เหมาะสมที่สุด
หลังกินช้าวเสร็จ จริง ๆ มือนี้ต้องเป็นฉันเลี้ยง แต่คุณกวินดันไปเช็คบิลก่อนแล้ว ตอนที่เดินออกจากร้านไปพร้อมกับเขา ฉันจึงบอกเขาว่า “ฉันติดข้าวมือนึงกับคุณนะคะ รอบหน้าให้ฉันเลี้ยงนะ”
เขาเยาะว่า “หวังว่าคราวหน้าเราจะได้กินข้าวด้วยกันที่เมืองจิ้งเฉิงนะครับ”
ฉันอึ้ง ได้แต่ยิ้มให้เขา ไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงเลย
ฟ้ามืดแล้ว ฉันก็ควรกลับบ้านไปได้แล้ว พอฉันเดินไปถึงที่รถ เขาถามขึ้นมาอีกว่า “นัดเวลาไปทำผ่าตัดแล้วเหรอครับ”
ฉันหันหน้าไปมองเขา พยักหน้า และบอกเขาว่า “นัดไว้พรุ่งนี้ค่ะ”
ในเมื่อตัดสินใจจะทำแล้ว ก็ต้องรีบจัดการ
เขาว่า “อืม” และมองมาที่ฉัน ถามอีกว่า “อาธิปเขารู้ยังครับ”
“เขาไม่รู้ค่ะ” ฉันส่ายหัว “ฉันตั้งใจจะไม่บอกเขา”
เขาขมวดคิ้วตา และไม่พูดอะไรต่อ
ฉันสตาร์จรถเรียบร้อย เห็นเขายังยืนคิดลอย ๆ อยู่ข้างรถเขา ฉันก็พูดอะไรไปมากกว่าอีกไม่ได้แล้ว จึงลากับเขาแล้วก็ขับรถกลับบ้านเลย
เดินทางกลับมาถึงบ้านใช้เวลาสิบนาที ฉันจอดรถเข้าบ้าน แต่ยังไม่ลงจากรถ ฉันเอาสัญญาหย่าที่หานซางเอามาให้ออกมาดู
ความรู้สึกในใจนั้นอธิบายไม่ถูก ฉันคิดว่าฉันจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด นอกจากว่าอาธิปเอามีดจี้คอฉันให้เซ็นสัญญาหย่า ฉันถึงจะยอมเซ็นให้ คาดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ฉันมาขอหย่าแบบนี้ด้วย
สำหรับเงินชดเชยหลังหย่า อาธิปไม่ขี้งกอยู่แล้ว บ้านหลังนี้ และก็เงินปันผลทุกปีที่ได้จากบริษัท เขาก็รับปากว่าจะแบ่งให้ฉันครึ่งนึง
เห็นเงื่อนไขพวกนี้ อยู่ ๆ ฉันรู้สึกตลกมาก อาธิปเขาคงจะคิดว่าฉันอยู่กับเขาเพื่อนเงินทองของเขาแหละมั่ง แล้วเขาก็คงจะคิดว่าถ้าให้ฉันขนาดนี้ ฉันก็ต้องรีบเซ็นหย่ากับเขาแน่นอน
ฉันนั่งอ่านอยู่นานเหมือนกัน และฉันก็เซ็นชื่อลงสัญญา
กลับเข้าไปในบ้าน เห็นในบ้านมือดมาก ฉันเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ไปเปิดไฟ เห็นมีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ในห้างโถงแบบเย็นชาอย่างกะทันหัน
ฉันตกใจไปหมด เห็นเขามองมาที่ฉันด้วยสายตาแบบเดาอารมณ์เขาไม่ถุก
ฉันตั้งสติได้แล้วก็มองไปที่เขา และถามว่า “ทำไมไม่เปิดไฟอ่ะคะ กินข้าวยังคะ”