การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม - ตอนที่ 423
บทที่ 423 – เอลน่า
“…ห๊ะ.. เมื่อกี้เธอพูดว่า.. อะไรนะ?”
ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย.. ดูเหมือนจะเป็นชื่อของคนคนหนึ่ง ซึ่งเลทิเซียไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้วไม่มีใครทราบ
พี่สาวของเลทิเซีย.. พี่สาวที่อยู่ในโลกเดิมของเลทิเซีย พี่เอลน่า ที่เธอนับถือและเคารพมากที่สุดในชีวิตนี้
ทำไมชื่อของพี่สาวที่อยู่อีกโลก.. อยู่อีกต้นกำเนิดที่แท้จริงถึงมาถูกกล่าวถึงอีกครั้ง.. พี่สาวของเลทิเซียในโลกเดิมเกี่ยวอะไร
ไม่สิ.. แรกเริ่มเดิมทีทำไมพี่สาวถึงมาอยู่ในหัวข้อสนทนาที่ว่าต้องฆ่าผู้ที่ร่ายคำสาป.. ไม่ๆๆ เดี๋ยวก่อนนะ
พี่สาวเลทิเซียเป็นคนธรรมดานะ ถึงแม้ลูเซียจะมาอยู่โลกนี้แล้วกลายเป็นคนพิเศษไป แต่พี่สาวของเธอคือคนธรรมดาไม่ใช่เหรอ
แถม..พี่สาวเธอในตอนนี้เสียชีวิตไปแล้วด้วย แม้เลทิเซียจะเคยมีความคิดเข้าข้างตัวเองอย่างพี่สาวเองก็มาเกิดใหม่ในโลกนี้
หรือแม้แต่ซิลเวียที่ดูเหมือนพี่สาวมากที่สุด แต่ก็ยังไม่ใช่พี่สาวเธออยู่ดี พี่สาวเธอเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมไอ้คนตรงหน้าถึงมาบอกว่าพี่เป็นเทพผู้สร้างแรกเริ่มอีกคน..แถมยังบอกให้เธอไปฆ่าพี่สาวตัวเองอีก..
นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน?
“เธอไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันกำลังหมายถึงพี่สาวในโลกเดิมของเธอที่ชื่อ.. เอลน่าไงล่ะ”
“เดี๋ยวสิ.. เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงรู้จักพี่สาวในโลกเดิมของฉัน แล้ว.. พี่สาวของฉันทำไมถึงกลายเป็นเทพไปได้ เธอเป็นคนธรรมดานะ”
“นั่นสินะ เธอคงไม่ได้พูดอะไรให้กับเธอฟังเลยล่ะสิ?”
“……?”
ในขณะที่อเล็กเซียกล่าวเธอก็จ้องมองไปที่เลทิเซียด้วยสายตาเข้าใจ ก่อนที่เธอจะใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันจะเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับพี่สาวของเธอให้ฟัง.. เธอจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ฉันขอสัญญาว่าทุกสิ่งที่ฉันเล่าล้วนเป็นความจริง”
“เมื่อนานมาแล้ว.. บนโลกนี้ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่มีการดำรงอยู่ ได้มีเทพสองคนปรากฏขึ้น ทั้งสองมีชื่อเรียกขานมากมาย บ้างก็เทพผู้สร้างแรกเริ่ม บ้างก็มารดาแห่งสรรพสิ่ง บ้างก็เรียกว่าผู้รังสรรค์”
“ข้าจะเรียกว่ามารดาแห่งสรรพสิ่งแล้วกัน.. มารดาแห่งสรรพสิ่งคนที่หนึ่งได้สร้างต้นกำเนิดที่แท้จริงขึ้นมา เธอสร้างโลก สร้างชีวิต สร้างทุกสิ่งอย่างขึ้นมาด้วยความรัก”
“ต้นกำเนิดที่แท้จริงยังแบ่งออกเป็นชั้นๆ ต้นกำเนิดอะเลฟหนึ่งไปจนถึงอนันต์ ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นล้วนอยู่ภายใต้ต้นกำเนิดที่แท้จริง”
“อันที่จริงมารดาแห่งสรรพสิ่งเธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอสร้างต้นกำเนิดที่แท้จริงขึ้นมาทำไม เพื่ออะไร.. ทำไปทำไม”
“แต่ถึงแบบนั้น มารดาแห่งสรรพสิ่งคนนี้ก็ยังสร้างต้นกำเนิดที่แท้จริงของเธอขึ้นมา ความสุขที่ได้รังสรรค์ ความสุขที่ได้สรรค์สร้าง”
“มันเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรักอันล้นหลาม.. แต่แล้วมารดาแห่งสรรพสิ่งคนที่สองก็รู้สึกอิจฉาสิ่งมีชีวิตเบื้องล่าง”
“เพราะเธอชื่นชอบมารดาแห่งสรรพสิ่งคนที่หนึ่งมาก ทำให้เธอเกรี้ยวโกรธต่อสิ่งมีชีวิต เธอจึงได้สร้างความชั่วร้ายขึ้นมา”
“ทำให้โลกทั้งใบเกิดอารมณ์ด้านลบ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความสวยงามกลับมีด้านมืดเพิ่มเข้ามา การหลอมผสานดำและขาวนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษ”
“ที่เทพทั้งสองก็คาดไม่ถึง.. นั่นคือก่อให้เกิดต้นกำเนิดที่แท้จริงมากมายนับอนันต์.. ทั้งสองคนจึงเริ่มที่จะทะเลาะกันขึ้นมา”
“ท้ายที่สุดทั้งสองก็แยกกันอยู่ไปในที่สุด!”
พอพูดถึงจุดนี้ ดวงตาของอเล็กเซียเผยความย้อนทวนความทรงจำเล็กน้อย.. ราวกับว่านั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตของเธอ
“ด้วยความโกรธแค้นของมารดาแห่งสรรพสิ่งคนที่สองที่เป็นด้านลบได้วางแผนที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในต้นกำเนิดของมารดาแห่งสรรพสิ่งอีกคนตายจนหมด”
“ฉันจึงถือกำเนิดในฐานะที่ผู้ข้ามผ่านต้นกำเนิดที่แท้จริง… เกิดมาในโลกที่เป็นต้นกำเนิดของมารดาแห่งสรรพสิ่งด้านสว่าง”
“และแผนการของมารดาแห่งสรรพสิ่งด้านลบคือการทำให้ฉันสร้างความชั่วร้ายและทำลายต้นกำเนิด แต่ท้ายที่สุดผลลัพธ์มันกลับเป็นตรงกันข้าม”
“ทุกสิ่งทุกอย่างของฉันพังทลาย.. แต่ไม่ว่าจะมารดาแห่งสรรพสิ่งคนไหนล้วนแล้วแต่ไม่สนใจฉันเลย พวกเขายังทะเลาะกันต่อไป”
“จน.. มารดาแห่งสรรพสิ่งด้านลบได้สาปแช่งใส่มารดาแห่งสรรพสิ่งด้านบวก.. ทำให้ข้าไม่สามารถหาวิธีชุบชีวิตคนสำคัญได้”
“หลังจากนั้น มารดาแห่งสรรพสิ่งด้านลบก็หายตัวไปจากประวัติศาสตร์”
“ซึ่งฉันไม่ต้องพูดเธอก็คงรู้ มารดาแห่งสรรพสิ่งอีกคนก็คือพี่สาวของเธอ.. เอลน่า.. ส่วนอีกคนก็คือเอลเน่ อาจารย์ชิสุอะไรนั่น คนที่เธอเคยเจอมาแล้ว”
ดวงตาของอเล็กเซียจ้องไปที่เลทิเซีย วินาทีนั้นความทรงจำของเลทิเซียก็ราวกับสะท้อนย้อนกลับไปในอดีต..
ไปยังตอนที่เธออยู่เลิกเดิม และมีครั้งหนึ่งที่พี่สาวเคยเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง.. เลทิเซียในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่พอมานึกดูดีๆ แล้วนั่นมันคล้ายกับเหตุการณ์ที่อเล็กเซียพึ่งเล่ามาก.. เพราะพี่เอลน่าเคยเล่าว่ามีคนสองคนอยู่
‘วันหนึ่งมีหญิงสาวสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองสนิทกันมากสร้างและทำอะไรมาด้วยกัน..
แต่อยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวอีกคนเริ่มจะตีตัวออกห่าง ทำให้หญิงสาวอีกคนรู้สึกเสียใจที่เธอเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลง จนทำอะไรสิ้นคิดทำให้เธอคนนั้นโกรธ
ทั้งคู่ผิดใจกันจนทะเลาะกัน เรื่องราวบานปลายจนถึงขีดสุด… ทำให้ทั้งสองไม่สามารถมองหน้ากันอีกต่อไป แต่ด้วยความโกรธของหญิงสาวอีกคนที่เพื่อนเปลี่ยนไป จึงสาปแช่งเธอ’ [1]
นั่นคือเรื่องเล่าที่พี่สาวเลทิเซียเคยเล่าให้ฟัง ตอนนั้นเลทิเซียพอเดาได้ว่าเป็นเรื่องของพี่สาวเอง… แต่หากมานึกๆ ดูแล้วทุกอย่างมันก็แปลกๆ
พี่สาวเคยบอกว่าคำสาปแช่งของเธอทำให้เพื่อนคนนั้นประสบพบเจอปัญหามากมายด้วยนี่น่า..
อีกอย่างเรื่องที่อเล็กเซียเล่ามามันเหมือนจะไปตรงกับเรื่องที่เธอเคยฟังมาตอนอยู่บนชิ้นส่วนเวหาด้วย
ชิ้นส่วนเวหาเธอเคยฟังเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่อธิบายถึงเทพสองคนที่ตามหาซึ่งกันและกัน เลทิเซียรู้ว่ามันยังมีต่อ แต่เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจมาก [2]
แต่เมื่อนำเรื่องที่อเล็กเซียเล่ามันจะปะติดปะต่อกันได้จนหมด แถมไอ้เรื่องที่บอกว่าเทพสองคนเคยทะเลาะกันนี่.. เลทิเซียเหมือนจะเคยได้ยินมาก่อนด้วยหรือเปล่า?
แต่ถ้าหากว่าอาจารย์ชิสุคือเอลเน่ ที่ทะเลาะกับพี่ของเธอจริงๆ ..เอลเน่ที่ว่าทำไมถึงต้องพยายามช่วยเลทิเซียอยู่หลายครั้งด้วย?
ครั้งแรกเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่เธอสลบไปพร้อมเลวี่ คนที่ช่วยเธอเอาไว้ก็ยังเป็นอาจารย์ชิสุ [3]
เธอน่าจะรู้ว่าเลทิเซียเป็นน้องสาวของเอลน่า.. อีกอย่างมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่สามารถอธิบายได้อยู่
ถ้าหากพี่เอลน่าเป็นคนที่โหดร้ายขนาดนั้น ทำไมเธอถึงต้องเก็บเลทิเซียมาเลี้ยงล่ะ.. เพราะหากที่ว่ามาเป็นจริง เลทิเซียและลูเซียต้องไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ของเธอแน่
ถ้าอย่างนั้นทำไมเอลน่าถึงเก็บพวกเธอมาเลี้ยงล่ะ.. อีกอย่างพี่เอลน่าตลอดมาตั้งแต่เติบโตมาด้วยกันเอลน่าน่ะเป็นคนดีที่หาใดเปรียบ
แม้แต่เลทิเซียยังไม่สามารถเทียบเคียงกับความใจดีของเธอได้ ดวงตาของเลทิเซียเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง.. ทำไมเอลเน่ถึงต้องช่วยฉัน เธอไม่น่าจะมีพลังพอที่จะเห็นอนาคตแบบพวกเธอ หมายความว่าตอนที่เธอแนะนำฉันให้ย้อนเวลาดู.. เธอแนะนำด้วยใจที่อยากช่วยฉันจริง อีกอย่างฉันไม่คิดว่าพี่ของฉันจะเป็นคนเลวร้ายด้วย ถ้าหากเธอก็ว่าร้ายพี่เอลน่าอีก… ฉันไม่ยกโทษให้แน่”
“ใจเย็นก่อนสิ.. ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ และที่ฉันพูดฉันก็บอกไปแล้วว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่.. แต่นี่จะเป็นวิธีเดียวที่สามารถช่วยเพื่อนของเธอ”
อเล็กเซียไม่ได้มีท่าทางที่จะต้องการต่อสู้เธอตอบกลับเลทิเซียด้วยน้ำเสียงปกติดี ก่อนจะอธิบายเสริม
“ฉันเองก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่าทำไมพี่เธอถึงเก็บเธอมาเลี้ยง.. แต่เรื่องของเอลเน่เนี่ย บางทีเอลเน่เองก็อยากจะเจอเอลน่าอีกสักครั้ง.. เพราะเอลเน่ในตอนนี้เจ้าตัวก็มีคนรักไปแล้ว บางทีความผิดใจในตอนแรกคงจะลืมไปแล้วมั้ง”
เลทิเซียที่ฟังแบบนั้นก็นึกถึงตอนที่พี่สาวเลทิเซียเคยเล่า ตอนที่เธอเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับเพื่อนเธอก็ดูเศร้ามาก..
หรืออาจจะเป็นเพราะ.. เธอเองก็เจอคนรักไปแล้ว..
ไม่สิ เลทิเซียเธอจะถูกชักจูงไม่ได้ อีกอย่างพี่เอลน่าน่ะ..ตายไปแล้ว!
………..
[1] มาจากบทพิเศษ (1)
[2] มาจากบทที่ 71
[3] มาจากบทที่ 12
[เชื่อกันยังว่าผมวางมาไว้หมดแล้ว! ปัดโธ่! – ผู้เขียน]