ตอนที่ 15
ตนที่ 15 คฤหาสถ์คอฟฟี่..
“นักผจญภัย..?”ลาเต้ที่ทวนคำพูดของผม
“ใช่..ไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น..”ผมที่ตอบกลับลาเต้ ในระหว่างนั้นชบาก็เอาเสื้อมาสวมใส่ให้ผม แถมยังติดกระดุมให้ด้วย ช่างเป็นคนรับใช้ส่วนตัวที่ดีจริงๆ
“จะ..จริงสิ..มาเรีย..!!!”ลาเต้ที่เก็บความสงสัยเอาไว้ ก่อนจะวิ่งกลับไปหาร่างของมาเรีย
“มาเรีย..!!”ร่างของมาเรียที่ถูกลาเต้ประคองขึ้นมา หญิงสาวพยายามเขย่าร่างที่กำลังแน่นิ่งอยู่นั้นให้ได้สติ..
“คะ..คุณหนู ดะ..ดีจริงๆ ทะ..ที่คุณปลอดภัย..”ดวงตาที่เลือนลางค่อยๆเปิดลืมขึ้นมา พร้อมกับเสียงที่เอื้อนเอ่ยอย่างยากลำบาก..
“มะ..ไม่นะ หะ..ห้ามตายนะ..!!!”ลาเต้ที่ตะโกนบอกร่างในโอบแขน หยดน้ำสีใสเริ่มที่จะปรากฏออกมาให้ได้เห็น หญิงสาวนั้นกำลังปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียใจ..
ในเวลานี้ผมและชบาที่เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังของลาเต้ พอมองดูแล้วมันช่างเป็นภาพที่น่าสงสาร หญิงสาวตัวเล็กๆคนนึ่งกำลังฟุบหน้าลงไปบนอกของคนสำคัญและกำลังร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น
“เหนือหัว..”
ทันใดนั้นเสียงของเปร์โตสก็ดังขึ้น เมื่อพวกเราหันไปมองก็พบว่าอัศวินเกาะเงินกำลังแบกร่างของนกฟีนิกซ์เอาไว้บนแผ่นหลัง ร่างกายของไฟเยอร์นั้นกำลังค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ บ่งบอกให้เห็นว่าผู้อัญเชิญและจิตวิญญาณอัญเชิญกำลังอยู่ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต..
“ชบา..พาเธอออกไป..”ผมที่ทนดูไม่ได้อีกต่อไป คิดที่จะหาวิธีทำอะไรสักอย่าง
“จะ..จะทำอะไรน่ะ ปละ..ปล่อยนะ..!!”
ชบาที่เดินเข้าไปล็อคร่างของลาเต้จากทางด้านหลัง ก่อนจะนำตัวเธอออกห่างจากร่างของมาเรีย ซึ่งลาเต้ก็ขัดขืนและดิ้นไปมา
“ถ้าไม่อยากให้เธอตาย..ก็ดูอยู่เงียบๆ”ผมที่หันไปพูดกับลาเต้ และมันก็ทำให้เธอนั้นหยุดชะงักลง ดวงตาที่สิ้นหวังกลับมาฉายแววแห่งความหวังอยู่บนใบหน้าที่กำลังเบะย่นของเธออีกครั้ง
“ดะ..ได้โปรดช่วยมาเรียด้วย ไม่ว่านายจะต้องการอะไร ฉันยินดีจะมอบให้นายทุกอย่าง แม้ว่ามันจะเป็นร่างกายของฉันก็ตาม..!!”ลาเต้ที่อ้อนวอนทั้งน้ำตา เมื่อผมเห็นเช่นนั้นก็เดินผ่านร่างของเธอตรงเข้าไปหามาเรีย โดยพูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า..
“ของพรรค์นั้นฉันไม่ต้องการ ไม่ต้องมาตอบแทนอะไรทั้งนั้น..ฉันแค่ไม่อยากเห็นคนดีๆต้องมาตายต่อหน้าต่อตาก็เท่านั้น..”
สิ้นคำพูดของช้าง ความรู้สึกอันแปลกประหลาดก็ก่อเกิดขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจของลาเต้ หญิงสาวไม่รู้และไม่อาจสามารถอธิบายได้เลยว่ามันคือความรู้สึกอะไร ซึ่งจากคำพูดของช้าง มันก็ทำให้ใบหน้าของชบาค่อยๆปรากฏรอยยิ้มแบบจางๆออกมา โดยที่หญิงสาวทั้งสองหารู้เลยไม่ว่า..
‘เมื่อกี้เธอบอกว่า..แม้มันจะเป็นร่างกายก็จะให้สินะ..!!! อ๊ากกกกก..!!! คุณปู่..!! ช้างน้อยจะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้วนะขอรับ..!!!’เสียงกู่ร้องอย่างชั่วช้าที่ดังก้องอยู่ภายในหัวของชายหนุ่ม อายุ 19 ปี ที่ปัจจุบันยังคงโสดซิง..~
“ทำใจดีๆเอาไว้ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง..”ผมค่อยๆย่อตัวลง..พูดกับมาเรีย
“ปะ..เปล่าประโยชน์ ดะ..ดิฉัน คะ..คงจะไม่รอดแล้ว..”
“คุณจะรอดเชื่อผม..”ผมที่พูดกับมาเรียด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบสายสิญจ์ออกมาจากย่ามและทำการวงสายสิญจ์ให้อยู่ในลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส..
“ชบาถ้าครั้งนี้ฉันหมดสติไป ฝากดูแลสองคนนี้ด้วยนะ..”ผมที่หันไปพูดกับชบา ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบรับ..
“ลาเต้ให้จิตวิญญาณอัญเชิญของเธอ นำนกฟีนิกซ์ตัวนั้นมาวางข้างในวงของเส้นดายนี้..”ผมที่พูดกับลาเต้ เพื่อต้องการจะให้เปร์โตสนำร่างของไฟเยอร์มาวางลงภายในวงสายสิญจ์
“นะ..นายกำลังจะทำอะไร..?”
“อย่าถามมาก ถ้าช้ากว่านี้มาเรียได้ตายของจริงแน่..!!”ผมที่เผลอตัวตะค่อกใส่เธอ เมื่อลาเต้เห็นเช่นนั้นก็หันไปมองเปร์โตส ร่างกายของเธอในตอนนี้กำลังสั่นกลัว
“ปะ..เปร์โตส ทำตามที่เขาสั่ง..”
“ตามบัญชา..”
ฟุบ..!!
หลังจากที่ได้รับคำสั่งเปร์โตสก็นำร่างของไฟเยอร์มาวางลงนอนข้างๆกับร่างของมาเรีย ซึ่งเมื่อทุกอย่างครบถ้วนตามกระบวนการ ผมก็ตั้งสมาธิและยกฝ่ามือขึ้นมาพนม..
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ(๓ จบ) โอม..งึมงำๆๆๆ”ผมที่เริ่มตั้งนะโมสามจบ ก่อนจะตามด้วยบทสวด สิ่งที่ผมกำลังสวดอยู่คือสุดยอดพระคาถาของพระอาจารย์รูปนึ่ง
วิ๊ง..!!!!
ท่ามกลางสายตาของทุกๆคนที่กำลังจับจ้องมองมา รอบๆกายของผมปรากฏเป็นกำแพงแก้วเจ็ดชั้นปกคลุมอยู่รอบๆวงสายสิจญ์
ลาเต้และจิตวิญญาณอัญเชิญของเธอกำลังยืนดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยความตกตะลึง เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ ทันทีที่ผมท่องวรรคสุดท้ายของพระคาถาจบ กำแพงแก้วก็ค่อยๆจางหายลงไป..
“อะ..อื้อ..~ อะ..เอ๊ะ ยะ..ยังไม่ตาย..!!”มาเรียที่ลืมตาและพบว่าตัวเองยังไม่ตาย บาดแผลที่แผ่นหลังของเธอถูกรักษาจนหายราวกับปาฏิหาร์ ก่อนที่หลังจากนั้นเธอจะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมานั่ง
“มาเรีย..!!”ลาเต้ที่กู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอกำลังเดินตรงเข้ามาหามาเรียแต่ทว่า..
“หยุดอยู่ตรงนั้น..!!”ผมที่ส่งเสียงตวาด ทำให้ร่างของลาเต้พลันต้องหยุดชะงัก..
“อย่าข้ามผ่านเส้นดายนี้..ถ้าจะเข้าให้เอาตัวรอดผ่านข้างใต้เข้ามา..”ผมที่หันไปพูดอธิบายให้เธอฟัง เพราะสายสิญจ์นี้ห้ามให้ผู้หญิงใช้ขาข้ามผ่านโดยเด็ดขาด ความศักดิ์สิทธิ์ของมันจะเสื่อมลง ถึงต่อให้มันจะไม่เสื่อมก็ตาม แต่ผมก็จะปฏิบัติในสิ่งที่เล่าเรียนมาอย่างเคร่งครัด
“ขะ..เข้าใจแล้ว..”
ฟุบ..!!
ลาเต้ที่เอาตัวรอดผ่านเข้ามาภายในวงสายสิจญ์ ก่อนที่เธอจะกระโจนเข้าสวมกอดมาเรียในทันที..
“คุณหนู..ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว..”มาเรียที่ตอบกลับ พลางลูบศรีษะของหญิงสาวร่างเล็กภายในอ้อมกอด..
“ฮึก..!!! ขอบคุณนายจริงๆ ขอบคุณ ขอบคุณ..!!!”ลาเต้ที่หันมากล่าวคำขอบคุณทั้งน้ำตา ซึ่งผมก็พยักหน้ายิ้มรับ แต่จู่ๆสายตาของผมก็เริ่มที่จะพร่ามัว..
“ชะ..ชบาอย่างที่ฉันบอกเธอเอาไว้ ฝะ..ฝากดูแลสองคนนี้ด้วย..”
ตุบ..!!!
“ชะ..ช้าง..!!!”ลาเต้ที่กู่ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็เอนตัวหมดสติล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น..
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาแค่ใช้พลังรักษาคุณมาเรียน่ะ อีกหลายวันถึงจะได้สติ..”ชบาที่อธิบายให้ลาเต้ฟัง ซึ่งในเวลานี้ลาเต้ก็ได้คลานไปประคองร่างของช้างที่กำลังหมดสติอยู่ขึ้นมา
“ขอบคุณนะ นายเป็นคนดีจริงๆ..”ลาเต้ที่พูดกับร่างอันไร้สติ เธอกำลังมองและพินิจใบหน้านั้น แต่แล้วจู่ๆอะไรบางอย่างก็ดลใจให้เธอ ทำในสิ่งที่ชบาและมาเรียคาดไม่ถึง คือการค่อยๆก้มใบหน้าลงไป ก่อนที่จะประทับริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ทำเอาชบาที่ยืนดูอยู่สตั๊นไปชั่วขณะ..
“คะ..คุณหนู อยะ..อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะเขาคนนี้ช่วยฉันเอาไว้ คะ..คุณหนูก็เลย..”
“เปล่า..มันเป็นความรู้สึกของฉันเอง..”ลาเต้ที่ตอบกลับ แก้มนวลๆของเธอกำลังปรากฏรอยแดงจางๆ
ซึ่งชบาที่ยืนมองดูอยู่ก็พลันต้องก้มหน้าลง เส้นผมที่ปรกลงมาปิดบังดวงตา ทำให้ไม่รู้เลยว่าหญิงสาวในตอนนี้กำลังรู้สึกหรือนึกคิดอะไรอยู่ มีเพียงแค่ฝ่ามือทั้งสองข้างที่บีบกำเอาไว้อย่างแนบแน่น พอที่จะสื่อให้ได้รู้ถึงความรู้สึกของเธอในตอนนี้
แต่ไม่นานนักฝ่ามือที่กำลังบีบแน่นก็ค่อยๆคลายออก ถึงแม้เส้นผมสีดำมันวาวสลวยยังคงปกปิดดวงตา แต่สิ่งที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอนั้นคือรอยยิ้มจางๆที่ไม่สามารถอธิบายได้..
‘ฉันจะเป็นคนทำให้ความฝันของนายเป็นจริงเอง..’
1 อาทิตย์ผ่านไป..
ณ เมืองหลวง..
1 อาทิตย์ก่อน หลังจากที่มาเรียและไฟเยอร์ถูกช้างช่วยชีวิตเอาไว้ คนทั้งสามก็ออกเดินทางกันต่อ ในระหว่างการเดินทาง พวกเธอก็ได้มาเจอเข้ากับขบวนรถม้ารับจ้างที่ออกเดินทางตามมาทีหลัง
และเมื่อเจ้าของธุรกิจขบวนรถม้าดังกล่าวรู้ว่าลาเต้เป็นคนของตระกูลคอฟฟี่ เขาก็ได้ให้การช่วยเหลือ หญิงสาวทั้งสามจึงสามารถเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย..
ณ คฤหาสถ์คอฟฟี่..~
ภายในห้องขนาดใหญ่ที่โทนห้องเป็นสีขาว ถูกตกแต่งและประดับด้วยของใช้ที่เลิศหรู ร่างของช้างยังคงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ แม้แสงอาทิตย์ย่ามเช้าที่ทอดแสง..สอดส่องเข้ามากระทบใบหน้า ก็ไม่อาจที่จะทำให้เขานั้นรู้สึกตัวหรือตื่นขึ้นมา จนกระทั่ง..
“อื้อ..~ หนะ..หนัก..!?”ผมที่ได้สติฟื้นขึ้นมา สัมผัสแรกในเวลานี้ ผมสัมผัสได้ว่ามีวัตถุอะไรบางอย่างกำลังวางทับอยู่บนร่างตรงบริเวณช่วงเอวของผม แถมผมยังไม่สามารถที่จะขยับตัวได้ ผีอำ..?
“ลาเต้..?”ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา สิ่งที่ผมเห็นคือร่างของลาเต้ในชุดนอนบางๆจนทำให้เห็นชั้นใน แถมในเวลานี้เธอกำลังขึ้นขี่ร่างของผมอยู่
“ฟื้นแล้วสินะ..”
ผลัก..!!!
“ทำบ้าอะไรของเธอ..!!!”ผมที่ชันตัวและใช้แขนปัดร่างของลาเต้ให้ผละออก ก่อนจะส่งเสียงตวาดถามอย่างไม่พอใจ..
“มะ..ไม่เห็นจะต้องโมโหขนาดนั้นเลย ฉะ..ฉันนึกว่านายจะชอบซะอีก..?”ลาเต้ที่พูดกับผมอย่างงุนงง ซึ่งในเวลานี้ผมกำลังชันตัวลุกออกจากเตียง ก่อนจะพบว่าเสื้อของตัวเองได้ถูกถอดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ชอบกับผีน่ะสิ..เสื้อของฉันอยู่ที่ไหน..!!?”ผมที่ตวาดเสียงแข็งถามหญิงสาวร่างเล็กบนเตียงนอน ถึงกับทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดผวา..
“อะ..เอาไปซัก..”
“เวรเอ๊ย..!!!”ผมที่สบถออกมาด้วยความเซงจับใจ เพราะเสื้อที่ผมนั้นสวมใส่ถูกปลุกเสกและลงอาคมเอาไว้ ถ้ามีคนที่ไม่รู้เผลอเอาไปซักส่งเดชมีหวังอาคมได้เสื่อมสภาพลงแน่ๆ ถึงมันจะไม่เสื่อมก็เถอะ..
“ใครเป็นคนเอาไปซัก..?”
“ชะ..ชบา..”
“เฮ้อ..แล้วไป..”ผมที่ใจเย็นลงในทันที เพราะชบาเป็นคนเดียวที่รู้ถึงวิธีการซักเสื้อผ้าของผม
“ชะ..ช้าง ตัวอักษรพวกนี้มันคืออะไร แล้วก็รูปภาพน่ากลัวพวกนี้ด้วย..ทะ..ทำไมมันถึงมาอยู่บนตัวของนายได้กันล่ะ..?”ลาเต้ที่ชันตัวลุกออกจากเตียง ก่อนที่เธอจะถือวิสาสะเดินเข้ามาสัมผัสรอยสักบนแผ่นหลังของผม..
“ความลับ..”ผมที่ตอบกลับแบบไม่คิดอะไร เพราะถ้าแค่สัมผัสคงไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น
“จริงสิ..!! ยัยเปี๊ยก..ที่เธอขี่ฉันเมื่อกี้ ถ้าพลังของฉันเสื่อมล่ะก็..เธอโดนฉันจับกดแน่..!!!”ผมที่พึ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ หันไปพูดกับลาเต้ด้วยความเกรี้ยวกราดและคิดที่จะข่มขู่เธอ เพราะการสักยันต์นั้นห้ามให้ผู้หญิงขึ้นมานั่งคร่อมบนร่างกายเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นยันต์และคาถาจะเสื่อมลง ถึงมันจะไม่เสื่อมก็เถอะ..!!!
และทันทีที่ลาเต้ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด เธอก็มีสีหน้างุนงง ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงและทิ้งตัวลงนอน..
“ก็เอาสิ..อยากจะทำอะไรก็เชิญ..”
“เห๋..!!!!”ผมที่ร้องเสียงหลงออกมา พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ..อย่านะไอ้ช้าง มันจะต้องเป็นกับดักแน่ๆ
“พูดเล่น..แค่ขู่เฉยๆใครมันจะไปทำเรื่องพรรค์นั้นกัน..”
ผมที่พูดกับลาเต้และเบนหน้าหนี อีกทั้งใบหน้าของผมกำลังแดงก่ำ เอ้า..แล้วทำไมผมถึงต้องเขินด้วยล่ะ..?
ฟุบ..!!!
“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น..”ลาเต้ที่ดีดตัวเด้งดึ๋งขึ้นมานั่ง และพูดกับผมด้วยรอยยิ้ม
“มันก็ไม่แน่หรอก ถ้าพลังของฉันเสื่อมจริงๆล่ะก็..เธอโดนแน่…เอราวัณ..!!!”
วิ๊ง..!!!!
ผมที่ชำเลืองหางตาพูดกับลาเต้ ก่อนจะแผดเสียงตะโกนเพื่อเปิดใช้พลังของเอราวัณ ทันใดนั้นรอยสักกลางหน้าอกของผมก็ส่องแสงสว่าง ส่วนปฏิกริยาของลาเต้นั้นก็ได้แต่จับจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง..
“แล้วไป..คลาย..!!”
ฟุบ..!!
กึก..!!!
ผมที่สบถออกมาและทันทีที่แน่ใจว่าพลังไม่ได้เสื่อม ผมจึงคลายพลังออก หลังจากนั้นแสงสว่างกลางหน้าอกก็ค่อยๆจางลง พร้อมๆกับร่างของผมที่จู่ๆก็แข็งกลายเป็นหินและไม่สามารถที่จะขยับตัวได้หรือเปล่งเสียงพูดอะไรออกมาได้..
“ช้าง..เป็นอะไรไป..?”ลาเต้ที่ลุกขึ้นมา สีหน้าของเธอเริ่มที่จะแสดงความหวั่นวิตก
“ช้าง..!!”ลาเต้ที่ออกแรงเขย่าตัวของผม แต่ผมกลับยืนนิ่งไม่ขยับตัว..
“ชบา..!!!!!!!”ลาเต้ที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือออกมาด้วยความตื่นตระหนก หลังจากนั้นไม่นานนัก ชบาก็เปิดประตูห้องวิ่งเข้ามา
“ช้างฟื้นแล้วหรอ..!!”ชบาที่วิ่งเข้ามา ในมือของเธอกำลังถือเสื้อของผมที่พึ่งจะซักเสร็จ..
“ชบา..ช้างเป็นอะไรไม่รู้ จู่ๆเขาก็นิ่งไป..”ลาเต้ที่หันไปพูดกับชบาด้วยความร้อนรน..
“หืม..?”ชบาที่เดินตรงเข้ามา และเดินวนเวียนอยู่รอบๆตัวเพื่อจับสังเกตุ ก่อนที่เธอจะเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผม..
ฟุบ..!!
ชบาที่เอื้อมฝ่ามือทั้งสองข้างจับเข้ามาที่ใบหน้าของผม ก่อนที่เธอจะค่อยๆเขยื้อนใบหน้าของเธอเข้ามาใกล้ จนในที่สุดริมฝีปากของเราทั้งสองก็ประทับเข้าหากัน..
“อื้อ..!!!”ผมที่ได้แต่ส่งเสียงร้องอยู่ภายในลำคอ ในขณะที่ชบากำลังจู่โจมบดขยี้ริมฝีปากของผม อีกทั้งเธอยังพยายามที่จะสอดแทรกลิ้นของเธอเข้ามาพัวพันกับลิ้นของผม
ฟุบ..!!
“แฮกๆ..!!!”
เมื่อครบ 1 นาที ร่างกายของผมก็สามารถกลับมาขยับตัวได้ตามปกติ ผมจึงรีบผละออกจากร่างของชบาในทันที ลมหายใจของผมในเวลานี้กำลังถี่เร็ว หัวใจนี่แทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ ส่วนใบหน้าน่ะหรอแดงก่ำไม่ต่างอะไรกับลูกตำลึง..
“ได้ผลด้วยแห๊ะ..”ชบาที่พูดขึ้น พร้อมใช้ลิ้นเลียรอยริมฝีปากของตัวเอง นี่เธอกลายเป็นคนแบบนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..
“ชะ..ชบา ทะ..ทำไมเธอ ถะ..ถึงได้..”ลาเต้ที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆตะกุกตะกักราวกับหุ่นยนต์ ใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ แถมยังส่อแววอิจฉาริษยาให้ได้เห็น
“มันเป็นวิธีที่จะทำให้ช้างกลับมาเคลื่อนไหวได้น่ะ..”
แถสีข้างถลอกเลย..!!! ผมไปบอกเธอตอนไหนกันนะว่าทำแบบนี้จะกลับมาเคลื่อนไหวได้..
“อย่างงั้นเองสินะ ถ้าอย่างงั้นก็คงจะช่วยไม่ได้..”ลาเต้ที่ยกฝ่ามือขึ้นมาชายคางตัวเองและพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอก็อย่าไปถูกยัยบ้าชบาหลอกเซ้..!!
“อะนี่..เสื้อของนาย..”ชบาที่ยื่นเสื้อส่งมาให้ผม แถมยังทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมก็แอบสังเกตุเห็นว่าแก้มของเธอกำลังขึ้นสีแดงจางๆ ถึงจะไม่เข้าใจในการกระทำแต่ก็ไม่อยากที่จะทวงถาม ผมจึงปล่อยมันผ่านไป..
“ขอบใจ..”ผมที่รับเสื้อมาและสวมใส่ ต่อจากนั้นก็เดินไปหยิบย่ามที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมาสะพาย
“ชบาตอนนี้เราอยู่ที่ไหน..?”
“คฤหาสถ์ของลาเต้น่ะ..”
“นี่..ท่านพ่อของฉันกำลังรอพบนายอยู่เลย รีบไปหาเขากันเถอะ..”ลาเต้ที่พูดกับผม เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ดีเลย..ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปขอขอบคุณเขาสักหน่อยที่ให้ฉันเข้ามาพักอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน..”ผมที่บอกกับลาเต้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มากี่วัน แต่ตามมารยาทคงจะต้องไปขอบคุณเจ้าของคฤหาสถ์สักหน่อย..
หลังจากนั้นลาเต้ก็นำทางผมและชบาไปหาพ่อของเธอ ในระหว่างทางผมก็สังเกตุเห็นว่าคฤหาสถ์แห่งนี้ค่อนข้างที่จะมีความใหญ่โตและกว้างขว้าง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากถึงขนาดที่ว่าเดินคนเดียวแล้วจะหลงทาง..
“ห้องนี้แหละ..ท่านพ่อของฉันต้องการจะคุยกับนายเป็นการส่วนตัวน่ะ เดี๋ยวฉันกับชบาจะรออยู่ข้างนอกนะ..”ลาเต้ที่พาผมมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูของห้องๆนึ่ง พร้อมกับอธิบายให้ผมฟัง
“โอเค..”ผมที่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู..
“ช้าง..อย่าตายนะ..”
“ห้ะ..?”
จู่ๆยัยลาเต้ก็เอื้อมมือมารั้งแขนของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรแปลกๆออกมา..
“ทะ..ท่านพ่อของฉันเป็นคนที่น่ากลัวเอามากๆ ระ..ระวังตัวด้วยนะ..”ลาเต้ที่กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง..
“งั้นหรอ..จะระวังตัวนะ..”ผมที่พูดกับลาเต้ ก่อนจะบิดลูกบิดเพื่อที่จะเปิดประตู
” 1 ปีก่อน มีคนใจกล้ามาสู่ขอฉันกับท่านพ่อ แต่พอเขาคนนั้นเข้าไปในห้องนี้ก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย..”ลาเต้ที่เล่าเรื่องในอดีตแบบลอยๆออกมา ทำให้ผมที่กำลังจะหมุนลูกบิดพลันต้องหยุดชะงัก..
“จ้าๆกลัวแล้วจ้า..”
แกร๊ก..~
ผมที่หมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องและปิดประตูลงตามมารยาท ทันทีที่เข้ามาผมก็พบว่าทางเดินข้างหน้าเป็นทางเดินแคบๆฝั่งซ้ายมือและขวามือคือชั้นหนังสือ และก็ดูเหมือนว่าสุดปลายทางเดินจะมีประตูอีกบานที่น่าจะเชื่อมต่อกับห้องของพ่อลาเต้..
ผมที่มุ่งหน้าเดินตรงไปจนสุดทาง ทันทีที่มาถึงหน้าประตูก็ทำการหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตูไปสู่อีกห้องนึ่ง..
แกร๊ก..~
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ผมก็พบเข้ากับห้องอีกห้องนึ่ง ลักษณะของห้องเป็นห้องทรงกลมที่ถูกล้อมรอบไปด้วยชั้นหนังสือ
ซึ่งตรงบริเวณด้านหน้าสุดของผมในเวลานี้ปรากฏให้เห็นร่างของชายวัยกลางคนผู้นึ่งที่กำลังนั่งใช้ปากกาขนนกเขียนอะไรสักอย่างลงบนสมุดอยู่บนโต๊ะไม้สุดหรู ทางด้านหลังของเขาคนนั้นจะมีหน้าต่างอยู่สี่บาน พอมองออกไปก็ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่าห้องๆนี้ถูกสร้างให้อยู่บนชั้นที่สองของคฤหาสถ์
“มาแล้วสินะ..”ชายตรงหน้าที่เงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม ถึงจะเป็นชายวัยกลางคน แต่ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลา สายตาอันคมกริบกำลังจับจ้องมองมาทางผม ภายในดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นฉายแววให้เห็นถึงความเย็นชา..
“สวัสดีครับ ผมชื่อหมื่นกรินณ์..”
ฟุบ..!!!
ฟ้าว..!!!!
ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวแนะนำตัว คนตรงหน้าก็หยิบมีดสั้น ก่อนจะเหวี่ยงแขนและปามันออกมาใส่ผม
ฟ้าว..!!!
ผมที่ยังคงยืนอยู่นิ่งๆถึงแม้ว่ามีดที่ถูกปาออกมาจะสามารถหลบได้ก็ตาม เหมือนชายคนนั้นจะจงใจปามันออกมาให้ช้าที่สุด เพื่อต้องการที่จะให้ผมหลบ แต่ผมไม่หลบ..!!
ฟ้าว..!!!
ฉึก..!!!
ในช่วงจังหวะที่มีดทะยานตรงเข้ามา ห่างจากใบหน้าของผมไปในระยะ 2 เมตร มันก็แฉลบออกไปทางด้านข้าง ก่อนจะไปปักเข้ากับชั้นหนังสือที่อยู่ทางด้านหลังของผม..
“หืม..?”เสียงหึมที่ดังอยู่ภายในลำคอด้วยความแปลกใจ
“ทำไมถึงไม่หลบ..?”ชายตรงหน้าที่เอ่ยถามกับผม..
“ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลบ..”
“เธอใช้วิธีไหนกันถึงสามารถเปลี่ยนทิศทางมีดที่ฉันปาออกไปได้..?”
“พูดเรื่องอะไรผมไม่เห็นจะรู้เรื่อง ผมว่ามันเป็นเพราะคุณมากกว่าที่ยังปามันไม่แม่นพอ..”ผมที่ตอบกลับคำถามของคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ถึงกับทำให้ดวงตาของชายคนนั้นที่กำลังหรี่เล็ก พลันต้องเบิกกว้างขึ้นมาในทันที..
“ถ้านี่คือวิธีการทักทายทำความรู้จักของตระกูลคอฟฟี่ล่ะก็..ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน..”ผมที่พูดทิ้งท้ายกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ก่อนจะหันหลังกลับ พลางเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู..
“เดี๋ยวก่อน..”
“ว่ายังไงครับ..?”ผมที่หันหน้ากลับไปจากคำฉุดรั้ง ก่อนจะพบว่าชายคนนั้น บัดนี้กำลังฉีกรอยยิ้มออกมา
“เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอชื่ออะไรนะ..?”
Chapters
Comments
- ตอนที่ 20 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 19 พฤษภาคม 23, 2022
- ตอนที่ 18 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 17 เมษายน 30, 2022
- ตอนที่ 16 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 15 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 14 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 13 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 12 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 11 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 10 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 9 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 8 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 7 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 6 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 5 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 4 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 3 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 2 เมษายน 29, 2022
- ตอนที่ 1 เมษายน 29, 2022
MANGA DISCUSSION