เปลือกตาบางใสกระพือถี่ๆ ราวปีกผีเสื้อ ก่อนที่เจ้าของจะลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งแรกที่จัสมินเห็นคือใบหน้าอิ่มเอิบของพีรกานต์ ที่นั่งเฝ้าดูอาการขององค์หญิงคนสวย ริมฝีปากของพีรกานต์แต้มยิ้มบางๆ จนคนที่มองอยู่คิดว่าตัวเองตาฝาด ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง และลืมตาขึ้นมาใหม่อีกหน พีรกานต์ยังคงยิ้มให้เธอเหมือนเดิม ไม่เหมือนกับคนที่เคยโกรธเคืองเธอ เมื่อหลายวันก่อนนั้นเลย
“รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยังคะองค์หญิง”
จัสมินทรงตัวลุกขึ้นนั่งพิงหมอนหนุน เวลานี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว มือบางวางทาบลงบนแผ่นท้องที่ยังแบนราบ และลูบเบาๆ ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ อายุครรภ์ของเธอยังอ่อน จัสมินจึงยังไม่รู้สึกอะไร แต่เธอจะมอบสัมผัสแห่งรักของแม่ให้ก้อนเลือดที่กำลังเติบโตเป็นทารกน้อยรับรู้
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ คุณมาเฝ้าฉันนานแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ มีคนไปบอกว่าองค์หญิงเป็นลม ฉันก็เลยเข้ามาดูองค์หญิงค่ะ”
จัสมินเบิกตากว้างขึ้น เมื่อความทรงจำก่อนที่เธอจะเป็นลมหวนกลับเข้ามาในมโนภาพ เธอยังจดจำจุมพิตอันดูดดื่มที่ชายคนนั้นมอบให้ และร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากการถูกเฆี่ยนตีเข้าที่กลางแผ่นหลังนั่นอีก ทำไมมันช่างเหมือนเป็นคนๆ เดียวกันเหลือเกิน ร่างบางก้าวลงจากเตียงนุ่มที่มีหมอนวางอยู่รายล้อมรอบเตียง ตั้งแต่คนรักต่างชนชั้นของเธอจากไป จัสมินก็ใช้หมอนนี่แหละคลายความหนาวเหน็บเรื่อยมา
“จะไปไหนคะ” พีรกานต์รีบถาม และผุดลุกขึ้นยืนตามองค์หญิง
“มีคนอยู่ที่บ้านของไฮซาน ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนอนบนเตียงของไฮซาน ฉันต้องไปไล่เขาออกมาจากที่นั่น”
“องค์หญิง…ผู้ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านของไฮซานแล้วนะคะ นอนพักเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว นอนไม่พอจะไม่ดีต่อสุขภาพและลูกในท้องนะคะ”
เมื่อพีรกานต์อ้างถึงลูกในท้อง จัสมินจึงชะงักและหันไปมองพีรกานต์ ดวงตาคู่หวานนั้นเป็นประกายแห่งความเป็นห่วงเป็นใยเธอ จนจัสมินต้องยิ้มบางๆ ให้พีรกานต์
“ขอเถอะนะคะ ฉันต้องออกไปดูให้แน่ใจ ไม่อย่างนั้นฉันคงนอนไม่หลับค่ะ” จัสมินบอก และก้าวเร็วๆ ออกไปจากห้อง
ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มที่สวมชุดกาลาไบยาและยืนหันหลังให้มุมตึก ทำให้จัสมินต้องหยุดมองอย่างสงสัย เท้าบางๆ ค่อยๆ ก้าวย่างเข้าไปใกล้ร่างสูง เงามืดจากต้นไม้ที่ทาบทับใบหน้าด้านข้าง ทำให้จัสมินมองเห็นซีกหน้านั้นไม่ถนัด แต่ร่างที่คุ้นตาและกลิ่นกายที่คุ้นจมูก เรียกให้ร่างบางเดินเข้าไปหาเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ใกล้เพียงมือเอื้อม
“เจ้าเป็นใคร มายืนทำอะไรตรงนี้”
ร่างสูงเหมือนจะสะดุ้งเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมหันมามองหญิงสาว
“ข้ามาหาเมียรักที่อยู่ที่นี่” ไฮซานบอกเสียงเบา เพราะกลัวจัสมินจะจับได้ว่าตนเป็นใคร
“หาเมีย…แล้วทำไมต้องมาหาในวังด้วย เมียเจ้าเป็นใคร แล้วนางอยู่ในวังนี้เหรอ” จัสมินถาม และสาวเท้าไปยืนข้างหน้าชายหนุ่ม ไฮซานต้องรีบหันด้านข้างให้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ยิ่งทำให้องค์หญิงจัสมินสงสัย “ทำไมเจ้าต้องหลบหน้าข้าด้วย”
“ข้าไม่ได้หลบ แต่หน้าของข้ามันมีแผลเป็นน่าเกลียด ท่านคงไม่อยากเห็นแน่ๆ”
“ไหน…หน้าของเจ้าเป็นอะไร” ความสงสัยที่มีมากขึ้นทำให้จัสมินไม่ยอมแพ้ หญิงสาวเขยิบร่างเข้าใกล้จนแทบเบียดร่างหนาโดยไม่รู้ตัว
“อย่าดูเลย เดี๋ยวมันจะทำให้ท่านนอนไม่หลับ”
“ไหนๆ” จัสมินเคลื่อนเท้าหมุนไปตามร่างสูง จนสะดุดปลายเท้าของไฮซาน “อุ๊ย!” ร่างบางถลาไปด้านข้างหน้าจะทิ่มลงกับพื้น แต่ท่อนแขนกำยำก็รับไว้ได้ทัน
ในจังหวะที่รับร่างบาง ไฮซานก็ลืมตัวก้มหน้าลงต่ำ แสงจันทร์ที่สาดส่องมากระทบใบหน้าคมคายและเกลี้ยงเกลานั้น สว่างพอจะทำให้จัสมินมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ไฮซาน! นี่…เจ้าจริงๆ ด้วย” ความรู้สึกแรกของจัสมินคือดีใจจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกที่สองคือแปลกใจระคนสงสัยว่าทำไม ไฮซานถึงได้มายืนอยู่ในวังฮัสซาร์อีกครั้งโดยไม่ถูกขับไล่
ไฮซานปล่อยร่างบางออกจากอ้อมกอด และมองหน้าสวยหวานนั้นนิ่งๆ พลางคิดว่าสงสัยความลับที่ตั้งใจว่าจะปิดบัง จนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้ คงต้องเปิดเผยออกมาก่อนเวลาอันควร
จัสมินเริ่มมองสำรวจร่างสูงที่แต่งกายผิดแผกไปจากเช่นเคย ชุดกาลาไบยาสีขาวที่ไฮซานสวมใส่นั้น เป็นชุดแบบเดียวกับชุดที่พี่ชายของเธอใส่ เมื่อก่อนไฮซานจะแต่งกายด้วยชุดทหารองครักษ์สีดำสนิทอยู่เสมอ เวลาที่เขาแต่งกายแปลกออกไปเช่นนี้ ก็ย่อมทำให้จัสมินมองอย่างชื่นชม
“เจ้าเปลี่ยนไป” องค์หญิงจัสมินถูกอ้อมแขนกำยำรวบเข้ากอดอย่างเต็มรัก มือบางลูบไล้แผ่นหลังกว้างอย่างโหยหา น้ำตาซึมออกมาจากดวงตาคู่สวย เปียกชื้นเสื้อของไฮซานจนเป็นดวงๆ
“ข้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงรักท่านเสมอและไม่ลดน้อยลงแต่อย่างใด”
“แต่…เมื่อกี้ เจ้าเหมือนไม่ดีใจที่เจอข้า” จัสมินกำลังจะดันร่างหนาออก แต่มือที่สัมผัสถูกแผลเป็นนูนยาวด้านหลัง ทำให้หญิงสาวนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “นี่เจ้า…เจ้าคือคนๆ เดียวกับผู้ชายคนนั้น”
“ผู้ชายคนไหน แล้วท่านรู้ได้ยังไง กอดข้าแล้วจำผู้ชายอื่นได้แบบนี้ ข้าจะต้องลงโทษท่านอย่างไรดี” ไฮซานเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการทำทีเป็นโกรธเคือง ก่อนปิดปากอิ่มด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว
จัสมินไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากที่เผยอตั้งใจจะปฏิเสธ ถูกปลายลิ้นสากร้อนสอดแทรกเกี่ยวพันดูดรัดเรียวลิ้นนุ่ม กระหวัดไล้ไปทั่วกระพุ้งแก้ม ลัดเลาะไรฟันขาวสะอาดซี่เล็กๆ มือใหญ่ดันลำตัวอ่อนช้อยเข้าเบียดแนบลำตัวหนา อกนุ่มหยุ่นราวสปริงชั้นดีแนบชิดอกกว้าง ความร้อนผ่าวเพราะไฟเสน่หาส่งผ่านจากร่างกำยำมาสู่ร่างบางระหง สัมผัสที่แนบชิดสนิทสนมเพราะความรัก ปลุกปั่นปฏิกิริยาทางร่างกายให้ตื่นตัว ยอดอกที่แข็งตัวเป็นไตชูชันเสียดสีแผ่นอกตึงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ ความเป็นตัวตนของไฮซานแข็งชันถูกสะโพกสอบส่ายวนเบียดบดความอ่อนนุ่มที่แสนหฤหรรษ์
ไฮซานกระหายใคร่รักและสัมผัสหญิงสาวจนแทบหยุดยั้งตัวเองไม่ได้ หากสายตาไม่เหลือบขึ้นและกวาดไปรอบๆ ตามความเคยชิน และพบว่าตนกับจัสมินไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน ทำให้สติของเจ้าชายหนุ่มที่หลุดลอยไปตามกระแสธารแห่งความพิศวาส ถูกดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน…ที่รัก” ไฮซานถอนริมฝีปากออกอย่างตัดใจ กดปลายจมูกลงบนหน้าผากนวลแผ่วเบา และลากเรื่อยลงมายังพวงแก้มนุ่มที่แดงก่ำ “ข้าอยากรักท่าน แต่…รอหน่อยนะที่รักของข้า พรุ่งนี้…พรุ่งนี้ข้าจะได้รักท่านอย่างเต็มภาคภูมิ”
“หมายความว่ายังไง”
MANGA DISCUSSION