เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย - ตอนที่ 55
“ระยำ!”
กำปั้นแข็งแกร่งทุบลงบนพวงมาลัยรถสปอร์ตที่ตอนนี้กำลังติดไฟแดงอยู่ในเขตตัวเมืองหลวงด้วยความเดือดดาล ทุกขณะเนื้อหนุ่มเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคฤหาสน์อันแสนเป็นส่วนตัวของเขาจะมีคนนอกบุกรุกเข้ามาก่อความวุ่นวายได้ ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็แทบจะเดินชนกันเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มกระแทกคันเร่งแรงๆ ทันทีเมื่อสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้น ขณะที่รถแล่นทะยานไปข้างนอกอย่างรวดเร็วนั้น สมองของเขาก็แบ่งออกไปสองพรรคสองพวก มันตีกันยุ่งเหยิงจนคนกลางอย่างเขาปวดหัวตึบ
พวกหนึ่งบอกว่าเขาควรจะกลับไปหายาหยีที่โรงแรมที่พัทยานั่น กลับไปพาเจ้าหล่อนมาด้วย แต่พวกหนึ่งก็ค้านอย่างดุเดือดว่า ยาหยีคือตัวหายนะ การปล่อยหล่อนให้อยู่ห่างจากกายจากใจสักพักหนึ่งจะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขา และตอนนี้สิ่งที่ควรจะทำที่สุดก็คือการตามลากคอไอ้ยอดชายและคนที่บังอาจบุกเข้ามาช่วยมันมาขยี้ให้แหลกคามือมากกว่า
กรามแกร่งที่เขียวครึ้มด้วยไรหนวดบดกันแน่นจนเนื้อแก้มกระตุกเป็นริ้วๆ โทสะร้ายวาววับอัดแน่นอยู่ในดวงตาสีเขียวจัดของคอร์เนลมหาศาล
และในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกที่จะมุ่งหน้ากลับไปจัดการกับปัญหายุ่งยากที่บ้านแทนการเลี้ยวรถกลับไปหายาหยีที่โรงแรม
“นายน้อยครับ” เซอร์เกรีบวิ่งออกมารับหน้าเมื่อรถสปอร์ตสีดำของคอร์เนลแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึก ชายวัยกลางคนลอบถอนใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าเจ้านายหนุ่มของตัวเองกลับมาเพียงลำพัง
“เกิดอะไรขึ้นเซอร์เก ใครมันบังอาจเข้ามาเหยียบจมูกฉันถึงที่นี่”
คอร์เนลก้าวลงจากรถได้ก็ตวาดถามคนสนิทที่ตัวเองไว้ใจเสียงดังลั่น ความผิดหวังอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียง
“ฉันผิดหวังกับการทำงานของนายมากนะเซอร์เก”
“ผมขอโทษครับ ผมสะเพร่าเอง”
เซอร์เกก้มหน้ารับผิดโดยไม่เอ่ยอุทธรณ์ใดๆ ออกมา คอร์เนลขบกรามแน่น ขณะเดินผ่านร่างของคนสนิทไปหยุดที่อีวานแทน
“บอกมาสิว่ามันมากันกี่คน แล้วมันเข้ามาได้ยังไง”
“เอ่อ…ผม…” อีวานอ้ำอึ้ง เซอร์เกจึงต้องเป็นฝ่ายตอบแทน
“คนของเราเห็นว่ามันมากันสามคนครับ มันปีนเข้ามาทางรั้วที่อยู่ใกล้ๆ กับเรือนคุมตัวนายยอดชาย พวกเราไม่ทันเห็น…”
“ระยำ! ไม่ทันเห็นเหรอ!”
คอร์เนลตวาดลั่น ยกกำปั้นจะต่อยหน้าเซอร์เก แต่พอเห็นอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหลบ เขาจึงสะบัดมันลงข้างตัวแทน แล้วคำรามออกมาเสียงเลือดเย็น
“แล้วพวกนายทำอะไรกันอยู่ฮึ! แทบจะเดินชนกันตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”
“ผมขอโทษครับนายน้อย ผมผิดเอง…”
ยังเป็นเซอร์เกคนเดียวที่สามารถพูดออกมาได้ในสภาวะที่คอร์เนลกำลังเกรี้ยวกราดเดือดดาลเช่นนี้
“ฉันไม่ได้ต้องการหาคนผิด แต่สิ่งที่ฉันต้องการรู้ก็คือ พวกมันเข้ามาได้ยังไง!”
มือใหญ่ของคอร์เนลรวบคอเสื้อของเซอร์เกและกระชากชายต่างวัยให้เข้ามาเผชิญหน้า ความเจ็บแค้นที่ถูกลูบคมทำให้ชายหนุ่มเกือบจะทำอะไรรุนแรงลงไป แต่พอคิดถึงความภักดีที่เซอร์เกเคยมีให้ เขาก็ข่มโทสะนั้นเอาไว้ และปล่อยร่างของเซอร์เกจากอุ้งมือ
“แล้วไอ้คนที่นั่งมองกล้องวงจรปิดล่ะ มันทำอะไรอยู่”
“กล้องสามตัวที่อยู่บริเวณนั้นเสียพร้อมกันครับ” เซอร์เกรายงานเสียงแผ่วเบา และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่จัดการทำให้กล้องวงจรปิดเหล่านั้นไม่สามารถบันทึกภาพได้ ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเป็นคนปล่อยยอดชายไปเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด มีใครบางคนสวมรอยเข้ามาชิงตัวนายยอดชายไปเสียก่อน
“เสีย?”
คอร์เนลอุทานเสียงสูง พลางเดินกลับไปกลับมาคล้ายกับหนูติดจั่น ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำด้วยโทสะและความขัดเคืองใจ
‘เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ในเมื่ออาณาจักรของเขานั้นถือว่ามีระบบการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้ แต่ทำไมมีคนบุกเข้ามาช่วยนักโทษโดยที่คนของเขาไม่เห็นกันนะ แถมเจ้ากล้องวงจรปิดก็ดันมาเสียพร้อมๆ กันเสียอีก มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน’
“ต้องมีหนอนบ่อนไส้…” คอร์เนลเค้นเสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา
“นายน้อย ผมไม่รู้เรื่องนะครับ!”
อีวานที่เป็นวัวสันหลังหวะอยู่ร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว คอร์เนลหันมาจ้องเขม็งแต่เซอร์เกก็รีบแก้สถานการณ์เสียก่อน
“ไม่มีใครโทษแกหรอกน่าอีวาน เอ่อ…นายน้อยครับ ผมคิดว่าคนที่เข้ามาช่วยนายยอดชายไปมันต้องเฝ้าดูเรามาหลายวันแล้วแน่นอนครับ และก็น่าจะเป็นอย่างที่นายน้อยสงสัย นั่นก็คือมีหนอนบ่อนไส้ในคนของเราเอง”
คอร์เนลหรี่ตามองคนสนิทเขม็ง
“นายสงสัยใครเซอร์เก…”
เซอร์เกยืนก้มหน้านิ่งไม่ยอมตอบออกมา คอร์เนลมองอย่างเข้าใจความคิด
“ตามฉันไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้เซอร์เก”
“ครับนายน้อย”
คอร์เนลก้าวยาวๆ จากไปแล้ว อีวานจึงรีบเข้ามากระซิบกระซาบกับน้าชายด้วยความตื่นกลัว
“ผมกลัวครับน้าเซอร์เก ผมกลัวว่านายน้อยจะรู้…”
เซอร์เกแกะมือของหลานชายออกจากตัว ก่อนจะกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น
“อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยอีวาน ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนของเรานั่นแหละ แค่เพียงว่าเราไม่ได้เป็นคนปล่อยนักโทษไปด้วยมือตัวเองเท่านั้นเอง”
“แล้วน้าเซอร์เกจะรับมือกับนายน้อยยังไงล่ะครับ”
เซอร์เกถอนใจออกมา
“แกไม่ต้องรู้หรอก รู้เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราทำกันลงไปทั้งหมดนี่ก็เพียงเพราะว่าเราจงรักภักดีต่อนายน้อย ท่องไว้ว่าทำเพื่อนายน้อย”
“ครับน้าเซอร์เก”
อีวานก้มหน้ารับคำทั้งๆ ที่เสียงยังสั่นอยู่
ผู้เป็นน้าชายยกมือขึ้นตบไหล่หลานชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“อยู่เงียบๆ ทำและพูดตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”
จบคำเซอร์เกก็ก้าวยาวๆ เดินตามคอร์เนลที่มุ่งหน้าเดินนำไปที่ห้องทำงานนานหลายอึดใจแล้วอย่างรวดเร็ว และเมื่อก้าวเข้ามาหยุดภายในห้องแสนโอ่อ่า คำถามของคอร์เนลก็ดังขึ้นทันที
“บอกมาสิว่านายสงสัยใคร”
“ผมสงสัยคุณยาหยีครับ”
“ฉันไม่เชื่อ ยาหยีไม่มีทางทำแบบนั้น”
‘นึกอยู่แล้วเชียวว่าคอร์เนลจะต้องไม่เชื่อ แต่เขามีแผนสองรองรับความผิดพลาดอยู่ในมือแล้ว’
คอร์เนลก้าวยาวๆ ไปเกาะขอบหน้าต่างห้อง บางสิ่งบางอย่างในคำพูดของเซอร์เกกำลังบีบคั้นเลือดในกายของเขาให้ทะลักออกมา
“คนในบ้านหลังนี้ล้วนจงรักภักดีต่อนายน้อยทุกคน ยกเว้นเพียงแต่…”
“นายจะบอกว่ายาหยีใช่ไหม” คอร์เนลกระชากเสียงถามด้วยความหงุดหงิด
‘ไม่เชื่อๆ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่เชื่อว่ายาหยีจะเป็นคนวางแผนให้คนเข้ามาช่วยบิดาของตัวเองออกไป ยาหยีไร้เดียงสา และเขามั่นใจว่าหล่อนไม่เคยคิดหลอกลวงใคร หล่อนสวยงามแล้วยังมีท่าทางคล้ายกับจะหลงรักเขาด้วยซ้ำไป’
“ครับนายน้อย”
“ฉันไม่เชื่อ”
“แต่คนที่มีแรงจูงใจที่จะทำเรื่องนี้มากที่สุดก็คือคุณยาหยีนะครับ เธอรักพ่อของเธอมาก รักมากจนยอมมาเป็นของเล่นให้กับนายน้อย”
เซอร์เกกระแทกคำพูดเข้าใส่ใจดำของคอร์เนลแรงๆ ด้วยหวังจะให้ชายหนุ่มคล้อยตาม และมันก็ได้ผลจริงๆ เพราะสีหน้าของคอร์เนลสลดวูบลงทันตาทีเดียว
“แถมที่สวนสาธารณะวันนั้นเธอยังบอกผมอีกว่า หากพ่อของเธอเป็นอิสระ เธอจะไปจากนายน้อยทันที”
คอร์เนลอึ้ง เจ็บจี๊ดในอกอย่างรุนแรง สมองนึกย้อนไปถึงเรื่องราวของตัวเองกับยาหยีเมื่อเช้าที่ผ่านมา ยาหยีทำเหมือนอาลัยอาวรณ์เขานักหนา ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เซอร์เกพูดอย่างสิ้นเชิง
“นายกำลังต้องการให้ฉันเลิกยุ่งกับยาหยีใช่ไหมเซอร์เก”
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกก้มหน้ายอมรับทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวหายนะสำหรับนายน้อยนะครับ ตั้งแต่นายน้อยมีเธอ นายน้อยก็เปลี่ยนไป นายน้อยเลือกที่จะขลุกอยู่กับเธอทั้งวันโดยที่ไม่สนใจงานเหมือนแต่ก่อน แถมนับวันเธอก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อนายน้อยมากขึ้น”
ความห่วงใยของเซอร์เกทะลักทลายออกมาทั้งจากคำพูดและแววตาที่ทอดมองเจ้านายหนุ่มของตัวเอง
“คุณยาหยีเธออันตรายสำหรับนายน้อยมากนะครับ”
แม้จะรู้ดีว่าคนสนิทพูดถูกต้องทุกอย่าง แต่มันก็ยากนะที่จะให้ผู้ชายหยิ่งผยองแสนยโสอย่างเขายอมรับมันออกไป
“ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับยาหยีทั้งนั้น ฉันก็แค่…ยังไม่เบื่อ”
“นายน้อยไม่มีทางเบื่อเธอได้หรอกครับ เพราะนับวันนายน้อยก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของคนทรยศนะครับ แค่ชั่วครั้งชั่วคราวน่ะไม่เป็นไร แต่หากยืดยาวเป็นเดือนหรือสองเดือน ผมไม่เห็นด้วยครับ”
“แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะนำไปปรักปรำยาหยีไม่ใช่หรือ” คอร์เนลเปลี่ยนเรื่องพูดกะทันหัน เมื่อคู่สนทนาดูเหมือนจะเข้ามานั่งในใจของเขาเสียทุกขณะ
“แต่เธอคือคนที่เราต้องสงสัยครับ และนี่…”
คอร์เนลมองคนสนิทหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดอะไรสองสามทีแล้วยื่นมาตรงหน้าเขา
“นายกำลังจะทำอะไรกันแน่?”
“ผมกำลังจะทำให้นายน้อยรู้ว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายคุณยาหยี”
เซอร์เกจัดการเปิดคลิปเสียงที่ตัวเองแอบอัดไว้เมื่อตอนที่เขากับยาหยีคุยกันที่สวนสาธารณะ เขาอัดมาเฉพาะประโยคเด็ดนี้เพียงประโยคเดียว และเขาก็คิดว่ามันจะทำให้คอร์เนลเลิกเข้าข้างและตัดใจจากหญิงสาวได้สำเร็จ
“ฉันจะไปจากคอร์เนลทันทีที่พ่อของฉันได้รับอิสรภาพ”
คอร์เนลถึงกับอ้าปากค้าง จ้องมองเจ้าโทรศัพท์ในมือของเซอร์เกนิ่ง มองราวกับว่ามันคือของแปลกจากต่างดาวก็ไม่ปาน
“นายน้อยอาจจะยังฟังไม่ถนัด ผมจะเปิดให้ฟังอีกครั้ง”
เมื่อยังเห็นความลังเลบนใบหน้าของคอร์เนลอยู่ เซอร์เกจึงจัดการเล่นคลิปเสียงนั้นอีกครั้ง และก็ได้ผลคราวนี้สายตาคมกริบที่เมื่อครู่นี้เต็มไปด้วยความลังเลไม่เชื่อ แปรเปลี่ยนเป็นดุกร้าวและขยะแขยงขึ้นในพริบตา
“ขอบใจมากเซอร์เกที่ทำให้ฉันตาสว่าง” อยากจะคิดว่าเซอร์เกใส่ร้ายยาหยี อยากจะคิดว่าหล่อนบริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่สุดท้ายแล้วกามันก็ต้องเป็นกาอยู่วันยังค่ำ ยาหยีคิดเพียงแค่อยากช่วยพ่อเท่านั้นจริงๆ
“คุณยาหยีเธอทำทุกอย่างเพื่อพ่อของเธอเท่านั้นครับ เธอก็บอกผมด้วยว่า เธอเกลียดนายน้อยมาก และเธอก็จะหาทางช่วยพ่อของเธอให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมแค่ไหนก็ตาม”
เซอร์เกลอบมองใบหน้าเดือดดาลของเจ้านายหนุ่มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะรีบราดน้ำมันลงบนกองไฟอีกระลอก
“แต่วันนั้นผมไม่คิดว่าเธอจะทำจริงๆ ผมนึกว่าเธอพูดเล่น”
“หยุดพูดถึงผู้หญิงแพศยาคนนั้นได้แล้วเซอร์เก ฉันไม่อยากฟัง!” คอร์เนลตวาดลั่น ขณะฟาดกำปั้นของตัวเองเข้ากับกำแพงห้องแรงๆ หลายทีติดกัน
“ครับนายน้อย ผู้หญิงคนนั้นต่ำเกินกว่าที่นายน้อยจะต้องทำร้ายตัวเองเพื่อเธอนะครับ”
ชายหนุ่มหยุดต่อยกำแพงห้อง หันขวับมาจ้องหน้าคนสนิทเขม็ง
“ก็แค่ครั้งเดียว ครั้งนี้เท่านั้นเอง”
เซอร์เกมองเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของคอร์เนลชัดเจน เขารู้ดีว่านายน้อยของตัวเองกำลังทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่การตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียตอนนี้มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้นายน้อยเจ็บเพราะพิษรักเมื่อจมปลักกับมันจนถอนตัวไม่ขึ้นไม่ใช่หรือ
“ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้ยอดชาย นายก็ต้องลากคอมันมาให้ฉันให้จงได้ เซอร์เก…” เป็นนานเลยทีเดียวกว่าคอร์เนลจะรวบรวมสติสตังกลับคืนมาได้
“ครับนายน้อย รับรองว่าไม่เกินสามวันผมจะต้องได้ตัวนายยอดชายกลับมาแน่นอนครับ แต่ว่า…คุณยาหยีก็จะมาด้วย”
“ฉันจะไปรอที่มอสโก หากแม่นั่นมีปัญญาไล่ตามพ่อของตัวเองไปถึงที่นั่นได้ ฉันก็ยินดีต้อนรับ และรับรองว่าฉันจะต้อนรับแม่นั่นอย่างสมเกียรติเลยทีเดียว” คอร์เนลแสยะยิ้มชิงชัง ดวงตาสีเขียวจัดวาวโรจน์ไปด้วยแรงโทสะ
“ผมกลัวนายน้อยจะใจอ่อนอีก”
ถึงยังไงเซอร์เกก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี คอร์เนลหัวเราะเหี้ยม ขณะเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานหนังแท้ของตัวเอง
“คนไม่มีหัวใจจะใจอ่อนได้ยังไงกันล่ะ วางใจเถอะเซอร์เก ฉันไม่โง่ซ้ำซากแน่ๆ”
“แต่ว่าผม…”
“ออกไปได้แล้วเซอร์เก ไปจัดการส่งคนไปพลิกแผ่นดินตามล่าไอ้ยอดชายให้พบ แล้วพรุ่งนี้เตรียมตัวกลับมอสโกกับฉัน บอกเชอรี่และคนอื่นๆ ให้เตรียมตัวด้วย”
คอร์เนลตัดบททุกการสนทนาด้วยการเอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ พร้อมกับหลับตา เซอร์เกยืนจ้องมองท่าทางปวดร้าวที่ซ่อนไม่มิดของคอร์เนลอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างเงียบเชียบ
เสียงปิดประตูห้องที่ถึงแม้จะแสนเบาแต่คอร์เนลที่กำลังตั้งใจฟังมันอยู่ก็ได้ยิน ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดสำแดงฤทธิ์ออกมาจากนัยน์ตาสีเขียวเข้มอย่างรุนแรง กรามแกร่งขบกันแน่นขณะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือมากดโทรออก
แม้ทุกคำพูด ทุกพยานหลักฐานที่เซอร์เกนำมาแสดงล้วนแต่บอกว่ายาหยีคือหญิงแพศยา ผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตัวเอง แต่เขาก็ยังอยากพิสูจน์ให้แน่ใจ อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง ภาวนาอยู่ภายในอกให้ทุกอย่างที่เซอร์เกพูดเป็นเรื่องโกหก ให้ตอนนี้ยาหยีกำลังนอนรอให้เขาไปรับอยู่ที่โรงแรมหรูริมหาดพัทยา
“หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ”
คอร์เนลกระหน่ำโทรเข้ามือถือของยาหยีเกือบยี่สิบครั้งแต่ประโยคที่ได้ยินตอบกลับมาก็ยังเป็นเสียงเดิม นั่นก็คือ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ แต่เขายังไม่ยอมละความพยายามง่ายๆ หรอก คอร์เนลรีบกดโทรศัพท์ไปยังโรงแรมทันที
“ผมต้องการคุยกับผู้หญิงที่พักอยู่ห้อง 905 เดี๋ยวนี้!”
“ห้อง 905 เหรอคะ เธอออกไปแล้วนะคะ รู้สึกว่าจะออกตามหลังคุณไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองค่ะ”
เสียงเจ้าหน้าที่โรงแรมตอบกลับมาหวานจ๋อย แต่คอร์เนลไม่ได้ฟังมันอีก เขากดตัดสายทันที จากนั้นก็ปาเจ้าโทรศัพท์มือถือราคาแพงยิ่งกว่าทองลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี ความเดือดดาลแล่นขึ้นมาจุกอก เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งที่เซอร์เกพูดเป็นเรื่องจริง
‘ยาหยีไปแล้ว…ไปจากเขาแล้วจริงๆ คงจะนัดกับพ่อของตัวเองเอาไว้สินะ’
“นังแพศยา! ฉันจะไม่มีวันให้อภัยอีตัวแบบเธออีกเด็ดขาด” ทุกความเดือดดาล ทุกแรงโทสะ ถูกถ่ายทอดออกมาจากคำพูดและแววตา กำปั้นใหญ่ทุบลงบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันแทบล้มครืน
เพราะอย่างนี้ใช่ไหม เจ้าหล่อนถึงได้พยายามถ่วงเวลาเขานัก พยายามใช้ร่างกายสวยสดผูกมัดให้เขากลับมาช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้พ่อของหล่อนได้หนีไปให้ไกลที่สุด
ไม่เคยรู้สึกเจ็บใจเท่านั้นมาก่อนเลยในชีวิต ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าไร้เดียงสาและแสดงละครไม่เป็น แต่เจ้าหล่อนกลับทำได้อย่างแนบเนียนทุกอย่าง ทำได้ดีจนเขาตามไม่ทัน แถมสุดท้ายยังตลบหลังเขาซะแสนเจ็บปวด
หากตอนนี้มีใครคนหนึ่งที่ควรจะรับโทษ มันก็ต้องเป็นเขานั่นแหละ เพราะความโง่ของเขาทำให้ทุกอย่างมันพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี โง่เขลาเบาปัญญาไม่ต่างจากควายไถนาเลยแม้แต่นิดเดียว