เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 1433 คำไหนคำนั้น + ตอนที่ 1434 แม่หมีเองหรือ
ตอนที่ 1433 คำไหนคำนั้น + ตอนที่ 1434 แม่หมีเองหรือ
ตอนที่ 1433 คำไหนคำนั้น
“ข้าไม่เห็นด้วย”
เฉินเต้าอธิบายอย่างตรงไปตรงมา “พลังของเจ้าไม่แกร่งพอ เข้าไปแล้วอันตรายมาก อีกทั้งพวกเรากำลังพูดกันว่า หลายวันนี้เด็ดยาทิพย์ได้ไม่น้อยแล้ว กำลังจะหาที่ฝึกหลอมยาอยู่”
“ศิษย์พี่เฉิน เช่นนั้นพวกท่านไปฝึกหลอมยา ข้าจะไปเดินเล่นหน่อย ไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ขอรับ” เฟิ่งจิ่วบอก เธอยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ได้ยินเสียงตึงตังดังขึ้นมาเสียก่อน
“ตึง! ตึงๆๆ!”
“เสียงอะไร?”
ทุกคนตกใจ รีบลุกขึ้นแล้วกวาดมองไปรอบๆ ได้ยินเพียงเสียงนั้นดังก้องอยู่กลางอากาศ ไม่อาจแยกทิศทางได้
สัมผัสได้ถึงพื้นดินที่สั่นสะเทือน เฟิ่งจิ่วนิ่งอึ้งแล้วอุทานว่า “อาจเป็นหมียักษ์ขอรับ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ลั่วเหิงมองเขาแล้วถาม
“เสียงกระทบพื้นดังมาก อีกทั้งยังมีจังหวะด้วย มีเพียงหมียักษ์เท่านั้นที่จะทำให้เกิดเสียงเช่นนี้ในแต่ละฝีเท้าได้ พื้นดินยังสะเทือนเล็กน้อยอีกด้วย จะเห็นได้ว่าหมียักษ์ตัวนี้ตัวใหญ่มาก จะต้องเป็นระดับสัตว์วิญญาณแน่ๆ”
“ตึง! ตึงๆๆ!”
“มาจากทางนั้น!” เธอชี้ไปยังส่วนลึกของป่าที่อยู่ด้านหน้า “ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เป็นหมียักษ์ที่อยู่ในส่วนลึกของป่า!” เธอรวมพลังกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ มองเข้าไปในส่วนลึกของป่าจากข้างบน เห็นหมียักษ์สีน้ำตาลตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาจากทางนั้นรางๆ มันวิ่งมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
“นั่นเป็นหมียักษ์ที่เป็นสัตว์วิญญาณขั้นสูงสุด! ศิษย์พี่เฉิน รีบพาพวกเขาไปจากตรงนั้นเร็ว” เฟิ่งจิ่วตะโกน ชี้ไปยังอีกด้านหนึ่ง
ได้ยินอย่างนั้น เฉินเต้าขมวดคิ้ว ถามว่า “แล้วเจ้าเล่า? เจ้าไม่ไปหรือ? นี่ไม่ใช่เวลามาเล่น รีบลงมาแล้วไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเราเร็วเข้า”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่บนต้นไม้มองเขาที่อยู่ข้างล่างแวบหนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่เฉิน ขอบคุณท่านมาก แต่ข้าต้องอยู่ต่อ ข้าจะอยู่ล่อหมียักษ์ตัวนี้ไปทางอื่นเพื่อถ่วงเวลาให้พวกท่าน พวกท่านจะได้มีเวลาหนีไป”
ได้ยินอย่างนั้น เฉินเต้าแย้งขึ้นมา “แค่หมียักษ์ตัวเดียว ในห้วงมิติของข้ามียา แค่ยาเม็ดเดียวก็ทำให้หมียักษ์หมอบได้แล้ว”
เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า “ใช้ไม่ได้ผลกับหมีน้ำตาลที่ตัวใหญ่ขนาดนี้หรอกขอรับ อีกอย่างตัวนี้ก็เป็นสัตว์วิญญาณขั้นสูงสุดที่อีกขั้นเดียวก็จะกลายเป็นสัตว์เทวะแล้ว ยาพวกนั้นทำอะไรพวกมันไม่ได้แล้ว พวกท่านรีบไปเถิด”
“ไปเถิด! เขาจะอยู่ก็ให้เขาอยู่ไป พวกเรารีบหนีเอาชีวิตรอดเถิด!” นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งแทรกขึ้นมา แล้วรีบวิ่งไปทางที่เฟิ่งจิ่วชี้ไป
“นั่นสิ รีบไปกันเถิด! พวกเราไม่เหมือนพวกเจ้าที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่ง เจ้าไม่ไป พวกเราไปเองก็ได้” อีกหลายคนที่เหลือก็รีบวิ่งหนีตามไป เหลือเพียงลั่วเหิงกับนักเล่นแร่แปรธาตุหญิงสองคนที่ยังอยู่ตรงนั้น
“ศิษย์พี่เฉิน พวกเรารีบไปกันเถิด!”
ลั่วเหิงเร่งเร้า เขามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง แล้วก็หันตัวจากไป นักเล่นแร่แปรธาตุหญิงสองคนเห็นเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่บนต้นไม้ไม่ยอมไป ก็อดประหลาดใจไม่ได้ แต่กลับไม่พูดอะไร เพียงจากไปพร้อมกับคนส่วนใหญ่
“ระวังตัวด้วย”
เฉินเต้ามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง แล้วกำชับว่า “หากเข้าไปข้างในแล้วพบเจออันตรายใด เลี่ยงได้ก็จงเลี่ยง คนที่ถูกส่งตัวเข้ามาในนี้เมื่อถึงเวลาก็จะถูกส่งตัวออกไปเอง หากเข้าไปในส่วนลึกของป่าแล้วออกมาไม่ได้ ขอเพียงหาที่ปลอดภัยรักษาชีวิตเอาไว้ก็พอ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก ยิ้มตาหยีแล้วตอบว่า “ขอรับ ข้ารู้แล้ว ศิษย์พี่เฉิน ท่านรีบไปเถิด! เจอกันที่สำนักนะขอรับ ถึงตอนนั้นข้าจะจับหนูวิญญาณไผ่และเอาเหล้าไปหาท่าน”
“พูดคำไหนคำนั้น” เขายิ้มๆ แล้วหันตัวจากไป
………………………………….
ตอนที่ 1434 แม่หมีเองหรือ
เห็นพวกเขาจากไปอย่างรวดเร็ว เฟิ่งจิ่วละสายตากลับมา เพ่งมองไปที่ร่างกายของหมีน้ำตาลตัวนั้น ไม่นาน ก็รวมพลังลอยตัวไปทางหมีน้ำตาลตัวนั้น
“มาทางนี้!”
เธอใช้ปลายเท้าถีบไปที่ไหล่ของหมียักษ์ ล่อมันเข้าไปในส่วนลึกของป่า
“กรรซ์!”
หมียักษ์ตัวนั้นถูกถีบหนึ่งครั้ง มันคำรามด้วยความเดือดดาลแล้วไล่ตามเฟิ่งจิ่วไป ในตอนนั้นเอง เฟิ่งจิ่วเพิ่งสังเกตเห็นว่าที่หลังของหมีสีน้ำตาลมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก ธนูดอกนั้นดำเมื่อม มีประกายน้ำมัน ดูเหมือนจะมีพิษ แต่ที่น่าแปลกคือ หากมีพิษ เหตุใดหมีสีน้ำตาลตัวนี้จึงไม่ล้มลงไป?
“กรรซ์!”
“ตึงๆๆ!”
เสียงร้องของหมียักษ์ผสมกับเสียงฝีเท้าของมันดังก้องไปทั่วผืนป่า พวกคนที่หนีไปอีกทางเห็นว่าเฟิ่งจิ่วไม่ได้ตามมา ก็อดทำสีหน้าแตกต่างกันออกไปไม่ได้
“เฟิ่งจิ่วเขา…”
ลั่วเหิงหันไปมองเฉินเต้า ถามว่า “ไม่ต้องพาเขากลับมาจริงๆ หรือขอรับ?”
“ไม่ต้อง ให้เขาไปเถิด! เขาเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ ไม่เป็นอะไรหรอก”
เฉินเต้าโบกมือแล้วตะโกนบอกทุกคน “พวกเราหาที่พักผ่อนสักสองสามวัน หากต้องการเด็ดยาอีกก็ค่อยเปลี่ยนสถานที่ หากต้องการฝึกหลอมยาก็หาที่ฝึกหลอมยาได้ พวกเจ้าคิดว่าเช่นไร?”
ทุกคนได้ยินประโยคนั้น ก็สบตากันแล้วพยักหน้า “อืม ได้ เอาเช่นนั้นก็แล้วกัน!”
ด้วยเหตุนั้น ภายใต้การนำทางของเฉินเต้า พวกเขามุ่งหน้าไปยังอีกทาง
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่กำลังมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกเหลือบมองเห็นยาทิพย์ต้นหนึ่ง จึงหยุดชะงักระหว่างที่บินหนี หมีสีน้ำตาลที่กำลังไล่ตามมาติดๆ พลันคำรามเสียงดังแล้วกระโจนเข้ามา กางกรงเล็บคมกริบตวัดมาทางเธอ สายลมแรงเสียงดัง ที่เกิดจากกรงเล็บของมันเฉี่ยวผ่าน กลายเป็นรอยลึกหลายเส้นทิ้งไว้บนพื้นดิน
“จิ๊ๆ อารมณ์ร้ายอย่างนี้ไม่ดี ระวังหน่อย เจ้าทำเช่นนี้อาจทำยาทิพย์ของข้าเสียหายได้” เฟิ่งจิ่วเก็บยาทิพย์ที่เด็ดมาได้แล้วส่ายหน้าแล้วพูดกับหมียักษ์ หลังจากหลบเลี่ยงได้ มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียดอีกครั้ง
“เจ้าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย?”
เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ต้นหนึ่ง มือหนึ่งเท้าคางมองเจ้าหมีสีน้ำตาลที่อยู่ข้างล่าง ดวงตาเจ้าเล่ห์กลอกหมุนไปมาอย่างรวดเร็ว คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“กรรซ์!”
หมีสีน้ำตาลคำรามเสียงดังแล้วกระโจนเข้ามา แต่กลับกระโดดขึ้นมาบนต้นไม้ไม่ได้ มันกอดต้นไม้แล้วเขย่าแรงๆ หมายจะให้มนุษย์ที่อยู่ข้างบนร่วงตกลงมา เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างบนเห็นเข้าก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
“เจ้าโง่หรืออย่างไร! เขย่าต้นไม้เช่นนี้จะทำให้ข้าตกลงไปได้หรือ?” เธอนั่งหัวเราะเบาๆ อยู่บนกิ่งไม้ สายตาเหลือบลงไปเห็นท้องของเจ้าหมียักษ์ แล้วก็หัวเราะหึๆ
“ที่แท้ก็เป็นแม่หมีนี่เอง! เจ้าว่าเหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้? บ้านข้ามีหมีตัวผู้หนึ่งตัว ถ้าอย่างไร เจ้ากลับไปเป็นคู่ให้เสี่ยวเฮยของข้าดีหรือไม่?”
หมีสีน้ำตาลตัวนี้เป็นสายพันธุ์เดียวกับเสี่ยวเฮยของเธอ แต่เทียบกับเสี่ยวเฮยของเธอ เจ้าตัวนี้ระดับสูงกว่าหน่อย มันใกล้จะกลายเป็นสัตว์เทวะแล้ว หากพาตัวกลับไปได้ เสี่ยวเฮยอาจจะดีใจก็เป็นได้
เธอกำลังหาคู่ให้สัตว์เลี้ยงของเธอ!
“กรรซ์ๆ!”
แม่หมีคำรามด้วยความเดือดดาล และตบต้นไม้อย่างแรง ต้นไม้ถูกเขย่าและกระแทกจนกิ่งไม้สั่นสะเทือน ใบไม้ร่วงกราว ทว่าเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างบนยังคงนั่งนิ่งอยู่ แต่แม่หมีที่มีลูกธนูปักอยู่กลางหลังกลับเริ่มอ่อนแรงลงช้าๆ แล้ว
“โฮก!”
มันทิ้งตัวนั่งลงใต้ต้นไม้ เฝ้าอยู่ตรงนั้น หอบหายใจแรงเหมือนเหนื่อย และเหมือนจะเกิดจากบาดแผลที่แผ่นหลังด้วย นั่งไปนั่งไปก็นอนหมอบลงไปกับพื้น
………………………………….