หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ - ตอนที่ 5 ไม่ให้ผมแตะต้อง แล้วจะให้ใครแตะต้อง?
หลังจากกลับถึงบ้าน ฉันก็โพสต์ประวัติส่วนตัวลงในโลกออนไลน์ทันที ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันฉันได้รับเอกสารแจ้งสัมภาษณ์งานอยู่หลายฉบับ สุดท้ายฉันก็ได้เลือกมา2บริษัท บริษัทแรกเป็นบริษัทต่างชาติและอีกบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทเครื่องประดับพวกเพชรพลอย
ในตอนเช้าหลังจากที่ฉันสัมภาษณ์บริษัทต่างชาติแล้วฉันก็รีบกินข้าวเที่ยงเพื่อที่จะไปสัมภาษณ์บริษัทจิวเวอรี่ต่ออีก ท่าทีของบริษัทต่างชาติที่มีต่อฉันนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ฉันจึงคาดหวังกับบริษัทจิวเวอรี่เอาไว้สูง เพียงแต่ฉันคาดไม่ถึงว่าผู้จัดการที่สัมภาษณ์ฉันนั้น จะหยิบยกข้อกำหนดเกี่ยวกับศักยภาพ กฎเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับและคุณสมบัติที่ต้องการขึ้นมา!
คุณสมบัติคำขอจากเขานั้นทำให้ฉันขุ่นเคือง "ผู้จัดการหลิว ฉันว่าแนวความคิดของฉันและบริษัทนั้นไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ ขอโทษด้วย ฉันยังมีธุระต้องจัดการ ฉันขอตัวก่อน!"
ฉันคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องมาพบเจอเรื่องราวแบบนี้ ฉันรู้สึกอัดอัดใจและโกรธเคืองอยู่ด้วยเล็กน้อย
ผู้จัดการขยับเข้ามา ฉันยกขาขึ้นและเตะเขาโดยไม่รู้ตัว เหมือนเขาได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว หลังจากที่เขาหลบได้ สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปในทันที "ซูยุ่น เธอยังต้องการรักษาหน้าตาศักดิ์ศรีอยู่หรือเปล่า ตั้งแต่วันนี้ถ้าเธอออกไปจากที่นี่ หลังจากนี้อย่าได้หวังว่าจะมีหน้าอยู่ในเมืองAอีกเลย!"
"ปล่อยฉัน ออกไป!"
"อ๊าก—อย่าหนี!"
ฉันใช้แรงกัดไปยังมือของเขาที่จับฉันไว้พร้อมทั้งยกขาขึ้นและเตะไปยังจุดอ่อนของเขา ฉันฉวยโอกาสในเวลาที่เขาเจ็บปวดนี้ เปิดประตูและรีบวิ่งออกไป
"ประธานลู่ ทางเรานั้น—-"
ทันทีที่ฉันวิ่งออกไป ฉันก็สังเกตได้ว่าบรรยากาศผิดปกติไปเล็กน้อย เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าลู่จือสิงกำลังมองฉันอยู่ ฉันชะงักไปชั่วครู่ ฉันแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรแล้วเดินต่อไป
"ซุยุ่น"
จู่ๆเขาก็เรียกชื่อฉัน ฉันยังคงเดินต่อไปและเพิ่มความเร็วในการก้าวเดินด้วย
"ผมบอกให้หยุด!"
น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันตัวแข็งไปชั่วขณะ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ฉันทั้งรู้สึกลำบากใจและรู้สึกไม่ยุติธรรม ฉันยังคงไม่สนใจลู่จือสิงและรีบเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดอยู่ทันที
เมื่อลู่จือสิงเดินเข้ามา ประตูลิฟต์ก็ได้ปิดลงพอดี เขายืนอยู่ตรงประตูลิฟต์พอดี มองฉันด้วยสีหน้าขรึม
เมื่อฉันอยู่ในลิฟต์อารมณ์ฉันก็ค่อยๆสงบลง ฉันนึกถึงคำพูดของผู้จัดการ ฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
ท่ามกลางผู้คนที่ฉันทำให้ขุ่นเคือง ทำให้ฉันไม่สามารถมีหน้าอยู่ในเมืองAได้อีกต่อไปนั้น นอกจากลู่จือสิงแล้วฉันก็ไม่สามารถนึกถึงใครได้อีกเลย
ฉันคาดไม่ถึงว่าลู่จือสิงจะเป็นคนตระหนี่อะไรขนาดนี้ เพียงเพราะฉันไม่ยอมไปทำงานที่เฟิงเหิง เขาถึงกับจะไม่ให้ฉันมีหน้าอาศัยอยู่ในเมืองAเลยงั้นสิ?
ยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ ดังนั้นเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก แล้วฉันมองเห็นลู่จือสิง จิตใต้สำนึกฉันก็บอกให้ฉันวิ่งหนีไป
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะอุ้มฉันขึ้น ฉันดิ้นรนด้วยความตกใจ แต่เขาก็ยังคงอุ้มฉันไว้แล้วเดินไปข้างหน้า เขาเปิดประตูรถและโยนฉันเข้าไปด้านใน
"ปัง!" หลังจากที่เขาปิดประตูรถอย่างรุนแรง ฉันก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาที่มืดมนของเขา "ไม่ให้ฉันแตะเนื้อต้องตัวเธอ แล้วอยากจะให้ใครแตะ? ไอ้ผู้จัดการเมื่อกี้นั้นหรือไง?"
คำพูดของเขาทำให้ฉันหน้าซีด ฉันเงยหน้ามองเขาและรู้สึกว่าหัวใจนั้นกำลังถูกใครบางคนทิ่มแทง
จู่ๆฉันก็พบว่าจริงๆแล้วฉันมีความรู้สึกบางอย่างกับผู้ชายคนนี้
แต่เขาเย็นชาและโหดร้ายมากทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าเมื่อกี้ฉันเจอกับเหตุการณ์ที่ย่ำแย่แบบนั้น แล้วยังมาพูดแบบนี้กับฉันอีก!
ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและฟาดใส่เขาแต่ทว่ามือของฉันนั้นถูกเขาคว้าเอาไว้เสียก่อน ในทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เอนมาหาฉัน ระยะห่างระหว่างเราสองคนนั้นน้อยกว่าสิบเซนติเมตรเสียอีก
"คุณกล้า —– อื้อ!"
ฉันยังคงดิ้นรนอยู่แบบนั้น เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดฉันเอาไว้
"ฟึ่บ—"
ทันใดนั้นเสื้อเชิ้ตสีขาวบนร่างกายของฉันก็ถูกเขาฉีกออกและฉันก็มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา "คุณปล่อยฉัน! อ๊ะ—"