หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ - ตอนที่ 21 ฐานะน้าของหยาวตันตันก็เจ๋งดี
ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะมาถามคำถามนี้กับฉันในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ แต่ช่างมันเถอะ เมื่อคืนฉันไคร่ครวญมาพอสมควรแล้ว ฉันทำใจเสียเด็กคนนี้ไปไม่ได้ และฉันก็ดันมีความรู้สึกดีๆ ต่อลู่จือสิงทั้งที่รู้ว่าไม่ควรเลย
ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฉันคิดทบทวนมาแล้ว… ฉันว่า…"
เมื่อฉันพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน และฉันก็ต้องตกใจเมื่อเขาเดินตรงมาถึงตัวฉันในเวลาเพียงชั่วพริบตา “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ฉัน… อุ๊บ”
ทันใดนั้นลู่จือสิงก็รั้งตัวฉันเข้าไปหาแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากของฉัน จูบนั้นหนักหน่วงรุนแรง และรุกรานเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้ฉันพ่ายแพ้อย่างหมดรูปแทบจะในทันที
เมื่อเขาคลายจูบ ฉันทำได้เพียงซบหน้าลงกับบ่าของเขาพร้อมกับอาการหายใจหอบถี่
“ซูยุ่น คุณไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว… คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแต่งงานกับผม”
คำพูดที่แข็งกร้าวและเอาแต่ใจดังมาจากเหนือศีรษะฉัน จนฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี “ลู่จือสิง ที่คุณบอกให้ฉันเก็บไปคิด จริงๆ แล้วคุณโกหกใช่ไหม”
เขาไม่ตอบคำถามของฉัน แต่กลับโน้มศีรษะลงมาและมองตรงมาที่ฉันด้วยดวงตาสีเข้มคู่นั้น “แล้วคำตอบของคุณคืออะไร”
เขาทำให้ใจฉันสั่นระรัวจนฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ประธานลู่ ฉันคิดว่าฐานะน้าของหยาวตันตันนี่น่าจะเจ๋งดีนะ”
“อืม… ก็เจ๋งนะ”
ทันใดนั้นเขาก็เอื้อมมือมาแตะแก้มของฉัน ดวงตาของเขามีประกายของรอยยิ้มน้อยๆ ดูอ่อนโยนจนฉันเองก็บอกไม่ได้ว่านี่คือความฝันหรือความจริง
ฉันหลบสายตาและหันไปมองอาหารเช้าที่เขานำมาวางไว้บนโต๊ะ “ลู่จือสิง คุณคิดดีแล้วใช่ไหม? ฉันไม่ได้ร่ำรวย แล้วก็ไม่ใช่คนสวย นิสัยก็ไม่ค่อยดี ถ้าแต่งงานกับฉันคุณจะขาดทุนทุกอย่าง”
"ผมไม่ได้ต้องการแต่งงานเพื่อธุรกิจ และผมก็รู้ตัวดีว่าผมจะขาดทุนหรือเปล่า"
เขากระชับมือฉันแน่น เพียงคำพูดประโยคเดียวก็ขจัดความลังเลใจของฉันไปจดหมดสิ้น
บางทีฉันควรมีความกล้ามากกว่านี้อีกนิด
“ที่นี่คับแคบเกินไป เก็บข้าวของแล้วย้ายไปอยู่กับผม”
ยังไม่ทันไร ลู่จือสิงก็โยนระเบิดอีกลูกใส่ฉัน
ฉันหันไปมองเขาแล้วถามว่า "คุณล้อเล่นใช่ไหม?"
เขาเหลือบมองฉันอย่างไม่พอใจ "เราควรอยู่ด้วยกันเมื่อแต่งงานกันไม่ใช่หรือ"
“แต่เรายังไม่ได้แต่งงานกัน!”
“ปรับตัวล่วงหน้าไง!”
"….."
เมื่อไม่สามารถเถียงชนะได้ ในที่สุดฉันก็ต้องย้ายไปยังคอนโดของเขา ซึ่งกว้างขวางกว่าที่พักของฉันหลายเท่า
เมื่อเข้ามายืนอยู่ในคอนโดของลู่จือสิง ความรู้สึกหลากหลายก็ประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ในตอนแรกฉันเข้าหาเขาด้วยความคิดที่จะแต่งงานเพื่อหาทางแก้แค้นหยาวตันตันและถันฮ่าวอวี่ แต่ภายหลังจึงคิดได้ว่านั่นเป็นความคิดที่โง่มาก ดังนั้นถึงแม้จะถูกเขาถามในตอนแรก ฉันก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงมัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วมันกลายจะเป็นจริงขึ้นมา
ฉันกลัวจริงๆ ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่สวยงาม เหมือนกับฟองสบู่ที่พอถูกแตะนิดเดียวก็แตกสลายไป… ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม… ไม่มีสิ่งใดเหลือเลย
แต่ลู่จือสิงบอกฉันอย่างตรงไปตรงมาด้วยการกระทำของเขาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือความจริง เพราะเขาบอกว่าจะพาฉันไปบ้านตระกูลลู่เพื่อพบผู้ใหญ่ในครอบครัวของเขาในวันพรุ่งนี้
แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้เลยเมื่อต้องนั่งอยู่ในรถ แม้แต่ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยฉันก็ยังไม่ประหม่าเท่านี้
คฤหาสน์ของตระกูลลู่กว้างขวางและใหญ่โตอย่างที่ฉันคิด เพียงแค่ประตูทางเข้าก็มีความกว้างกว่าสิบเมตร และยังต้องขับรถต่อไปอีกกว่าจะถึงประตูทางเข้าหลัก
เมื่อลงจากรถ ลู่จือสิงก็เหลือบมองมาที่ฉันนิดหนึ่ง ไม่บ่อยนักที่เขาจะปลอบโยนฉันเช่นนี้ “ไม่ต้องตื่นเต้นนะ”
ฉันพยายามฝืนยิ้มกับเขา "ฉันไม่ได้ตื่นเต้น"
ตอนนี้ฉันไม่ได้กังวลอย่างเมื่อครู่อีกต่อไป แต่ฉันเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะตระกูลลู่นั้นอยู่สูงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเอื้อมถึง