หวานรักจับหัวใจท่านประธาน - ตอนที่ 903 ความจริงอยู่ใกล้แค่เอื้อม! / ตอนที่ 904 ลูกชายคนโตของตระกูลมั่ว “มั่วเฉียน”
- Home
- หวานรักจับหัวใจท่านประธาน
- ตอนที่ 903 ความจริงอยู่ใกล้แค่เอื้อม! / ตอนที่ 904 ลูกชายคนโตของตระกูลมั่ว “มั่วเฉียน”
ตอนที่ 903 ความจริงอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้เรื่องในอดีตของตัวเอง
จำได้แค่เหตุการณ์ไฟไหม้
ตอนที่สิงลี่ปรากฏตัวครั้งแรก เป็นเพราะเธอพูดถึงสามีภรรยาตระกูลสิงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้ จึงทำให้พวกเขาไม่แน่ใจว่าเธอโกหกหรือไม่
แต่จากผลการสอบสวนในท้ายที่สุดก็พบว่ามีคนรับตัวเหนียนเสี่ยวมู่ไปนานแล้วก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่บ้านตระกูลสิง
หรือพูดได้ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นที่อยู่ในความทรงจำของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลสิง
ในทางกลับกันทำไมบ้านตระกูลสิงถึงรับเลี้ยงดูเหนียนเสี่ยวมู่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจมาตลอด
จนกระทั่งเจิ้งเหยียนพูดถึงตระกูลผู้พิทักษ์ตระกูลมั่วเมื่อวานนี้…
ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลมั่วจริงๆ นั่นเท่ากับว่าตระกูลสิงก็เป็นหนึ่งในตระกูลผู้พิทักษ์ตระกูลมั่ว
ดังนั้นก็อธิบายได้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่ได้รับการเลี้ยงดูในบ้านตระกูลสิงด้วยเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาเองก็ไม่รู้!
ต่อมาทำไมถานเปิงเปิงถึงเก็บเธอได้ในสภาพบาดเจ็บไปทั้งตัว
และทำไมเธอถึงสูญเสียความทรงจำ แต่กลับจำได้แค่เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น
นี่จึงจำเป็นต้องถามเจิ้งเหยียนว่าตระกูลมั่วเกิดเหตุการณ์อะไรกันแน่เมื่อสามปีก่อน!
ข้อสงสัยทั้งหมดเหมือนจะออกมาพร้อมๆ กัน
ราวกับภูเขาไฟที่สะสมเชื้อเพลิงไว้ได้ปะทุออกมาในตำแหน่งที่เปราะบางที่สุด “ความจริง”กำลังรอให้ถึงเวลาที่จะพรั่งพรูออกมาเท่านั้น!
“ไฟไหม้? ทำไมคุณถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
เจิ้งเหยียนที่ถูกถามถึงกับอึ้ง
“เรื่องของตระกูลมั่วฉันรู้ไม่มากจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องที่ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลผู้พิทักษ์ตระกูลมั่ว ฉันก็แค่แอบได้ยินมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้าพวกคุณอยากรู้คำตอบ ฉันคงทำได้แค่ช่วยพวกคุณไปลองถามพ่อฉันดู แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่าเขาจะยอมบอกหรือเปล่า”
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเจิ้งกับตระกูลมั่วค่อนข้างละเอียดอ่อน
อย่างที่อวี๋เยว่หานได้กล่าวไว้
ตระกูลมั่วสนับสนุนตระกูลเจิ้งมากับมือ ตอนนี้ตระกูลเจิ้งกลับพยายามหลุดพ้นจากตระกูลมั่วเพื่อตั้งตนเป็นใหญ่ด้วยตัวเอง
จึงดูเป็นพวกอกตัญญูอยู่บ้างในสายตาคนภายนอก
หากในเวลานี้ตระกูลเจิ้งแพร่ข่าวลือที่เกี่ยวกับตระกูลมั่วอีก ก็เกรงว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้
เจิ้งเหยียนเป็นเพื่อนพวกเขา เธอถึงได้ยอมพูดออกมามากขนาดนี้
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นในตระกูลเจิ้งก็คงปิดปากเงียบไปแล้ว
“จริงด้วย!” เจิ้งเหยียนนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลมั่วเมื่อสามปีก่อนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้หรือไม่ฉันไม่แน่ใจ แต่ฉันรู้อยู่เรื่องหนึ่งที่ว่าบริเวณคฤหาสน์หลักของตระกูลมั่วถูกปิดเอาไว้ตั้งแต่สามปีที่แล้ว ได้ยินว่าจะทำการปรับปรุงและตกแต่งใหม่…ตามที่พวกคุณพูดมาก็อาจจะเกิดเหตุไฟไหม้ก็เป็นได้ แล้วทำการตกแต่งซ่อมแซมเพื่อเป็นการตบตาคน…”
เจิ้งเหยียนพูดพึมพำกับตัวเอง
“พูดก็พูดเถอะ จนถึงตอนนี้พวกคุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าตระกูลมั่วเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้จริงๆหรือเปล่า และเกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณ? คงไม่ใช่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไปล่วงเกินตระกูลมั่วโดยการวางเพลิงในคฤหาสน์ตระกูลมั่วหรอกนะ?”
พอเจิ้งเหยียนพูดจบก็นึกขำกับความคิดตัวเอง
ตบขาหัวเราะไปพักหนึ่ง
หัวเราะไปได้สักพักก็พบว่าในห้องหนังสือไม่มีใครหัวเราะนอกจากเธอ
ไม่เพียงแค่ไม่หัวเราะ
เมื่อได้ยินที่เธอบอกว่าคฤหาสน์ตระกูลมั่วมีการปรับปรุงใหม่ อวี๋เหยว่หานกับเหนียนเสี่ยวมู่ก็มีท่าทีจริงจัง
เสียงหัวเราะที่ดังกังวานของเจิ้งเหยียนหยุดลงทันที
ตกใจกับท่าทีของพวกเขา เธอนั่งลงบนเก้าอี้ กระแอมสักพักก็เอ่ยปากถาม
“พวกคุณสองคนมีเรื่องอะไรเหรอ? จู่ๆ ก็เอาแต่ซักไซ้เหตุการณ์ที่เกิดในตระกูลมั่วตอนนั้น นี่เกี่ยวกับที่เหนียนเสี่ยวมู่ไปล่วงเกินตระกูลมั่วหรือเปล่า? ฉันอุตส่าห์บอกพวกคุณทุกเรื่องที่ฉันรู้ไปหมดแล้ว ถ้าพวกคุณยังมีเรื่องปิดบังฉัน มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาดำขลับของอวี๋เยว่หานก็จมดิ่งพลางเดินรอบไปตรงหน้าเจิ้งเหยียน
“คุณบอกผมมาก่อนว่าหลังจากที่ตระกูลมั่วเกิดเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน มีการเปลี่ยนผู้นำตระกูลมั่วใช่หรือไม่?”
ตอนที่ 904 ลูกชายคนโตของตระกูลมั่ว “มั่วเฉียน”
เจิ้งเหยียนผงะเมื่อถูกถาม จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความรวดเร็ว “ไม่นะ ผู้นำตระกูลมั่วยังเป็นคนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนเลยตลอดหลายปีมานี้ แต่ว่าเขาแก่แล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดี ช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาจึงไม่ค่อยปรากฏตัว ธุระจัดการทั้งหมดของตระกูลมั่วก็เลยตกเป็นของลูกชายคนโตของตระกูลมั่วหรือมั่วเฉียนเป็นคนจัดการ”
อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วและได้ยินเจิ้งเหยียนพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลมั่วก็เริ่มบ่มเพาะผู้สืบทอดตัวเองมาหลายปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาเป็นแบบนี้ในปีสองปีที่ผ่านมา และคนของตระกูลมั่วที่มางานประชุมสัมมนาธุรกิจครั้งนี้ก็คือมั่วเฉียน!”
เจิ้งเหยียนเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อ แต่จู่ๆพ่อบ้านก็ขึ้นมาข้างบนด้วยความกระวนกระวาย “คุณชายหานครับ เมื่อกี้เพิ่งได้รับสายจากทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าประธานถังอยู่ในอาการโคม่า โรงพยาบาลเพิ่งส่งไปที่ห้อง CCU[i]!”
“ถังหยวนซือ…” อวี๋เยว่หานหรี่ตาลง เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งบนตัวเขาลุกขึ้นทันที
ตอนนี้ซั่งซินอยู่ที่โรงพยาบาลแค่คนเดียว เธอยังท้องอยู่ด้วย
เมื่อได้ยินว่าถังหยวนซืออยู่ในอาการโคม่าก็กลัวว่าจะไม่ค่อยดี!
ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่กับอวี๋เยว่หานรีบไปถึงโรงพยาบาล ห้องผู้ป่วยก็ว่างแล้ว
ถังหยวนซือถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดช่วยชีวิต
หน้าประตูห้องผ่าตัด
ซั่งซินยืนอยู่คนเดียว
เธอไม่ได้ร้องไห้
ร่างบอบบางกำลังยืนตัวตรงพิงกับกำแพง
มองทอดออกไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มือห้อยลงมาจับชายกระโปรงข้างลำตัวแน่น
ขอบตาแดงเล็กน้อย
“ซั่งซิน!” เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาจับมือเธอไว้
ทันทีที่สัมผัสเธอก็ตกใจกับอุณหภูมิบนฝ่ามือเธอ
“ทำไมมือเย็นขนาดนี้?”
เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือมากอดเธอไว้ เธอถึงได้พบว่าซั่งซินไม่เพียงแค่มือเย็น แต่ร่างกายยังตึงเครียดไปหมด
ราวกับสายธนูที่เหนี่ยวเต็มแรง หักได้ตลอดเวลาตราบใดที่มีการออกแรง
“ถังหยวนซือเป็นยังไงบ้าง?” อวี๋เยว่หานเดินมาข้างหน้า
เมื่อได้ยินเสียงของอวี๋เยว่หาน ดวงตาซั่งซินก็ขยับ กลืนน้ำลายพูดอะไรไม่ออก เพียงแค่เหลือบมองไปยังไฟห้องผ่าตัดเหนือศีรษะที่ยังคงสว่างอยู่
ท่าท่าเหมือนกำลังกลั้นน้ำตาอย่างไรอย่างนั้นจนเหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสงสาร
จู่ๆตอนนี้เธอก็เข้าใจสิ่งที่ถังหยวนซือทำในตอนแรกขึ้นมาบ้างแล้ว
การต้องมาเห็นคนที่ตัวเองรักกำลังต่อสู้กับมัจจุราชโดยที่ตัวเองไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้ มันทำให้คนคลั่งได้จริงๆ
เพราะถังหยวนซืออาลัยอาวรณ์ซั่งซินแบบนี้ เขาถึงได้ผลักไสเธออย่างสุดชีวิต
“ประธานถังหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน จึงต้องทำการช่วยชีวิตเขาให้พ้นขีดอันตราย แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก” ผู้ช่วยที่ติดตามถังหยวนซือคอยอธิบายอยู่ข้างๆ
จากนั้นไม่นานซั่งซินก็ได้สติ จู่ๆ เธอก็จับมือเหนียนเสี่ยวมู่ไว้
เธอร้องไห้คร่ำครวญแล้วพูดว่า “เสี่ยวมู่มู่ เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ซั่งซิน เธอ…”
“ช่วงนี้พี่เสี่ยวซือทำตัวว่าง่ายมาก เชื่อฟังตลอด เขาสัญญากับฉันแล้วว่าจะให้ความร่วมมือกับคุณหมอทำการรักษา”
“ช่วงนี้เขายังหัวเราะบ่อยๆ เมื่อวานยังกอดฉันและยังช่วยคิดชื่อลูก”
“เขายังบอกอีกว่าจะอยู่กับฉันตลอดไปเพื่อคอยดูลูกของเราคลอด จนกระทั่งลูกโตแล้วเราแก่ตัวลง จนกระทั่งแก่จนไปไหนไม่ได้ เขาจะอยู่เป็นเพื่อนฉันในลานบ้าน ปลูกดอกทานตะวันที่ฉันชอบที่สุด…”
ในที่สุดน้ำตาซั่งซินก็กลั้นไว้ไม่อยู่
แต่ละเม็ดหยดลงบนหลังมือเหนียนเสี่ยวมู่ ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ
เหนียนเสี่ยวมู่รวบเธอมากอดด้วยความเศร้าใจ “จะต้องไม่เป็นอะไร ถังหยวนซือจะต้องไม่เป็นอะไร! เธอต้องเข้มแข็ง ถือว่าทำเพื่อลูกในท้อง เธอจะต้องเข้มแข็งเอาไว้! เธอเป็นคนบอกฉันเองว่าเธอเชื่อในปาฏิหาริย์ จะต้องมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแน่!”
[i] ห้อง CCU เป็นห้องที่ใช้เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยที่มีความรุนแรงของอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือดในระยะวิกฤตโดยเฉพาะ