วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน - ตอนที่ 385 เยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำ
บทที่ 385 เยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำ
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเงินก็ต้องญาติดีกับซูหงก่อน ฉะนั้นทางเรื่องเงินก็ไม่ควรมีปัญหา
ส่วนประธานหลิว นั่นสมควรแล้ว!
เธอไม่รู้ว่าเฟิงยี่ทำอะไรกับประธานหลิวกันแน่ เมื่อคืนถึงแม้เธอไม่ค่อยมีสติ แต่ก็ค่อนข้างมึนเบลอ
ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนพูดในตอนนั้น ที่จริงเธอไม่ได้ยินชัดเจนนัก
เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเฟิงยี่ปลดทั้งเย่เซิ่งกรุ๊ปออกจากเมืองหลวงแล้ว
เมื่อเชื่อมต่อสายถึงซูหงติดแล้ว เธอก็ยิ้มและรีบพูดว่า “พี่ซูหง เอ่อ…ค่าตัวฉันเมื่อคืนนี้ คุณโอนมาให้ฉันตอนนี้เลยสะดวกไหม”
สายฝั่งตรงข้าม น้ำเสียงของซูหงเต็มไปด้วยความจนใจ
“ขอโทษนะเหยาเหยา เงินพวกนั้น…ตอนนี้อาจจะไม่ได้แล้ว”
ถังลั่วเหยาชะงักไป
“อะไรนะ”
“เฮ่อ! เมื่อคืนพวกคุณมีเรื่องอะไรกันใช่ไหม วันนี้ทางฝั่งนั้นโทรมา บอกว่าคุณทำผิดต่อแขกคนสำคัญ ตอนนี้พวกเขาถอนการลงทุนทั้งหมดไปแล้ว ดังนั้น…”
ถังลั่วเหยา “……..”
“หรือไม่ก็เอาแบบนี้นะ! ถ้าคุณต้องการเงินจริงๆ ฉันยังมีเงินสำรองในมือเล็กน้อย ให้คุณยืมก่อน คุณคืนเมื่อไรก็ได้ไม่ต้องรีบ”
ถังลั่วเหยารีบบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณพี่ซูหง”
หลังจากวางสายไปแล้ว ความรู้สึกของถังลั่วเหยาก็จมดิ่งลง
เธอคิดไม่ถึงว่าแม้แต่เงินเล็กน้อยเมื่อคืน สุดท้ายก็ไม่ได้รับ
เธอกุมศีรษะอย่างหดหู่พลางถอนหายใจ
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นสายจากช่ายสี่
ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว รับสายอย่างหงุดหงิด “คุณมีเรื่องอะไรอีก”
“เด็กดี เงินที่เธอสัญญาไว้กับฉันล่ะ จะให้ฉันเมื่อไร พริบตาเดียวก็วันที่ยี่สิบห้าแล้วนะ อีกไม่กี่วันก็จะหมดเดือนนี้แล้ว ทุกคนจะพุ่งเข้ามาแล้วนะ”
ถังลั่วเหยาอยากจะมุดเข้าไปในสายโทรศัพท์แล้วบีบคอเขาให้ตาย
เธอกัดฟันพูดว่า “ฉันบอกไปแล้วไงว่ารอถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้วจะให้คุณ ตอนนี้ยังถ่ายไม่เสร็จไม่ใช่เหรอ คุณรีบอะไร”
ช่ายสี่หัวเราะเยาะสองครั้ง
“ได้สิ ยังไงตอนสิ้นเดือน ถ้าเธอไม่เอามาให้หรือว่าหลอกฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่สุภาพก็แล้วกัน”
ช่ายสี่พูดจบถึงได้ตัดสายไป
วันนี้ ถังลั่วเหยาเพิ่งมาถึงสถานที่ถ่ายทำ ได้ยินมาว่าวันนี้มีนักลงทุนรายใหญ่มาเยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำ
หลังจากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ถึงได้รู้ว่าที่แท้คือเฟิงยี่
ถึงแม้ว่าละครเรื่องนี้จะลงทุนหลักโดยอานหนิงกั๋วจี้ แต่ยังมีนักลงทุนหรือบริษัทลงทุนอื่นๆ อีก
เฟิงยี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อทุกคนได้ยินข่าวนี้ ก็คึกคักเดือดพล่านขึ้นมาฉับพลัน
เฟิงยี่คือใคร นั่นคือคุณชายรองตระกูลหลี่แห่งสี่ตระกูลใหญ่ ราชาเพชรที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะมีข่าวคราวเรื่องผู้หญิง และทุกคนต่างพูดกันว่าเป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลแห่งยุค แต่จะว่าไปแล้ว ในความเป็นจริงมีเพียงไม่กี่คนที่ได้เห็นเขาอย่างใกล้ชิด
และตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฟิงยี่กับลู่จิ่งเซินลงทุนด้านการแสดงไปไม่น้อย แต่กลับไม่เคยไปเยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำด้วยตัวเองเลย
ดังนั้นครู่เดียว คนที่ได้ข่าวนี้ก็ล้วนอดจะตื่นเต้นไม่ได้
บรรดาสาวผู้ช่วยภาคสนามบางส่วน ส่วนใหญ่ถูกความงดงามของเฟิงยี่ดึงดูด อยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเทพ
และพวกที่มีโอกาสได้เจอเฟิงยี่ในงานสังคม ก็กำลังคิดคำนวณเรื่องอื่นแตกต่างกันไป
เพราะถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วใครก็รู้ว่าคุณชายรองตระกูลเฟิงคนนี้สง่างามที่สุดและน่าทะนุถนอมที่สุด
ปกติแล้วไม่มีโอกาสเข้าใกล้ วันนี้ไม่ง่ายที่จะสามารถได้ใกล้ชิด แน่นอนว่าจะต้องรีบงัดมารยาร้อยเล่มเกวียนออกมา เพื่อให้เขาสังเกตเห็นตน
ตราบใดที่สามารถปีนขึ้นไปยังกิ่งไม้สูงส่งอย่างเฟิงยี่ได้ ไม่ต้องพูดถึงการได้อยู่ในตระกูลที่ร่ำรวยเพื่อเป็นนายหญิงน้อย ต่อให้เป็นแค่สาวสวยคนสนิทอะไรพวกนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้คนอื่นอิจฉาตาร้อนจนตายแล้ว
ดังนั้นพวกนักแสดงหญิงจึงไม่สงบ
ต่างกุลีกุจอกันไปแต่งองค์ทรงเครื่องให้โดดเด่น แม้แต่เลิงเสี่ยวเยว่ที่มีนิสัยเย็นชามาโดยตลอด วันนี้ก็มีการแต่งหน้าเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมงด้วย
คนที่อยู่ในสถานที่มีเพียงถังลั่วเหยาคนเดียวที่ดูถูกการมาถึงของเฟิงยี่อย่างมาก
ในใจเธอแอบสะกิดใจว่า เยี่ยมชมงั้นเหรอ ถ้าฟังดูดีสักหน่อยก็คือเยี่ยมชม แต่ถ้าฟังน่าเกลียดหน่อย มันคือการมาควบคุมงานไม่ใช่หรือไง
แค่นี้ก็ดีใจกันมากแล้วเหรอ คนพวกนี้คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองสามารถบินขึ้นไปบนกิ่งไม้เพื่อเป็นนกฟีนิกซ์อะไรพวกนั้นได้
ถังลั่วเหยาส่ายหน้าอย่างระอาใจ ไม่สนใจคนพวกนั้น หลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ไปยังสถานที่ถ่ายทำเพื่อถ่ายการแสดง
การถ่ายทำของเธอในวันนี้มีสามฉาก ซีนต่อสู้หนึ่งฉาก ซีนบทพูดหนึ่งฉาก และมีซีนอารมณ์หนึ่งฉาก
ซีนอารมณ์ก่อนอันดับแรก กระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่น
อันดับสองเป็นซีนบทพูด
และเฟิงยี่มาถึงตอนที่เธอเริ่มถ่ายซีนบทพูด
ซีนบทพูดนี้เป็นเธอค้นหาความจริงเพื่อการแก้แค้น ไม่รีรอที่จะยอมรับเรื่องที่ว่าขุนนางชั่วเป็นพ่อบุญธรรม
ถังลั่วเหยาไม่ได้สังเกตการณ์มาถึงของเฟิงยี่ ทั้งกายใจจมสมาธิอยู่กับการแสดง แต่นักแสดงชายที่รับบทเป็นขุนนางชั่ว สังเกตเห็นว่าเถ้าแก่อยู่ที่นี่ สภาพก็ผิดปกติไป ถูกผู้กำกับสั่ง“คัท”หลายครั้งถึงจะผ่าน
ส่วนถังลั่วเหยาในขณะที่กำลังแสดงซีนนี้ บังเอิญว่าซูฉินก็มาด้วย
วันนี้เธอใส่ชุดแดงสด ยืนอยู่ในสถานที่ไม่ไกลจากเฟิงยี่ จ้องมองเขาเงียบๆ
การแสดงของเธอต้องรอจนกว่าจะถึงฉากต่อไป ดังนั้นตอนนี้จึงกำลังรอการแสดงอยู่
เพียงแต่วันนี้อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเฟิงยี่จะมาปรากฏตัวยังสถานที่ถ่ายทำ
และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นตัวจริงของเขาอย่างใกล้ชิด คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะหล่อเหลาขนาดนี้
หน้าตาที่หล่อมาก บุคลิกที่สูงสง่า ไอแห่งความเลอค่าแผ่ออกมาจากกาย น่าหลงใหลพอๆ กับไวน์ชั้นดี
สวรรค์! บนโลกใบนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้ยังไง!
หล่อเหลา บุคลิกน่าเกรงขาม ที่สำคัญที่สุดคือมีเงิน!
ถึงแม้ว่าจะได้ยินข่าวลือจากภายนอก เหมือนจะเจ้าชู้ไปหน่อย
แต่ผู้ชายที่มีเงิน ไหนเลยจะไม่เจ้าชู้!
และในมุมมองของเธอ เฟิงยี่ที่ไม่มีแฟน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเจ้าชู้ หากมีผู้หญิงที่ครอบครองหัวใจของเขาได้ เขาก็จะไม่ไปทำเรื่องไร้สาระข้างนอก
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว สายตาซูฉินที่มองไปยังเฟิงยี่ก็อดไม่ได้ที่จะเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเฟิงยี่มาแล้ว โดยธรรมชาติแล้วในสถานที่ถ่ายทำเขาก็เป็นเถ้าแก่
แม้แต่ผู้กำกับก็ยังให้ความเคารพแก่เขา กระซิบพูดคุยเรื่องต่างๆ กับเขาตลอดเวลา
การแสดงผ่านไปครึ่งทาง จู่ๆ ทางฝั่งผู้ช่วยผู้กำกับควบคุมกล้องก็สั่ง “คัท!”
หลังจากนั้นก็วิ่งเข้าไปตำหนินักแสดงบทบ่าวไพร่ที่อยู่ข้างหลังถังลั่วเหยา
ปรากฏว่าเมื่อครู่นี้บ่าวไพร่ควรจะเอาม้านั่งขึ้นเกี้ยวมาให้ถังลั่วเหยา แต่กลับกลายเป็นว่าเอามาผิด เอาเบาะมาแทน
เห็นได้ชัดว่าการมาถึงของเฟิงยี่ ไม่เพียงแต่นักแสดงหญิงที่ประหม่า ในความเป็นจริงนักแสดงชายก็ประหม่าไม่ต่างกัน
ซูฉินเห็นสิ่งนั้นแล้วก็หัวเราะเยาะอยู่แถวนั้น “ที่จริงก็ไม่สงสัยนักแสดงคนนั้นหรอก สาเหตุหลักเพราะนักแสดงหลักจังหวะไม่ได้ แน่นอนว่าเขาจึงกังวลและทำผิดพลาดได้ง่าย”
เฟิงยี่และผู้กำกับหันหน้ามามองเธอโดยบังเอิญ
ซูฉินเห็นว่าตัวเองถูกสังเกตเห็นแล้ว จึงเกิดประกายแห่งความภาคภูมิใจแวบผ่าน ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แน่นอนค่ะว่า ถ้านักแสดงหลักเป็นนักแสดงอาวุโสที่มีประสบการณ์ก็คงจะรู้ว่าเวลานี้ต้องใช้ออร่าของตัวเอง ชักนำคู่นักแสดงเข้าสู่ฉากโดยจังหวะการแสดงของเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาจะไม่ถูกรบกวนโดยง่ายจากสิ่งที่ไม่อยู่ในบริบท”