มอบรัก บำเรอใจ - ตอนที่ 56 ขอให้มีความสุขในวันแต่งงาน
“พี่ เกิดอะไรขึ้น?” หนิงซูเสวี่ยวิ่งออกมาจากห้องอย่างเลื่อนลอย เห็นสีหน้าหนิงอวี้เฉิงแทบจะซีดเผือด จึงถามอย่างเป็นห่วง
หนิงอวี้เฉิงเก็บโทรศัพท์เงียบๆ แล้วเดินหายเข้าไปบนทางเดินส่วนลึก
——
ภายในงานแต่งเกิดความยุ่งเหยิง ลู่ซูอวิ๋นคุกเข่านั่งบนพื้นด้วยน้ำตาเต็มใบหน้า เสียงของสื่อที่ประตูขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย
เหล่าแขกผู้มีเกียรติตกอยู่ในความวุ่นวายใหญ่โต เสียงวิพากษ์วิจารณ์รบกวน แต่ละสายตาจ้องมองลู่ซูอวิ๋นอย่างแปลกใจ
ไฟดับลง ม่านบนเวทีดึงลงมา พิธีกรย่อตัวข้างๆ ลู่ซูอวิ๋น เขย่าไหล่เธอ “คุณลู่ ตอนนี้ควรทำยังไงดี? ด้านนอกวุ่นวายไปหมดแล้ว!”
ลู่ซูอวิ๋นล้มตัวลงด้วยสายตาว่างเปล่า ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! อวี้เฉิงล่ะ? อวี้เฉิงเขาอยู่ที่ไหน?!”
ม่านมุมหนึ่งถูกเปิดออก มีแสงแฟลชถ่ายใบหน้าซีดเซียวของลู่ซูอวิ๋นดัง “แชะๆ”
ปาปารัสซี่เมืองอันจะไม่ปล่อยข่าวใหญ่ไม่ธรรมดาขนาดนี้ไป
“ห้ามถ่าย! ห้ามถ่าย!”
ลู่ซูอวิ๋นตาแดงอย่างบ้าคลั่งจนร้อนรนใจ ไม่รู้เอาแรงที่ไหนนั่งขึ้นมา เปิดม่านแล้ววิ่งออกไป
ดวงตาเธอเป็นสีแดงเลือด เมื่อเห็นกล้องก็แย่งมา แล้วปาลงพื้นอย่างโกรธเคืองดุร้าย
ชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีขาวหิมะที่เป็นตัวแทนแห่งความสง่างามและความสุข ในขณะนี้ฉีกขาดจนไม่เป็นรูปร่าง
และหญิงสาวคนนี้ที่นึกว่าหลังจากวันนี้ไปจะมีความสุขไปตลอดชีวิต คืนนี้จบลงด้วยความเศร้าเช่นนี้
——
ณ โรงพยาบาลแห่งแรกในลอสแอนเจลิส
เงามืดเพรียวของชายหนุ่มยืนอยู่ตรงประตูห้อง ร่างสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรทับทางเดินแคบๆ
สองนิ้วเขาคีบบุหรี่ไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพ่นออกช้าๆ
“ประธานปั๋ว คุณสูบบุหรี่เยอะเกินไปแล้ว สุขภาพคุณ……” ผู้ช่วยฟางมองร่างสั่นคลอนยากที่จะมั่นคงของเขาด้วยความกังวลเล็กน้อย
ประธานปั๋วหลังจากมาถึงลอสแอนเจลิสตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายก็เริ่มทำงานอย่างเร่งด่วนไม่หยุด ได้นอนตอนตีสามกว่า และเจ็ดโมงเช้าก็ตื่นอีกเพื่อประชุมต่อ
ตอนนี้จะตีสองแล้ว ประธานปั๋วไม่เพียงแต่ไม่หลับ แต่ยังสูบบุหรี่เกือบหนึ่งซอง
ถ้าเป็นสุขภาพคนอื่นคงทนไม่ไหวแล้ว
ปั๋วจิ้นเซินเม้มปากเรียบๆ กลิ่นควันเต็มปากของเขา
เขาไม่ใช่คนที่ชอบสูบบุหรี่ แต่เมื่อเห็นซูหนานจือนอนหมดสติอยู่ในนั้น มีเพียงบุหรี่เท่านั้นที่สามารถควบคุมความหงุดหงิดกังวลในส่วนลึกของหน้าอกได้
แพทย์เข้าๆ ออกๆ ในมือมีถุงเลือดทุกครั้ง ปั๋วจิ้นเซินยิ่งไม่กล้ารบกวน
“สืบคนขับที่ก่อเหตุหรือยัง?” เขาทิ้งบุหรี่ลงไปในถังขยะเรียบๆ ผลุบตาลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม
ผู้ช่วยฟางก้มหน้าถอนหายใจเงียบๆ “เป็นคนที่หลูซู่ส่งมาครับ เพราะคุณซูออกมาจากห้องกู้เฉินเซิน ถูกคนของหลูซู่จับได้พอดี”
“อุบัติเหตุทางรถยนต์ คนขับรถสองคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ” ชายหนุ่มยิ้มเยาะแล้วจุดบุหรี่อีกมวน นิ้วสั่นเทิ้ม
“หลูซู่ยังเป็นคนที่มีวิธีการโหดร้ายเหมือนเดิม”
ผู้ช่วยฟางส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ใบหน้าเผยความเสียใจ “ตอนนี้ทำได้แค่หวังว่าคุณซูจะไม่เป็นอะไร”
เมื่อหนิงอวี้เฉิงรีบมา สีท้องฟ้าค่อยๆ เผยสีขาวพุงปลาทีละนิด แต่ซูหนานจือก็ยังไม่ออกจากห้องผ่าตัด
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ฝีเท้าเขาเดินมาอย่างเย็นชา ผู้ช่วยฟางรีบทำท่า “ชู่” ใส่เขา ชี้ไปที่ชายหนุ่มที่หลับอยู่บนม้านั่งยาว “ประธานหนิง ประธานปั๋วของเราเพิ่งหลับ”
หนิงอวี้เฉิงกวาดตามองเขาเบาๆ หน้าอกปกคลุมไปด้วยความอุดอู้
เส้นเสียงชายหนุ่มทุ้มต่ำน่าดึงดูด เหมือนน้ำแข็งบางๆ ที่ลอยอยู่ “ซูหนานจือกำลังจะตาย เขายังนอนอยู่อีก?”
ผู้ช่วยฟางขมวดคิ้ว “เรื่องนี้โทษประธานปั๋วเราไม่ได้นะครับ สุขภาพเขาไม่ดีอยู่แล้ว สูบบุหรี่ไปเกือบสองซอง เดินโซเซไม่ยอมหลับยอมนอน ผมเลยใส่ยานอนหลับสองเม็ดไปในน้ำชาเขา ถึงบังคับให้เขาหลับได้”
หนิงอวี้เฉิงไม่มีอารมณ์ฟังเรื่องพวกนี้ ขมวดคิ้วขมวดลดต่ำลง “ผ่าตัดเกือบเจ็ดชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีผลสรุปเหรอ?”
“หมอบอกว่าอัตราสำเร็จหกสิบเปอร์เซ็นต์ครับ” ผู้ช่วยฟางตอบเสียงทุ้ม “แต่ผ่านมาตั้งนานแล้ว น่าหงุดหงิดจริงๆ”
สิ้นสุดเสียงของเขา ทันใดนั้นประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
แพทย์เดินออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า สายตากวาดมองสองสามคนที่อยู่บนทางเดินอย่างเรียบๆ “ใครเป็นญาติครับ?”
หนิงอวี้เฉิงก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล
“คืองี้นะครับ ตอนนี้ผู้ป่วยยังไม่พ้นขีดอันตราย เส้นเลือดแดงของเธอได้รับความเสียหายเสียเลือดมากเกินไป ปริมาณเลือดที่เราได้รับมาจากธนาคารเลือดไม่พอ จำเป็นต้องถ่ายเลือด”
“ผมเลือดกรุปเดียวกับเธอ” หนิงอวี้เฉิงพยักหน้าเล็กน้อยลุกขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยน
คืนแรกที่เปิดซิงซูหนานจือ ซูหนานจือได้รับบาดเจ็บจากการกระทำหยาบคายของเขา ตอนนั้นเชิญแพทย์ส่วนตัวมาตรวจร่างกายเธอโดยเฉพาะ ถึงได้พบว่ากรุปเลือดพวกเขาเหมือนกัน
“ถ่ายเลือดต้องใช้ปริมาณมาก ทางที่ดีต้องหาอีกคนมาร่วมด้วย” หมอเอ่ยเตือนเสียงเรียบ สายตามองไปที่ร่างกายปั๋วจิ้นเซินที่หลับสนิท
ผู้ช่วยฟางส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “สภาพร่างกายประธานปั๋วไม่ได้ครับ ผมให้ประธานปั๋วรับความเสี่ยงไม่ได้”
หนิงอวี้เฉิงยิ้มให้แพทย์เรียบๆ “งั้นก็ผมคนเดียว”
หลังจากแพทย์นำเขาเข้าไปตรวจเลือด ก็พยักหน้า พูดกับพยาบาลที่รออยู่ “พาคุณผู้ชายท่านนี้ไปถ่ายเลือด”
สายน้ำเกลือเย็นเฉียบแทงเข้าไปในผิวหนังเขา เห็นในหลอดดูดของเหลวสีแดงเข้มเข้าไป
ทั้งๆ ที่มันดูดเลือดออกจากร่างกายเขา แต่บริเวณหน้าอกของหนิงอวี้เฉิงกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน
ได้ช่วยชีวิตเธอด้วยวิธีนี้ เขายินยอมเต็มใจ
——
หนิงอวี้เฉิงนอนจนถึงตอนเที่ยง
เขานั่งขึ้นมาทันที มันดึงโดนแผลบนแขนเขา
“ประธานหนิง คุณฟื้นแล้ว”
ด้านข้าง มีเสียงขี้ขลาดของผู้ช่วยจ้าวดังขึ้น
ก่อนหน้านี้เรื่องที่หลอกหนิงอวี้เฉิง ทำให้เขารู้สึกผิดนิดหน่อย
หนิงอวี้เฉิงไม่ได้สนใจมากนัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากฟื้นประโยคแรกก็ถามเกี่ยวกับซูหนานจือ “เธอล่ะ?”
“ประธานหนิงไม่ต้องเป็นห่วงครับ เมื่อห้าชั่วโมงก่อน หมอบอกว่าคุณซูพื้นขีดอันตรายแล้ว”
หนิงอวี้เฉิงหายใจเข้าลึกๆ หลังจากหัวใจเต้นขึ้นๆ ลงๆ เหมือนรถไฟเหาะ สุดท้ายก็สงบลง
เขาแกะผ้าห่มออกลงจากเตียงโดยไม่ฟังคำอธิบาย ฝีเท้าเดินไปหน้าประตูอย่างสั่นเทาเล็กน้อย
“ผมจะไปส่งคุณ”
ครั้งนี้ผู้ช่วยเจ้าไม่ได้โน้มน้าวเขาอีก และยังออกตัวเดินไปข้างหน้าพยุงแขนชายหนุ่ม
ด้วยกระจกหนากั้นห้องไอซียู สามารถเห็นซูหนานจือที่ยังอ่อนแรง ข้างกายมีเครื่องมือเย็นเฉียบทุกชนิด
เธอขมวดคิ้วแน่น ผิวขาวซีดราวกับกระดาษ ร่างกายดูเหมือนผอมลงมาก ผอมบางจนราวกับโดนลมก็ปลิว
เขามองเรียบๆ สายตาทุ้มต่ำลึกซึ้ง
ยืนเงียบอยู่อย่างนี้เป็นเวลานาน พยาบาลด้านหลังเห็นเขายืนกรานแบบนี้ ก็เอ่ยปากอย่างช่วยไม่ได้ “คุณหนิง คุณเพิ่งถ่ายเลือดไป ไปนอนพักผ่อนดีกว่านะคะ”
หนิงอวี้เฉิงหันศีรษะไปอย่างราบเรียบ “ผมจะเข้าไปหาเธอได้เมื่อไร?”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ค่ะ” พยาบาลส่ายหน้า
หนิงอวี้เฉิงพยักหน้า ในดวงตามีความผิดหวังนิดหน่อย
“แต่ถ้าคุณหนิงมีอะไรจะพูด ฉันเข้าไปบอกคนไข้ได้นะคะ”
เขาเงียบนานมาก อ้าปากอย่างราบเรียบ ราวกับมีสิ่งที่อยากพูด
เขาชะงักอยู่นานมาก ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ “ผมแค่อยากเจอเธอ”
“พยาบาลจาง คนไข้ห้อง001ดูเหมือนจะฟื้นแล้ว” แพทย์ที่ผ่านมาเคาะกระจกหน้าต่างห้องไอซียู เอ่ยเตือน
“เอ๋ ค่ะ” หลังจากพยาบาลพยักหน้าให้หนิงอวี้เฉิง ก็เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง
หนิงอวี้เฉิงยืนอยู่ที่หน้าต่าง สายตามองสถานการณ์ในห้องอย่างเฝ้าคอย
พยาบาลเดินไปข้างเตียง หลังจากบันทึกข้อมูลบนเครื่องมืออุปกรณ์แล้ว ก็โน้มตัวพูดเสียงทุ้มกับหญิงสาวที่ดวงตากึ่งเปิดกึ่งปิด
หนิงอวี้เฉิงขมวดคิ้วมองหญิงสาวที่แม้แต่จะลืมตาพูดยังยากลำบาก แอบกำหมัดในแขนเสื้อแน่น
พยาบาลก้มหน้าพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ทันใดนั้นเธอก็เริ่มหันศีรษะมาช้าๆ แววตาคลุมเครือว่างเปล่ามองมาทางหน้าต่าง
สบตาโดยไม่คาดคิด ทำให้หนิงอวี้เฉิงไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าอย่างไรในชั่วขณะหนึ่ง
พยาบาลโน้มตัวข้างหูเธอ ได้ยินริมฝีปากเธอขยับเปล่งเสียงออกมา ก็พยักหน้า จากนั้นก็หันตัวเปิดประตูห้อง มองหนิงอวี้เฉิงที่ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก “คนไข้บอกว่าอยากเจอคุณค่ะ”
เพิ่งสิ้นสุดเสียงของเธอ หนิงอวี้เฉิงก็เดินเข้าไปในห้องอย่างรอไม่ไหว
“มากที่สุดสิบนาทีนะคะ คุณหนิง” ก่อนประตูจะปิด พยาบาลเตือนเสียงทุ้ม
ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ร่างสูงของหนิงอวี้เฉิงเดินเข้าไปอย่างสงบ หายใจเข้าลึกๆ เข้าไปใกล้ร่างบอบบางนั้น ย่อตัวลงช้าๆ
มือเธอวางอยู่ข้างกายอย่างสงบ ข้อมือผอมจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าอ่อน
เธออ้าปากที่ไม่มีสีเลือดเลยสักนิด สายตาผลุบลงนิดหน่อย ลืมตาครึ่งหนึ่งมองเขา
หนิงอวี้เฉิงถอนหายใจ หน้าอกบีบรัดจนเจ็บ จับมือเธอแน่นอย่างอดไม่ได้
ดูออกว่าเธอไม่อยากโดนเขาสัมผัส แต่ไม่มีแรงขัดขืน
สายตาเธอมองชุดที่ชายหนุ่มสวมใส่
หนิงอวี้เฉิงผลุบตาลง เขาถึงเห็นชุดเจ้าบ่าวของตัวเอง ยังไม่ได้เปลี่ยน
เธอยิ้มจางๆ ให้เขา อ้าปากเล็กน้อยอยากพูดอะไรบางอย่าง
เขารีบโน้มตัวลง เข้าใกล้ริมฝีปากเธอ
เสียงอ่อนโยนเหมือนผ้าไหม อยู่ในหูเขาเบาๆ “ขอให้มีความสุขในวันแต่งงาน”
หนิงอวี้เฉิงตัวแข็งทื่อ หัวสมองขาวโพลน
หน้าอกเหมือนถูกอะไรปิดกั้นไว้ มันรู้สึกแย่มาก
“อย่าพูดแล้ว”
เขาปวดใจมากแค่ไหน คิ้วเขาก็ขมวดแน่นมากแค่นั้น
ซูหนานจือมุมปากโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ขยับนิ้ว เพื่อให้มือตนเองออกจากฝ่ามือเขา
“คนขับรถที่ก่อเหตุหาเจอหรือยัง?” เธอเอ่ยปากอีกครั้ง
“ยัง แต่รู้ทิศทางคร่าวๆ แล้ว” หนิงอวี้เฉิงน้ำเสียงมั่งคงสงบ ทำให้สบายใจ “คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพวกนี้ พักฟื้นอย่างสบายใจก็พอ”
เธอหอบหายใจอย่างระมัดระวัง ริมฝีปากซีดเซียวอ้าๆ หุบๆ การพูดคุยก็ใช้พลังมากแล้ว
“ฉันทำของหาย” แต่เธอยังคงยืนกราน น้ำเสียงเร่งด่วน “ฉันมีสร้อยคอเส้นหนึ่ง คุณจำได้ไหม?”
“สร้อยคอ?”
หนิงอวี้เฉิงนึกขึ้นได้ทันที บนคอเธอสวมสร้อยคอใบโคลเวอร์สี่แฉกอยู่ตลอดจริงๆ
ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน
เขาพยักหน้าอย่างเงียบสงบ “ผมจะช่วยคุณหากลับมา”
“จริงเหรอ?” ซูหนานจือหรี่ดวงตา ยกมุมปากเล็กน้อย พยายามทำสีหน้าดีใจ
“ผมเคยผิดสัญญากับคุณตอนไหน”
เขายิ้มจางๆ อย่างเอาอกเอาใจ ช่วยทัดผมไว้ข้างหูให้เธอเบาๆ
“ตั้งหลายรอบ”
เธอก็ยิ้มเช่นกัน “หลายรอบที่คุณบอกไม่ต้องการฉันแล้ว ยังหน้าด้านกลับมาหาฉันอีก”
ในดวงตาเขามีรอยยิ้มเอาอกเอาใจ ผลุบตาลงจูบหลังมือเธอเบาๆ “นั่นเพราะอะไร คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“ฉันง่วงแล้ว” เธอยิ้มอย่างเงียบสงบ หลับตาทีละนิด
เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย “ก่อนผมจะกลับมา คุณลองคิดดูว่าจะอธิบายเรื่องที่ขายการ์ดเชิญกับผมยังไงดีไหม หืม?”
เธอซ่อนตัวในผ้าห่มหัวเราะ “คิกๆ” สองที หลับตาแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ท่ามกลางสายตามืดมิด ทันใดนั้นหน้าผากก็มีอะไรอุ่นๆ สัมผัสลงมา
เธอยังไม่ทันลืมตา ชายคนนั้นก็แนบหูเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยน “รอผมกลับมา”