อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf
  • หน้าหลัก
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • นิยาย จบแล้ว
  • นิยายวาย
  • นิยาย จบแล้ว
  • นิยายวาย
Sign in Sign up
Prev
Next
8xbet บาคาร่าออนไลน์

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - ตอนที่ 190-1 จดหมายเจ็ดฉบับของสวี่ชีอัน

  1. Home
  2. ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
  3. ตอนที่ 190-1 จดหมายเจ็ดฉบับของสวี่ชีอัน
Prev
Next

บทที่ 190-1 จดหมายเจ็ดฉบับของสวี่ชีอัน
ยามค่ำคืนลมหนาวพัดโชย บัวแดงที่ดารดาษเต็มสระพลิ้วไหว ราวกับทะเลเพลิงที่ซัดสาด ช่างงดงามยิ่งนัก

สวี่ชีอันสูดหายใจลึกอย่างเงียบๆ ดมกลิ่นอันหอมหวน

“อวิ๋นโจวมากด้วยภูเขา ไม่ใช่ป่าดงดิบที่กว้างใหญ่เหมือนซินเจียงตอนใต้เช่นนั้น อบอวลไปด้วยอากาศที่เป็นพิษ ในภูเขาท่วมท้นไปด้วยสมุนไพร ผลิตผลอุดมสมบูรณ์” ฆราวาสจื่อหยางทอดมองบัวแดงที่ดารดาษเต็มสระแล้วเอ่ยต่อ

“อวิ๋นโจวก็มีนาดีอันอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน ปริมาณน้ำเต็มเปี่ยม แม้ข้าวที่ผลิตในทุกปีจะเทียบอวี้โจวและจางโจวภูมิภาคทั้งสองที่ถูกขนานว่าเป็นฉางข้าวแห่งต้าฟ่งไม่ติด ทว่าข้าวของอวิ๋นโจวในแต่ละปีเลี้ยงคนสองเมืองได้อย่างเหลือเฟือ”

…ดูเหมือนว่าอวิ๋นโจวน่าจะมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขา สวี่ชีอันพยักหน้าทันที

ในบรรดาลักษณะภูมิประเทศพื้นฐานของห้าแผ่นดินใหญ่ เนินเขาอุดมสมบูรณ์ที่สุด ผลผลิตล้นหลามที่สุด อู่ข้าวอู่น้ำที่เรียกกันในภพก่อนก็คือเนินเขาที่เจียงหนาน

อวี้โจวและจางโจวฉางข้าวแห่งต้าฟ่งทั้งสองอยู่ในที่ราบ ลักษณะภูมิประเทศของซินเจียงตอนใต้เป็นเทือกเขา ทั่วทุกแห่งล้วนเป็นภูเขาสูง นาดีมีอยู่ไม่มาก

ฆราวาสจื่อหยางเอ่ยเสียงขรึม “อวิ๋นโจวยังมีภูมิประเทศได้เปรียบอยู่ มันติดกับทะเลใต้ ไม่ต้องกังวลเรื่องถูกศัตรูขนาบทั้งหน้าหลัง หากล่าถอยไม่ได้จริงๆ ก็ยังออกเรือได้ ความขัดแย้งที่ชายแดนระหว่างสำนักพ่อมดกับต้าฟ่งนับวันเริ่มรุนแรงขึ้น หากพวกเขาอยากสร้างสงครามกลางเมือง ทำให้ต้าฟ่งเอาตัวไม่รอด การเลือกอวิ๋นโจวก็เป็นการกระทำที่ฉลาด”

ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าการเดินทางมาอวิ๋นโจวเที่ยวนี้เป็นการเดินทางมาตายยกกลุ่ม เฮ้ยๆๆ คำพูดเด็กอย่าไปถือสาๆ…

“ไม่ต้องเป็นห่วง” ราวกับมองเห็นความกังวลของสวี่ชีอัน ฆราวาสจื่อหยางจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม้ต้าฟ่งจะมีปัญหาร้ายแรง ทว่าส่วนใหญ่ยังคงเงียบสงบ ยังหลงเหลือความน่าเกรงขามของราชสำนักอยู่ ถึงแม้สำนักพ่อมดจะวางแผนแฝงตัวที่อวิ๋นโจว ก็ทำได้เพียงแต่หลบอยู่ในมุมมืด ไม่ออกมาที่แจ้ง ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำจึงฝึกอินทรีไว้สองสามตัว ประเดี๋ยวจะแบ่งให้เจ้าตัวหนึ่ง หากอวิ๋นโจวเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ใช้อินทรีส่งสาร ย่อมเร็วกว่าเดินม้าส่งสาร”

ทว่าเร็วเพียงใด การจะไปหรือกลับก็ต้องใช้เวลาเป็นวัน…โลกที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือไม่มีความปลอดภัยจริงๆ หากในมือมีเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีสักชิ้นก็คงดี…สี่ชีอันเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณอาจารย์สำหรับความกรุณา”

เขาชะงักพร้อมเอ่ยถาม “ไปอวิ๋นโจวแล้ว ข้าควรทำอย่างไรบ้าง”

“ตรวจสอบคดีและปกป้องจางสิงอิงให้ดี ส่วนการสมาคมในวงขุนนาง เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจ” ฆราวาสจื่อหยางหัวเราะหึๆ พร้อมเอ่ย

“ในเมื่อเว่ยเยวียนแต่งตั้งจางสิงอิงเป็นผู้ตรวจการ คนผู้นี้ย่อมไม่ใช่พวกมือสมัครเล่น”

สวี่ชีอันพยักหน้า

เมื่อกล่าวจบฆราวาสจื่อหยางบ่นพึมพำชั่วครู่ “ข้ากับจิ่นเหยียนส่งจดหมายไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง ในจดหมายมักเอ่ยถึงเจ้าเสมอ เจ้าก็ถือเป็นนักเรียนของสำนักอวิ๋นลู่ครึ่งหนึ่ง…ข้าได้ข่าวว่าปราณใสทะลวงสู่ฟ้าที่สำนักเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหรือ”

จิ่นเหยียนเป็นใคร อ้อๆ เป็นอาจารย์ของเอ้อร์หลาง ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จางเซิ่น…เพราะไม่คุ้นชินกับการเรียกชื่อ สวี่ชีอันจึงใช้เวลาหลายวินาทีจึงจะตอบสนองว่า ‘จิ่นเหยียน’ คือใคร

ฆราวาสจื่อหยางพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร…สำนักอวิ๋นลู่ไม่ได้บอกความจริงกับเขาหรือ หรือเขารู้ว่าข้าเป็นคนทำ จึงกล่าวเช่นนี้เพื่อบอกเป็นนัยแก่ข้า ทว่าไม่มีความจำเป็นที่จะบอกเป็นนัยนี่นา…เพราะการส่งจดหมายไปมาหาสู่ไม่อาจเก็บความลับได้ ดังนั้นเหล่าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักอวิ๋นลู่เพียงกล่าวถึงในจดหมาย แต่กลับไม่ได้บอกความจริงหรือ

เขาเอ่ยอย่างพิจารณา “เรื่องนี้เหมือนจะถูกสำนักจัดเป็นความลับสุดยอด ตำหนักศึกษารองปราชญ์เอกยังคงถูกสั่งปิดจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไป”

เมื่อกล่าวถึงสถานที่นี้ สวี่ชีอันก็นึกถึงรองปราชญ์เอกที่กลับดำเป็นขาวผู้นี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เป็นบุรุษผู้เกริกก้องจริงๆ เพราะเขามักยืนอยู่ด้านหลังภรรยาตลอด

ฆราวาสจื่อหยางพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ถามสิ่งใดต่อ

สวี่ชีอันกลับมีบางสิ่งอยากขอคำแนะนำจากปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาคิดสักพักและคิดจะถามคำถามข้อแรกก่อน

“ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้เพราะคดีซังผอ ข้าจึงท้าทายอ่านหนังสือดึกดื่นพลิกอ่านตำราประวัติศาสตร์ พบว่าก่อนที่สมุหราชเลขาธิการของพวกเราจะทำลายศาสนาพุทธก็เคยกู่ร้องคำขวัญ ‘หากไม่ล้างบางพุทธ ใต้หล้าจะเป็นพุทธ’ ออกมา หลังจากนั้นสมุหราชเลขาธิการผู้นั้นก็เลื่อนขั้นเป็นระดับก่อชะตา ศิษย์คิดว่าแม้ศาสนาพุทธจะมีข้อเสียมากมาย ถึงอย่างไรมันก็สืบทอดจากสำนักเก่าแก่ ‘หากไม่ล้างบางพุทธ ใต้หล้าจะเป็นพุทธ’…เป็นความคิดที่สุดโต่งเกินไปหรือไม่”

สวี่ชีอันไม่รู้ว่าศาสนาพุทธของโลกนี้ต่างจากศาสนาพุทธของภพก่อนอย่างไร โลกนี้ไม่มีพระอมิตาภพุทธะมีเพียงพระพุทธเจ้า

แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ศาสนาพุทธก็ไม่ถึงกับเป็นลัทธินอกรีต

“เรื่องนี้เป็นความลับ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” ฆราวาสจื่อหยางเอ่ย

เจ้าไม่รู้ เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นความลับ สวี่ชีอันปากพล่อยผู้นี้ข่มความอดทนเอาไว้

ฆราวาสจื่อหยางส่งเสียง ‘หึ’ “เจ้าสำนักรู้ดี”

คำถามข้อที่สองของสวี่ชีอัน เหตุใดในบ่อน้ำลึกของซินเจียงตอนใต้จึงมีรูปปั้นของปราชญ์ลัทธิขงจื๊อ ทว่าเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะถาม

สวี่ชีอันที่อยู่ในเมืองหลวงไม่ควรรู้ว่ามีรูปปั้นของปราชญ์ลัทธิขงจื๊ออยู่ที่ก้นบ่อน้ำลึก แม้จะอ้างว่า ‘ข้ามีเพื่อนคนหนึ่ง’ เช่นนี้ก็คงไม่ไหว

เรื่องนี้แม้แต่ที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็ไม่น่าจะรู้

…

เมื่อกลับถึงจุดพักเปลี่ยนม้า สวี่ชีอันก็อาบน้ำเย็น จากนั้นก็กลับเข้าห้องนั่งขัดสมาธิฝึกลมหายใจ มองภาพตระหนักรู้

ชิงโจวอยู่ติดกับอวิ๋นโจว ออกเดินทางจากที่นี่ หากควบม้าเร็วเร่งแส้ก็จะถึงอวิ๋นโจวภายใน 3-5 วัน แม้จะพิจารณาถึงร่างกายอันอ่อนแอของผู้ตรวจการจาง ประมาณหนึ่งสัปดาห์ก็จะไปถึงเขตแดนชิงโจวได้

“สามารถใช้ช่วงเวลานี้ทะลวงระดับหลอมวิญญาณได้พอดี ก็แค่อดนอนสักสิบวัน ตอนนั้นช่วงที่ข้ายังเป็นคนธรรมดาเคยอดหลับอดนอนเล่นเกมในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่สำเร็จถึง 72 ชั่วโมง…”

วันต่อมา หยางกงสมุหเทศาภิบาลก็เรียกช่างสลักหินมาแกะสลักกลอนสี่วรรคเตือนใจขุนนางทั้งหลายลงบนแผ่นจารึกเตือนใจ ณ ลานหน้าที่ทำการปกครองแต่ละแห่งในชิงโจว

ตั้งแต่ข้าหลวงชิงโจวลงไปถึงเจ้าพนักงานธรรมดา ทุกวันที่เข้าออกที่ทำการปกครองก็จะได้เห็นกลอนสี่วรรคนี้

“ด้านบนนี้เขียนไว้ว่าอย่างไร”

“เงินเดือนเหล่าท่าน หยาดเหงื่อปวงประชา ทารุณไพร่ฟ้าแสนง่าย ตบตาสวรรค์แสนยาก”

“กลอนดีเสียจริง ข้าไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน พูดได้คำเดียวว่า ‘แม่เจ้าโว้ย เขียนได้ดีจริงๆ’ ท่านสมุหเทศาภิบาลของพวกเราเป็นคนแต่งงั้นหรือ ใต้เท้าช่างเป็นข้าราชการผู้ซื่อสัตย์จริงๆ ”

“ไม่ใช่ท่านสมุหเทศาภิบาล เป็นชายนามว่าสวี่ชีอัน อืม ด้านบนยังมีตัวอักษรขนาดเล็กเขียนว่า ‘อาจารย์หยางกง’ อ๋อ เป็นนักเรียนของท่านสมุหเทศาภิบาลของพวกเรานี่เอง”

กลอนบทนี้สวี่ชีอันแต่งขึ้น เช่นนั้นก็เป็นผลงานของเขา ทว่าหยางกงฆราวาสจื่อหยางเข้ามาแทรกแซง ให้คนสลักตัวอักษรขนาดเล็กว่า ‘อาจารย์หยางกง’ ไว้ด้านซ้ายมือของชื่อขนาดใหญ่ของสวี่ชีอัน

สามปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักอวิ๋นลู่หากอยู่ตรงนี้คงจะกระอักเลือดพลางตะคอกว่า ‘โจรเฒ่าไร้ยางอาย นี่จะแอบอ้างหรือ’

ขุนนางที่เป็นข้าราชการซื่อสัตย์จำนวนมากต่างปรบมือชื่นชมกลอนบทนี้ จดจำสวี่ชีอันบุคคลนี้อย่างเงียบๆ

ชื่อเสียงของสวี่ชีอันแพร่สะพัดไปในวงขุนนางของชิงโจวอย่างรวดเร็ว ต่อมาบัณฑิตและขุนนางมากมายพลันพบว่า ที่แท้บุคคลที่กล่าวถึงกลอนบนอักษรจารึกผู้นี้คืออัจฉริยบุรุษผู้เขียนแสงแห่งบทกวีของวงการวรรณกรรมต้าฟ่งอันเลื่องชื่อเมื่อ 200 ปีก่อนผู้นั้น

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตะลึงอ้าปากค้างคือเขาไม่ใช่ปัญญาชน เป็นเพียงหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล

ทว่าไม่ว่าจะเป็นขุนนางของชิงโจวหรือบัณฑิตก็เลื่อมใสสวี่ชีอันอย่างสุดใจ เลื่อมใสพรสวรรค์ด้านการประพันธ์ของเขา ยิ่งเลื่อมใสปณิธานที่เขาแสดงออกมาผ่านบทกลอน

ยามที่หญิงสาวในสำนักสังคีตทราบข่าว ความตื่นเต้นดีอกดีใจอัดอยู่เต็มอกของพวกนาง แต่ละคนแทบอยากจะจุดธูปกราบไหว้ อธิษฐานให้ท่านอัจฉริยะสวี่เสพสังวาสกับพวกนางแล้วทิ้งคำลอนสักบทสองบทให้

แทนที่พวกนางจะขายกลับจะยกเงินให้ด้วย พวกนางล้วนยินยอมทั้งนั้น

…

นอกเมืองชิงโจว

ฆราวาสจื่อหยางพร้อมด้วยขุนนางระดับสูงของชิงโจวมาส่งขบวนผู้ตรวจการออกจากเมืองด้วยตนเอง

“การจากลาในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเดือนใดปีใดจะได้พบกันอีก ท่านอาจารย์รักษาสุขภาพด้วย” สวี่ชีอันแสดงคารวะในนามของศิษย์

ฆราวาสจื่อหยางพยักหน้า คร่ำครวญเล็กน้อย เพิ่งจะได้รู้จักลูกศิษย์ อ้อมกอดยังไม่ทันหายอุ่นก็ต้องไปเสียแล้ว

“ไปอวิ๋นโจวครั้งนี้ จัดการคดีให้เรียบร้อย จงจดจำไว้เสมอว่า รับใช้ราชสำนักเพื่อประชาชนในใต้หล้า” หยางกงเอ่ยเสียงขรึม

เพื่อประชาชนในใต้หล้า…สวี่ชีอันกล่าวซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในก้นบึ้ง​ของ​หัวใจอย่างเงียบๆ

…

หลายวันผ่านไป เขตแดนชิงโจว จุดพักเปลี่ยนม้า

เวลาตีสอง หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกลมหายใจและการตระหนักรู้ สวี่ชีอันที่ไม่ได้นอนมาเจ็ดวันถือเทียนไขเดินออกจากห้อง

ดึกมากแล้ว ภายในจุดพักเปลี่ยนม้าเงียบสงัด เขาเดินไปตามระเบียงจนสุดทาง แล้วลงจากตึกไปตามบันได

ตะเกียงน้ำมันลุกโชนอย่างเงียบๆ ที่ข้างโต๊ะยาวในห้องโถง ทหารส่งสารฟุบหน้านอนหลับสนิทอยู่บนโต๊ะ โดยมีของเหลวสีใสไหลออกจากมุมปาก

จุดพักเปลี่ยนม้าที่ดำเนินการโดยรัฐเปิดทำการ 24 ชั่วโมง มีขุนนางบางคนรีบเดินทางในคืนนั้นเพราะงานราชการเร่งด่วน บอกไม่ได้ว่าจะค้างแรมที่จุดพักเปลี่ยนม้าเมื่อใด

ก๊อกๆ…

สวี่ชีอันเคาะลงบนโต๊ะยาวสองครั้งเบาๆ ส่งเสียงที่น่าอึดอัดออกไป

ทหารส่งสารตกใจตื่น แล้วเช็ดมุมปากพลางยืนขึ้น “ใต้เท้ามีอะไรให้รับใช้หรือ”

………………………………..

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 190-1 จดหมายเจ็ดฉบับของสวี่ชีอัน"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

นิยายที่คุณอาจสนใจ

เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย
ตุลาคม 25, 2022
My Civil Servant Life Reborn orld เกิดใหม่มาเป็นราชการในต่างโลก
My Civil Servant Life Reborn in the Strange World เกิดใหม่มาเป็นราชการในต่างโลก
ตุลาคม 25, 2022
มอมใจอสุรา
มอมใจอสุรา
ธันวาคม 10, 2021
ปกติเส้นทางแห่งโชคชะตา-1-696×985-1-193×278
เส้นทางแห่งโชคชะตา
มีนาคม 22, 2022

    © 2020 อ่านทั้งวัน.Com
    พบกับ “อ่านทั้งวัน.com” เว็บอ่านนิยายออนไลน์น้ำดี ที่คอยคัดสรรเนื้อหา เรื่องราวดีๆโดนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นิยายไทย, นิยายจีน, นิยายรักโรแมนติก, แฟนตาซี, แอคชั่น, ผจญภัย ต่อสู้แบบครบรส อัพเดทแบบสดใหม่อยู่เสมอ พร้อมรองรับการอ่านเนื้อหานิยายทุกอุปกรณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บแล็ต สะดวกอ่านได้ทุกที่ ทุกเวลา อยากอ่านแบบนอนสต๊อปต้อง เว็บ ”อ่านทั้งวัน.com” ที่นี่ที่เดียว
    นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์

    บาคาร่าเว็บตรง

    Sign in

    Lost your password?

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf

    Sign Up

    Register For This Site.

    Log in | Lost your password?

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf

    Lost your password?

    Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf