ตอนที่ 165 รวบรวมข้อมูล
นกน้อยตัวหนึ่งเกาะอยู่ตรงกิ่งของต้นไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับหน้าต่างของปราสาทอันสวยงาม
ภายในห้องมีขุนนาง อัศวินและพ่อบ้านรวม 3 คน พออัศวินเห็นนกน้อยก็เปิดหน้าต่างทำให้นกบินเข้าไปข้างใน
‘ไวเคานต์แกรนเวลต้องขอเสียมารยาทด้วยครับ’
นกน้อยทักทายขุนนางที่อยู่ข้างใน
นกน้อยตัวนี้คือสัตว์อัญเชิญนก G ของอเลน ถึงจะใช้นก F ได้เหมือนกัน แต่ไม่อยากให้มันสะดุดตาเลยใช้สัตว์อัญเชิญที่ตัวเล็กที่สุด
“อืม โทษทีนะ ใช้เวลานานไปหน่อยกว่าจะได้เข้าเฝ้า”
‘เอ๊ะ? ไม่เป็นไรครับ แล้วพอจะทราบอะไรบ้างหรือเปล่าครับ?’
วันที่อเลนรู้ว่าต้องไปเข้าร่วมสงครามจากผู้อำนวยการ ก็ได้บอกเรื่องราวนี้ให้กับไวเคานต์แกรนเวลผ่านสัตว์อัญเชิญที่รออยู่ตรงคฤหาสน์แล้ว
ไวเคานต์แกรนเวล ไม่รู้เลยว่าพวกอเลนได้รับหนังสือคำสั่งให้ไปที่สนามรบ
เลยมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวง พร้อมกับขอคำอธิบายจากราชวงศ์
แต่วันนั้นพระราชาไม่ยอมให้เข้าเฝ้า
และบอกให้รอไปก่อนเนื่องจากพระราชายุ่งมาก
(ที่วันนี้ได้เข้าเฝ้า เพราะรู้ว่าพวกฉันขึ้นเรือเหาะเวทมนตร์ไปแล้วสินะ)
“อืม ก่อนอื่นเรื่องสถานการณ์รบ ดูเหมือนเรื่องกองทัพจอมมารที่บุกไปโรเซนเฮมจะพูดกันมาตั้งแต่ราวๆเดือนที่แล้ว”
อเลนให้ไวเคานต์ไปตรวจสอบหลายๆเรื่องเกี่ยวกับสงครามในครั้งนี้
ดูเหมือนระหว่างที่รอเข้าเฝ้าก็ไปตรวจสอบกับเหล่าขุนนางที่รับหน้าที่สำคัญในกองทัพ ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือกับไวเคานต์แกรนเวลเป็นอย่างดี
ก่อนอื่นก็เรื่องสาเหตุและสิ่งที่ทำให้สงครามอยู่ในรูปแบบนี้
เขาบอกว่า 1 เดือนก่อนกองกำลัง 3 ล้านเข้าถล่มป้อมปราการทางตอนเหนือของโรเซนเฮม
ต้องบอกว่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธ์พิเศษที่เด่นทางด้านการฟื้นฟูและสนับสนุนอยู่ เอลฟ์จะให้กำเนิดบุตรที่มีพลังเวทสูงได้ง่าย แล้วมีผู้ใช้ธนูอยู่ค่อนข้างเยอะ ถ้าคิดถึงในด้านการรบแล้วละก็ถือเป็นเผ่าพันธ์ที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้บนป้อมปราการ
แต่กองทัพจอมมารบุกมาด้วยจำนวนที่เหนือกว่าการป้องกัน ต่อให้เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ปกป้องทางตอนเหนือของโรเซนเฮมมาหลาย 10 ปี แต่ก็ถูกตีแตกภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ครั้งนี้กองทัพจอมมารเปลี่ยนแผนครั้งใหญ่โดนเปลี่ยนมารุกรานโรเซนเฮม
จนถึงตอนนี้กองทัพจอมมาร จะโจมตีทั้ง 3 ประเทศได้แก่ทวีปกลาง, จักรวรรดิบาวกีส และโรเซนเฮมพร้อมๆกัน โดยที่ถูกรุกรานหนักสุดจะเป็นทวีปกลาง
ถ้าจะให้บอกเหตุผลนั่นก็เพราะว่าทวีปกลางอ่อนแอที่สุด กองทัพจอมมารบุกรุกทวีปกลางได้ง่าย เลยทุ่มพลังบุกรุกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะอย่างนั้นทวีปกลางเลยมีดินแดนของกองทัพจอมมารอยู่มากแตกต่างจากทวีปอื่น
ยิ่งไปกว่านั้น จักรวรรดิบาวกีสมีทหารโกเลม ส่วนโรเซนเฮมมีพรคุ้มครองจากราชาแห่งภูต
แต่พอผู้กล้าปรากฎตัว ทำให้สมดุลของความแข็งแกร่งเปลี่ยนไป
ทำให้ตอนนี้โรเซนเฮมกลายเป็นประเทศที่อ่อนแอที่สุด ถึงจะมีพรคุ้มครองจากราชาแห่งภูต แต่ต้องบอกว่าโรเซนเฮมมีจำนวนทหารน้อยเมื่อเทียบกับอีก 2 ทวีป
เอลฟ์มีอายุขัยที่ยืนยาว แต่ก็ทำให้มีบุตรได้ยาก
และเอลฟ์ไม่ชอบให้เผ่าพันธ์อื่นมาที่โรเซนเฮม และจากการติดต่อระหว่างประเทศที่เข้มงวด ทำให้ตอนที่ออกคำขอร้องเร่งด่วนไปยังพันธมิตร 5 ทวีปก็โดนบุกรุกจวนจะถึงเมืองหลวง ตอนที่ราชอาณาจักรตอบรับกลับมาเมืองหลวงก็โดนยึดไปเสียแล้ว
ราชอาณาจักรไม่สามารถติดต่อเมืองหลวงได้ เลยติดต่อไปยังเมืองเนสท์จุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตอนใต้ของโรเซนเฮมว่า “ตอบรับคำของโดนออกราชโองการให้อเลนไปประจำพลที่นั่น”
“ดูเหมือนสถานการณ์ของโรเซนเฮมในตอนนี้ค่อนข้างลำบากอยู่ เลยใช้แผนถ่วงเวลาเพื่อเตรียมจุดยุทธศาสตร์ทางตอนใต้ด้วยสิ”
ไหนจะบอกว่า กว่ากองทัพจอมมารจะยึดเมืองหลวงของโรเซนเฮมได้ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน จากการถ่วงเวลานั้นทำให้อพยพเหล่าเอลฟ์ และเตรียมกำลังคนตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตอนใต้ได้อย่างเพียงพอแล้ว
ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากองทัพจอมมารจะบุกมาตรงไหน แต่คิดว่าเหล่าเอลฟ์คงต่อสู้สุดกำลังอยู่ตรงป้อมปราการทางตอนใต้
‘ขอบคุณมากเลยครับที่ช่วยตรวจสอบอะไรหลายๆอย่างให้’
“ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของพระราชา”
แล้วก็พูดเรื่องเพิ่งเข้าเฝ้าเสร็จเมื่อครู่
ตอนนี้เป็นวิกฤตสิ้นชาติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศของพวกเราก็ต้องให้ความร่วมมือกับพันธมิตร 5 ทวีป
ถึงจะรู้สึกเสียดายต่อกำลังรบที่สำคัญของประเทศเรา แต่ก็ขอตอบรับคำขอโดยให้อเลนไปช่วยเหลือโรเซนเฮม
รวมไปถึงให้พวกพ้องของอเลนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาตามไปด้วย คิดว่าน่าจะทำให้อเลนแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้อย่างเต็มที่
ตอนเข้าเฝ้าพระราชายืนกรานอย่างนั้นออกมา และไม่ยอมฟังอะไรใครเลย
(อืม ถ้าจะให้พูดก็คือส่งฉันกับพวกพ้องไปเป็นเหยื่อให้กับกองกำลังจำนวน 3 ล้านสินะ)
‘เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องขอโทษด้วยนะครับ ดูเหมือนจะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับพระราชาเยอะเกินไปหน่อย’
พูดถึงตอนพูดโต้ตอบกับมกุฎราชกุมารในงานพิธีหลังงานประลองโรงเรียน
ผลสรุปนั้น ทำให้เซซิลลูกสาวของไวเคานต์แกรนเวลต้องเข้ามาพัวพันไปด้วย
“……ไม่เป็นไรหรอก ดังนั้นช่วยพาเซซิลกลับมาให้ได้อยากปลอดภัยที”
ถึงไวเคานต์จะนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ขอร้องกับอเลนออกมา
‘ขอสัญญาเลยครับ’
ถึงจะไม่มีอะไรรับประกัน แต่ก็สัญญากับไวเคานต์
“แล้ว มันหมายความว่าไงเหรอ?”
โดโกร่าคุยกับอเลนที่อยู่ภายในเรือเหาะเวทมนตร์
รวมทุกคนไว้ที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่งเสมือนอยู่ที่ฐาน และแชร์เรื่องที่ได้ยินจากไวเคานต์ให้กับทุกคนฟัง
“……”
โซฟี่ค่อนข้างหดหูพอได้ฟังเรื่องราวแล้วรู้ว่าเมืองหลวงล่มสลายไปแล้ว
“แต่พวกเอลฟ์ยังไม่ยอมแพ้ต่อสู้ต่อไป ถ้ายังไม่ยอมแพ้พวกฉันเองก็ไม่ยอมแพ้หรอก”
“……ท่านอเลน”
ดูเหมือนคำพูดที่มีหวังของอเลนจะส่งไปถึงโซฟี่ ทำให้แววตาของเธอกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง
“แต่ครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดของฉัน พระราชาเลยทำโจ่งแจ้งซะขนาดนี้”
(นั่นสินะ พอจะคาดการณ์ได้อยู่แล้วด้วยสิ เดิมทีตอนงานเลี้ยงอาหารค่ำได้บอกเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะส่งคีลกับคุเรนะไปยังสถานที่ที่อันตรายที่สุด)
“หือ อะไรกัน? ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก สิ่งนี้เองก็เพื่อพวกพ้องใช่ไหมล่ะ”
โดโกร่าทำหน้าแบบว่าพูดอะไรออกมา ทุกคนเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของโดโกร่า
“นั่นสินะ อเลนทำในสิ่งที่อยากทำก็พอ”
“ใช่แล้ว อย่างนี้จะทำให้ฉันเป็นขุนนางได้เร็วขึ้นด้วย”
คุเรนะเองก็เห็นด้วย ส่วนคีลบอกว่าไม่มีปัญหาเพราะการกระทำของอเลนจะย่นระยะเวลาที่ทำให้เขาได้เป็นขุนนาง
“เข้าใจหรือยังอเลน? ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วไง”
เซซิลบอกว่าทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจที่จะไปต่อสู้แล้ว
ใช่แล้ว มิไฮพี่ชายของเซซิลเองก็เสียชีวิตในการต่อสู้กับกองทัพจอมมาร คงจะเตรียมตัวเตรียมใจมาตลอดอยู่แล้ว
คิดว่าแค่ต้องเข้าร่วมต่อสู้เร็วขึ้นจากเดินคือฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
(ยังไงก็ต้องก้าวข้ามการทดสอบให้ได้ ถ้าเป็นไปได้อยากจะเข้าสู้ตอนที่ได้อาวุธระดับโอริฮารูกอน ไม่สิตอนนี้คงต้องทำเท่าที่ทำได้ก่อน ในสนามรบเองคงมีระดับ S ออกมาด้วย)
ทุกคนไม่มีปัญหาในการเข้าร่วมสงคราม อเลนเองก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องที่เสียใจอย่างหนึ่งก็คือ ถึงจะรวบรวมข้อมูลที่เมืองแห่งการศึกษา แต่ก็ยังหาข้อมูลไม่ได้เลยว่าจะปลดแคปเลเวลหลังจากเลเวลตันได้อย่างไร
ถ้าผู้กล้าเฮลมิออสกับยอดนักดาบโดเบิร์กยังอยู่นอร์มอลโหมดอย่างนี้ต่อไป คงแทบจะไม่มีความหวังเลย
ต่อให้หาเครื่องสวมใส่จากดันเจี้ยนระดับ S ที่จักรวรรดิบาวกีสได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น
“อเลนจะว่าไป หลังจากนี้จะทำยังไงต่อเหรอ?”
เซซิลต้องการยืนยันสถานการณ์ หลังจากนั่งเรือเหาะเวทมนตร์มาแล้ว 3 วันเต็มๆ
ถึงจะพูดคร่าวๆ ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ถามเป้าหมายของอเลน
“ก็ทำเรื่องปกติ มุ่งหน้าไปเมืองเนสท์ที่อยู่ทางตอนใต้ แล้วหลังจากนั้นก็มุ่งขึ้นเหนือเพื่อกวาดล้างกองทัพจอมมาร”
ตอนนี้ เรือเหาะความเร็วสูงนี้กำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองเนสท์ที่อยู่ทางตอนใต้ของโรเซนเฮม
ต้องบอกว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางตอนใต้ของโรเซนเฮม ราชอาณาจักรเองก็ติดต่อไปที่เมืองเนสท์
“““……”””
เหล่าพวกพ้องคงคิดว่า ที่เมื่อครู่บอกว่า “สร้างความรบกวน” ให้เนี่ยมันอะไรกัน,,,อเลนเองอยากจะกวาดล้างกองทัพจอมมารใจจขาดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
“ทะ ท่านอเลน จะจัดการกองทัพจอมมาร 3 ล้านหรือคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกโซฟี่ ถ้าเป็นไปได้อยากจะจัดการกองกำลังสำรองอีก 4 ล้าน รวมเป็น 7 ล้านเลยต่างหาก”
ดูเหมือนกองกำลังสำรอง 4 ล้าน กำลังรออยู่บนทะเลทางตอนเหนือของทวีปกลาง
ถ้าสถานการณ์รบเปลี่ยน คิดว่าน่าจะมีการเคลื่อนไหว
“““…….”””
ที่บอกว่าพูดไม่ออกอาจจะเป็นอย่างนี้ก็ได้
“เอาเถอะ ครั้งนี้เป็นการตอบรับคำร้องขอ เลยยังไม่รู้ว่าจะได้ร่วมต่อสู้ในรูปแบบไหน”
ยังไม่ได้ฟังเลยว่าจะให้ไปทำอะไร แค่บอกให้ไปช่วยเท่านั้น
ไม่รู้ว่าจะได้เข้าร่วมกับหน่วยไหน อาจจะเป็นหน่วยจู่โมก็ได้ หรืออาจจะเป็นหน่วยอื่นก็ยังไม่รู้
“ถ้าเรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
“เอ๊ะ?”
“ในนามของเจ้าหญิง จะให้ต่อสู้ได้อย่างอิสระค่ะ ใช่ไหมฟอร์มาร์”
“คะ ครับ ท่านโซฟีโรเน่”
ดูเหมือนโซฟี่จะเข้าใจดีว่าวิธีการต่อสู้ของอเลน ต่อให้เข้าร่วมกับหน่วยไหนก็แทบจะไร้ความหมาย เลยใช้ตำแหน่งเจ้าหญิงให้อเลนต่อสู้ได้อย่างอิสระ
พวกอเลนจะไปถึงเมืองเนสท์ในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางความวิตกกังวลอันมากมาย
fluky
สุดยอดครับ อยากอ่านต่อเร็วๆครับ ขอบคุณมากครับที่เอานิยายดีๆมาให้อ่าน