ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก - ตอนที่ 292 ใครเป็นคนทำ
“ยัยชั้นต่ำ กล้ายั่วผู้ชายของคนอื่น หน้าไม่อาย”
“ฆาตกร เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา รวยแล้วมันยอดเยี่ยมนักเหรอ? ฉันละอายแทนแม่แกจริงๆ เลี้ยงลูกมาให้เป็นขยะแบบนี้!”
“แม่มด ก็แค่อาศัยผู้ชายเพื่อไต่เต้าขึ้นมาไม่ใช่เหรอ? ดีไซเนอร์เหรอ? ก็แค่โสเภณีชั้นสูงเท่านั้นแหละ……”
“ทำไมแกไม่ไปตายซะ!คนอย่างแกต่างหากที่ควรจะออกจากบ้านแล้วโดนรถชน!”
……
สายที่รบกวนยังคงโทรเข้ามาไม่หยุด ชางหลิงรีบกดปิดโทรศัพท์ไปในทันที
ใบหน้าที่ซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เดิมทีเธอก็นึกว่า เธอสามารถยอมรับความเกลียดชังจากทุกคนได้ แต่ว่าข้อความพวกนี้ทำให้เธอช๊อกมากเกินไป
เพียงคืนเดียวเท่านั้น เธอก็กลายเป็นศัตรูของประชาชน ทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักก็ต่างโจมตีเธอ พวกเขาไม่รู้ความจริง แต่ว่าเธอก็ถูกตราหน้าด้วยข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือน
“ผมจะไปสืบดูว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว” ป๋ายจื๋อหันหลังแล้วเดินออกไป
“ไม่จำเป็นหรอก” ชางหลิงก่ายหน้าผาก
“นักข่าวพวกนั้น ก็แค่ทำเพราะว่าได้รับเงินมาเท่านั้นเอง สืบมาแล้วยังไงต่อ พวกเขาก็ยังคงสามารถริเริ่มการโจมตีจากประชาชนได้ แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของฉันยังถูกเปิดเผยเลย แสดงว่าได้ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดีแล้ว ยังไงจิ้งจอกก็ต้องโผล่ออกมาอยู่ดี”
เธอน่าจะเดาได้แล้วแหละว่าเป็นใคร ตอนนี้ คนที่เกลียดเธอเข้ากระดูกดำ น่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังหลิวเย่นฟางสินะ
“พักนี้……” ป๋ายจื๋อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา มีหินก้อนหนึ่งถูกโยนขึ้นมาจากสวน ปาเข้ามาที่หน้าต่างห้องของพวกเขา
“ระวัง!” ป๋ายจื๋พุ่งเข้าไปโดยที่ไม่คิดด้วยซ้ำ โชคดีที่วัสดุของกระจกนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแรง พอทนแรงกระแทกแรงขนาดนั้น ก็แค่ร้าวนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ชางหลิงตกใจมาก
ป๋ายจื๋อเดินไปที่ข้างหน้าต่าง หลังจากเปิดผ้าม่านออกดูแล้ว ก็เห็นว่าบนถนนในสวนนั้นมีคนแปลกหน้ายืนอยู่หลายคน ในมือของพวกเขาถือก้อนหิน กำลังจะปามาที่หน้าต่างอีกครั้ง
“ฆาตกร!ไปตายซะ!” ระหว่างที่พูดนั้น คนที่ถือก้อนหินอยู่ก็ปาเข้ามาอีก
ป๋ายจื๋อหลบ แล้วเสียงหินกระแทกหน้าต่างก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ ชางหลิง ป้องกันไม่ให้เศษหินและเศษแก้วกระเด็นมาโดนเธอ
“เกิดอะไรขึ้น?”ชางหลิงถามเขา
ป๋ายจื๋อก้มหน้า เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา เราก็โทรแจ้งตำรวจในทันทีอย่างไม่พูดไม่จา “มีคนก่อความวุ่นวายครับ”
เสียงรถไซเรนของตำรวจดังขึ้นอย่างรวดเร็ว และแล้ว กลุ่มคนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่เมื่อกี้นี้ พอตำรวจมาพวกเขาก็วิ่งหนีกันไปทันที
ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะว่าไม่สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ ก็เลยทำได้แค่บอกให้พวกเขาระวังตัวให้ดี และเรื่องโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาก่อกวนนั้น เพราะว่าปริมาณมันเยอะมากก็เลยยากที่จะจัดการ
“ดูท่าทาง อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว” ป๋ายจื๋อพูดกับชางหลิง “ที่อยู่ถูกเปิดเผยแล้ว พวกเราต้องหาไปอยู่ที่อื่น”
พอตำรวจกลับไป ในห้องก็เงียบอย่างประหลาด ชางหลิงนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก
ถ้าไม่อยู่ที่นี่แล้วเธอจะยังไปอยู่ที่ไหนได้อีก? ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ จะยังกลับไปอยู่กับโหมวยู่ได้อีกเหรอ?
เขาเกลียดเด็กคนนี้ขนาดนั้น เกรงว่าการอยู่ข้างกายเขา มันจะอันตรายมากกว่าที่นี่ซะอีก
ป๋ายจื๋อรู้ว่าชางหลิงกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปที่NOVA……”
“ฉันไม่อยากจะไปเพิ่มภาระให้หลีซินอีกแล้ว” ชางหลิงถอนหายใจ การมีตัวตนอยู่ของเธอ ทำให้เกิดปัญหาระหว่างหลีซินกับซูเสี่ยวเฉิง ถ้าเกิดว่าเธอไปตอนนี้ กลัวว่าจะยิ่งสร้างความลำบากให้หลีซิน
ในบรรดาพี่น้องทั้ง 4 คนของเขา คนที่รับมือกับความเดือดร้อนได้น้อยที่สุด ก็คือหลีซิน
“ฉันไปหาห้องเช่าในอินเทอร์เน็ตดีกว่า” ชางหลิงไม่มีทางเลือก “หมอก็บอกแล้ว ว่าต้องให้ผ่าน 3 เดือนแรกไปก่อน รอให้ลูกโตกว่านี้หน่อย ก็จะไม่อ่อนแอขนาดนี้แล้ว”
ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่ง ในสถานการณ์ปัจจุบันของชางหลิงตอนนี้ มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็จะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับอีกฝ่าย
ชางหลิงเห็นว่าป๋ายจื๋อไม่ตอบอะไร เธอก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองหน้าเขา
“ป๋ายจื๋อ ฉันขอโทษนะ”
ป๋ายจื๋อมองหน้าเธอ
“ตอนแรกฉันก็นึกว่า ฉันจะมอบที่อยู่ที่ทำให้ได้สบายใจได้ แต่ไม่คิดเลยว่า จะต้องลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”
ตั้งแต่เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของหลี่กุ้ยเฟินจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยขอโทษเขาอย่างเป็นทางการ ที่จริงในใจของพวกเขาต่างก็รู้ดีว่า เรื่องราวทั้งหมด มันพุ่งเป้าหมายมาที่ชางหลิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ว่า เพราะว่าเธอขอความช่วยเหลือจากป๋ายจื๋อ ดังนั้น ก็เลยต้องทำให้ป๋ายจื๋อลำบากไปพร้อมกับเธอ ถ้าเกิดว่าหลิวเย่นฟางต้องการต่อสู้กับเธอจนสุดชีวิต ถ้าเกิดว่าเซียวฉู่แพ้ในศาล ป๋ายจื๋อก็อาจเข้าคุกได้เลย
ป๋ายจื๋อไม่ได้พูดอะไร
“หรือไม่ พวกเราเช่าสองห้องดีกว่า ช่วงนี้ คุณอย่าพึ่งมาใกล้ชิดกับฉันเลย ส่วนค่าเช่าของคุณเดี๋ยวฉันจะจ่ายให้เอง”
“คุณจะอยู่คนเดียวเหรอ? ” ป๋ายจื๋อถามเธอ
ตอนที่สายตาของเขามาที่เธอ ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งแรกที่ชางหลิงทำก็คืออยากที่จะหลบเลี่ยงมัน
“ฉันก็แค่……” ก็แค่ไม่อยากจะให้เขามาเดือดร้อนเพราะเธออีก
“ถ้าไม่มีผม คุณก็ไม่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้หรอก” ป๋ายจื๋อเองก็นั่งลงบนโซฟา ตอนแรก เขายังคิดว่าไม่ว่าจะเป็นยังไง อย่างน้อยข้างกายเธอก็ยังมีโหมวยู่อยู่ด้วย แต่ว่าตอนนี้ เธอไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว
“ถ้าเกิดว่าผมไม่อยู่กับคุณ คนเหล่านั้นอาจจะทำอะไรแย่ๆ มากกว่าก็ได้ จนถึงตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงการดูแลลูกไว้ให้ดีเลย แม้แต่ตัวคุณเองก็อาจจะไม่รอด”
ชางหลิงรู้ดีอยู่แล้ว แต่ว่า……
“คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องห้องพักเลย” ป๋ายจื๋อลุกขึ้น แล้วก็เข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมถือคอมพิวเตอร์ “ผมจะหาที่ที่ดีที่สุด ที่สะดวกต่อการอยู่อาศัยมากที่สุด คุณก็แค่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ส่วนเรื่องอื่นให้ผมเป็นคนจัดการเอง”
ป๋ายจื๋อบอกว่าจะทำอะไรก็ทำแบบนั้น เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน จะดูวิดีโอในโทรศัพท์แล้ว เขาก็ช่วยชางหลิงเก็บข้าวเก็บของ เตรียมจะย้ายออกจากคอนโด
เป็นตอนกลางวันพอดี พอออกนอกประตูไป สิ่งแรกที่เห็นก็คือสีแดงสว่างจ้าตรงหน้าประตู บนรั้วนั้น มีคนเอาสีแดงมาพ่น ชางหลิงมอง คำว่า“ชู้” กับ“ฆาตกร”นั้นช่างสะดุดตาเป็นพิเศษ
กลิ่นมันฉุนมาก ชางหลิงเอามือปิดจมูกไว้ แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
ก่อนที่จะออกมานั้น ป๋ายจื๋อตั้งใจสำรวจรอบๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่
เขาเปิดประตูรถออก แล้วก็พยุงชางหลิง ตอนที่กำลังจะขึ้นรถ ก็มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามา จอดไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไหร่นัก
สิ่งแรกที่ป๋ายจื๋อทำก็คือปกป้องชางหลิง แต่ว่ารถคันนั้นก็ค่อยๆ ลดกระจกลง แล้วใบหน้าของโหมวฉี่ก็ปรากฏขึ้นที่เบาะด้านหลัง
“ชางหลิง คุณจะไปไหน?”
เขาเพิ่งจะถามออกมา แล้วก็เห็นความเรี่ยราดตรงหน้าประตู คิ้วบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที “ใครเป็นคนทำ?”
เขาเห็นข่าวพวกนั้นแล้ว หลายวันมานี้โหมวยู่ก็ไม่สนใจเรื่องบริษัทเลย เขาเพิ่งจะจัดการเรื่องวุ่นวายที่เซิ่งซื่อเรียบร้อย ก็รีบมาหาชางหลิงในทันที
“ไม่มีอะไรหรอก” ชางหลิงยิ้มอย่างข่มขืน “ที่นี่ เกรงว่าจะอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันจะไปอยู่ที่อื่นพักหนึ่ง”
“ไปที่ไหน?”โหมวฉี่ถามเธอ
“พวกเราเช่าห้องไว้……” เสียงของชางหลิงเบาลง
“คนพวกนี้ สามารถตามหาเจอว่าคุณอยู่ที่นี่ แล้วพวกเขาจะหาห้องเช่าของคุณไม่เจองั้นเหรอ?”โหมวฉี่พูด แล้วก็ส่งสัญญาณมือให้เซียวฉู่ “ตอนนี้คุณท้องอยู่ ไปอยู่ที่อื่นไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นักหรอก”
“แต่ว่า……”
“ไม่ต้องแต่แล้ว ไปอยู่บ้านผมแล้วกัน อย่างน้อย ที่นั่นก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่มีวันปล่อยให้คนที่เป็นอันตรายเข้าใกล้คุณอย่างแน่นอน”
ชางหลิงไม่ได้ตอบรับ แต่ว่าป๋ายจื๋อกลับมีปฏิกิริยาเป็นอย่างแรก
“เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมรู้สึกว่ามันก็ดีนะ”