อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf
  • หน้าหลัก
ค้นหานิยาย
Sign in Sign up
  • นิยาย จบแล้ว
  • นิยายวาย
  • นิยาย จบแล้ว
  • นิยายวาย
Sign in Sign up
Prev
Manga Info
8xbet บาคาร่าออนไลน์

ตำนานเทพกู้จักรวาล - ตอนที่ 638 ยอมศิโรราบ

  1. Home
  2. ตำนานเทพกู้จักรวาล
  3. ตอนที่ 638 ยอมศิโรราบ
Prev
Manga Info

ฉินมู่คัดลอกอักษรรูนบนวงแหวนเทวะเสกสรรอย่างใจจดใจจ่อ ความทรงจำนั้นไม่ดีเท่ากับจดบันทึกมันเอาไว้ และเมื่อเขาคัดลอกไปนั้น ความเข้าใจในระดับชั้นต่างๆ ก็จะพลันปรากฏขึ้นมาในจิตคิดของเขา ความหมายของบางตัวอักษรรูนนั้นสามารถเข้าใจได้เพียงแต่คัดลอกมันครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้ตรึกตรองเข้าใจทักษะเทวะเสกสรรหลายชนิดในด้านกายเนื้อ

แต่ทว่า มันยังมีรอยประทับอักษรรูนอีกจำนวนหนึ่ง ที่ต้องใช้การไตร่ตรองอนุมาน ถึงจะสามารถหยั่งรู้ถึงแง่อัศจรรย์ข้างในนั้น

“ข้าน่าจะนำบัณฑิตมาสักสองสามร้อยคนจากสันตินิรันดร์ หากว่าพวกเขาค้นคว้าและคัดลอกไปด้วยกัน ความเร็วของพวกเราก็คงเหลือเชื่อ มีบัณฑิตมากมายคัดลอกด้วยกัน ก็ย่อมจะเกิดปัญญาญาณอันพิสดารและหลากหลาย!”

นี่คือผลลัพธ์ของยุคสมัย ผู้เปี่ยมความสามารถมากมายจากทุกๆ สาขาสามารถร่วมมือกันและศึกษาค้นคว้าโครงการมหึมาได้ ความเร็วของพวกเขาก็จะรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ และเหนือล้ำกว่าการที่บัณฑิตคนเดียวค้นคว้าเป็นอย่างมาก

น่าเสียดายที่นิสัยสันดานของชื่อซีนั้นจะไม่ยอมศิโรราบหากว่าไม่ถูกกระทืบเสียก่อน เขาจะต้องถูกซ้อมหนักๆ ก่อนที่จะยอมสยบและทำงานร่วมกับพวกเรา

ฉินมู่ใช้ปราณชีวิตเพื่อจุดแสงอักษรรูนบนวงแหวนเทวะเสกสรร และขับเคลื่อนพวกมันให้แปรเปลี่ยนไป เมื่องานของเขาเสร็จสิ้น เขาก็คัดลอกอักษรรูนพวกนี้ต่อ เขาคิดในใจ กำลังฝีมือของบรรพชนแรกนั้นไม่เลว เขาไม่รู้ว่าเขาจะสยบชื่อซีได้หรือไม่

ข้างในตึกแสงฉานสยบสวรรค์ กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกนั้นบ้าบิ่นเป็นพิเศษ ต่อสู้ทะลุสามร้อยชั้นตึก

ตึกนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้สะกดราชวังสวรรค์ พลานุภาพของมันไพศาลอย่างอัศจรรย์ และเทพศาสตราที่ถูกบูชาเอาไว้ในแต่ละชั้นก็เป็นหนึ่งในเทพศาสตราอันมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในยุคสมัยแสงฉาน ยิ่งไปกว่านั้น เทพศาสตราทั้งหมดยังเป็นชุดที่มีครบหกชิ้น

เทพชื่อซีใช้พลังวัตรของตนและพลานุภาพของเทพศาสตราเพื่อระเบิดพลังออกไป หลังจากที่ระเบิดพลานุภาพ กำลังฝีมือของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นมาหนึ่งระดับ พร้อมกับสมบัติอันแขวนห้อยเอาไว้ในแต่ละชั้น พวกมันก็ก่อขึ้นมาเป็นพยุหะ พลานุภาพของกระบวนพยุหะพันสมบัตินั้นยิ่งใหญ่เกินจินตนาการ และพวกมันก็พุ่งเข้าไปโจมตีกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก

เทพศาสตรานับพันสั่นสะเทือนและปล่อยลำแสงเทวานุภาพเข้าไปซัดใส่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก สมบัติหกชิ้นในมือของชื่อซีก็กวัดแกว่งขึ้นลงด้วยเทวานุภาพอันร้ายกาจ

แต่ถึงอย่างไร พวกมันก็ถูกกษัตริย์มนุษย์ผู้นี้บดขยี้ไปด้วยกำลังเถื่อน กระบวนพยุหะพันสมบัติที่อยู่นอกชั้นตึกก็ถูกทำลายไปด้วย บีบให้ชื่อซีที่ถูกเป่ากระเด็น ต้องล่าถอยไปยังชั้นถัดไป

เมื่อพวกเขาไปถึงชั้นบนๆ พลานุภาพของสมบัติที่ถูกบูชาไว้ที่นั่นก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เมื่อกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งไปถึงชั้นที่แปดร้อย เขาก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

อันที่จริงแล้ว หลังจากชั้นที่สามร้อย มันก็ไม่ใช่ชื่อซีที่ควบคุมสมบัติวิเศษเหล่านี้ แต่เป็นสมบัติวิเศษที่ควบคุมชื่อซี พลังของชื่อซีนั้นน้อยนิดไม่สลักสำคัญเมื่อเทียบกับพลานุภาพของสมบัติล้ำค่าและกระบวนพยุหะ!

ตอนนี้กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกำลังต่อสู้กับสมบัติล้ำค่าและกระบวนพยุหะแห่งตึกแสงฉานสยบสวรรค์ เขาได้บุกตะลุยไปถึงชั้นที่แปดร้อยด้วยกำลังเถื่อน!

หากว่าข้ายังคงต่อสู้แบบนี้ ข้าก็จะได้รับบาดเจ็บ

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกสายตาวูบไหวพลางครุ่นคิด จากที่ดูแล้ว ชื่อซีไม่อาจทานทนได้อีกนานเท่าไร วิชาบู๊เทวะไม่รั่วไหลของเขามิได้ไร้ช่องโหว่อย่างสมบูรณ์แบบ เขาเพียงแต่อาศัยการดูดซับปราณและโลหิตของผู้อื่นเพื่อรักษากำลังวังชาของตนเองให้เต็มพิกัดอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่า เงื่อนไขที่ต้องมาก่อนก็คือ เขาจะต้องสามารถทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บได้ หากว่าศัตรูมิได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะจนปัญญา และได้แต่เผาผลาญพลังวัตรที่สั่งสมมาของตน ทำให้เขายิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ

หัวทั้งสามและแขนทั้งหกของชื่อซีนั้นนับว่าแข็งแกร่งไร้ปานเปรียบ เหมาะแก่การต่อสู้ แต่เขาก็ยังด้อยกว่าบรรพชนแรกอยู่มาก เขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย และไม่ทนยืนหยัดได้อีกต่อไป

สาเหตุที่ชื่อซียังคงต้านทานอยู่นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะว่ากษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกออมกำลังไว้ ไม่ใช้พลานุภาพเต็มพิกัด เขาอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อโน้มน้าวฉินมู่ ให้เขาได้เห็นพลานุภาพของมุทราฟ้าและดินของเขา ทำให้ฉินมู่ยินดีที่จะร่ำเรียนจากเขา

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกถึงต่อสู้บุกตะลุยไปตลอดทางจนถึงชั้นที่แปดร้อยนั้น ก็เพื่อแสดงความเพริศแพร้วพิสดารในวิชามุทราของเขาให้ฉินมู่ได้เห็น ตราบเท่าที่ความเพริศแพร้วของมุทราของเขาได้จับสายตาของฉินมู่ ฉินมู่ก็จะสนใจ จากนั้นกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกก็จะฉวยโอกาสนี้เพื่อผลักดันให้เขาเรียน มันก็จะกลายเป็นสถานการณ์อันสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ข้าได้ต่อสู้ตลอดทางมาจนถึงชั้นที่แปดร้อย และแสดงในสิ่งที่ข้าแสดงได้ไปหมดแล้ว นี่ก็เป็นเวลาที่ควรจะจบมันเสีย!

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกพลันระเบิดออกไปด้วยพลานุภาพเต็มพิกัด เมื่อเขาขับเคลื่อนมุทราจักรวาลไม่ดับสูญของเขา เมื่อมุทราของเขากดลงไป ห้วงอวกาศข้างในชั้นตึกนี้ก็แทบจะจับตัวเป็นของแข็ง และเทพชื่อซีก็ถูกตรึงไว้ในอากาศ ร่างของเขาสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง

ราวกับว่าเขากำลังทนรับการซัดตีอันน่าสะพรึงกลัวไปเป็นร้อยครั้ง ร่างของเขาสั่นกระตุกหนึ่งร้อยครั้ง!

สมบัติวิเศษในมือของเขาพลันสูญเสียการควบคุม และมันก็พวยพุ่งพลานุภาพออกไปเพื่อจู่โจมกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก!

สมบัติทั้งหกนั้นมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของชื่อซีอีกต่อไป พวกมันโจมตีกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกด้วยตัวพวกมันเอง

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกชักกระบี่ของเขาออกมาและสะบัดไปหนึ่งครา เสียงเคร้งคร้างหลายหนก็ดังขึ้น เมื่อสมบัติล้ำค่าทั้งหกพลันแตกหัก พวกมันสูญเสียพลังอำนาจ และถูกทำลายไปตรงๆ ด้วยกระบี่เทวะ

ความสำเร็จเชิงกระบี่ของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกมิได้สูงนัก แต่ที่แข็งแกร่งจริงๆ นั้นคือกระบี่ในมือของเขา เทวานุภาพในกระบี่นี้ถึงกับสามารถต่อสู้ประจันกับทั้งตึกแสงฉานสยบสวรรค์ เห็นได้ชัดว่ามันมิใช่สมบัติธรรมดา!

โถงแห่งกษัตริย์มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาบนหนึ่งในสามสิบหกวังสวรรค์ และกระบี่เล่มนี้ของเขาคือกระบี่หยกสว่าง สมบัติวิเศษที่สภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งใช้ในการสะกดวังหยกสว่าง กระบี่ส่วนตัวขององค์ชายย่อมมีความเหนือธรรมดา!

เมื่อกระบี่นี้ถูกชักออกมา เทพศาสตราทั้งหมดที่แขวนห้อยอยู่บนชายคานอกชั้นตึกก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง พลานุภาพของพวกมันกวาดซัดไปทุกทิศทาง เมื่อรังสีแสงแห่งรัศมีเทวะที่ยาวกว่าร้อยลี้ พุ่งวาบผ่านไป พวกมันเฉือนตัดห้วงอวกาศโดยรอบ ทำให้ห้วงอวกาศสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกสลายวิชามุทราของเขา และชื่อซีก็ร่วงลงกับพื้นดังตึง เทพศาสตราที่แขวนห้อยอยู่ข้างนอกก็ส่งเสียงโกร่งกร่างเมื่อพวกมันร่วงกระจายลงมากับพื้น ภาพของเทพศาสตราร่วงลงมาจากชั้นตึกหนึ่งพันชั้นน่าน่าดูชมอย่างแท้จริง

นี่คือผลลัพธ์จากการปะทะกันระหว่างตึกแสงฉานสยบสวรรค์ และกระบี่หยกสว่าง ตึกแสงฉานสยบสวรรค์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกระบี่นี้ และดังนั้น สมบัติทั้งหมดในตึกจึงถูกฟันสะบั้นไป!

แม้ว่าพลานุภาพของกระบี่นี้จะแข็งแกร่งนัก แต่เพราะกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกไม่มีความสำเร็จเชิงกระบี่มากมายอะไร เขาจึงไม่ค่อยได้ใช้มัน

เมื่อผานกงสั่วเห็นภาพดังกล่าว เขาก็ตัวสั่นระริกและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายเขาค่อยๆ จางลงและหายวับไป

หัวทั้งสามของชื่อซีกระอักเลือดออกมา และเขาคลานไต่ขึ้นไปยังชั้นที่แปดร้อยเอ็ด แต่เขาก็ร่วงไถลลงมาอีกครั้ง

“พี่ทางเต๋า ระหว่างเราสองคนไม่มีใครจำเป็นต้องตาย”

บรรพชนแรกสะบัดกระบี่เก็บเข้าไปในฝัก และก้าวเข้าไปเพื่อพยุงเขาให้ลุกขึ้น “ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ และเจ้าก็น่าจะมองเห็นได้ หากว่าข้าใช้พลังเต็มพิกัดตั้งแต่แรก เจ้าก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต ยุคสมัยแสงฉานของเจ้าและยุคสมัยจักรพรรดิของข้า ล้วนแต่จนอยู่ในตรอกเดียวกัน พวกเราได้กบดานซ่อนตัวมาเนิ่นนานขนาดนี้ แล้วไฉนพวกเราจะต้องทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราเปรี้ยวฝาดไปก็เพราะความเข้าใจผิดด้วยเล่า”

หัวทั้งสามของชื่อซีหอบหายใจอย่างหนักหน่วง และเขาก็ตะเกียกตะกายดิ้นรน “เจ้ากำลังพยายามจะทำให้เทพเจ้าทั้งหลายแห่งยุคสมัยแสงฉานของข้า ตกอยู่ในความควบคุมของสันตินิรันดร์ สันตินิรันดร์นั้นเป็นเพียงประเทศเล็กๆ และมันเป็นประเทศที่เทพเจ้าแค่ตนใดตนหนึ่งจากยุคสมัยแสงฉานของข้าก็สามารถทำลายล้างมันไปได้! แล้วข้าจะยอมรับได้อย่างไรถ้าจะต้องศิโรราบต่อสันตินิรันดร์ หากว่าข้ายอมสยบ ข้าจะกลับไปตอบโอรสเทพเมื่อข้ากลับไปได้อย่างไร”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกกล่าวอย่างเที่ยงธรรม “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เจตนาเดิมของข้านั้นคือจัดตั้งพันธมิตรขึ้นมา และมิใช่จะให้ยุคสมัยแสงฉานสวามิภักดิ์ต่อพวกข้า ยอดฝีมือแห่งยุคสมัยแสงฉานไม่ยอมสยบต่อสภาสวรรค์มาเป็นหมื่นๆ ปี แล้วไฉนเจ้าถึงตะยอมมาศิโรราบต่อสันตินิรันดร์ด้วยเล่า ข้าชื่นชมความกล้าหาญทางศีลธรรมของรุ่นอาวุโสทั้งหลายแห่งยุคสมัยแสงฉาน ดังนั้นข้าจะไม่ลบหลู่พวกเจ้าอย่างแน่นอน ขอโปรดพี่ทางเต๋าชื่อซีไตร่ตรองเรื่องนี้ดูอีกครา”

ชื่อซีลุกขึ้นและห้ามเลือดจากบาดแผลของเขา เขายิ้มหยันและกล่าว “ทำไมเจ้าไม่พูดแบบนี้เสียตั้งแต่แรก”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกส่ายหัวไปมา “ข้าพูดไปแล้ว แต่เจ้านั้นยืนกรานที่จะซ้อมข้าให้ตายและจะค้นดวงวิญญาณของข้า”

ด้วยการเคลื่อนไหวอันไม่มั่นคง ชื่อซีก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ในที่สุดเขาก็ยอมถอยและกล่าวขออภัย “ข้าผิดไปแล้ว โปรดรับการขอโทษจากข้า”

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกรีบประคองแขนของเขาไว้และกล่าว “ข้าเองก็มือหนักไปเช่นกัน”

ชื่อซีรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินโซเซลงจากบันได “แม้ว่ารัชสมัยแสงฉานของข้าจะสามารถร่วมเป็นพันธมิตรกับเจ้าได้ พวกเราก็จะไม่ก้มหัวให้ใคร ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเพียงลำพังไม่อาจเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ ข้ายังต้องกลับไปติดต่อกับโอรสเทพเสียก่อน มีแต่เขาที่ตัดสินใจได้”

บรรพชนแรกขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือข้าจะต้องไปสู้กับโอรสเทพแสงฉานผู้นี้อีกหนหนึ่งจริงๆ ผู้คนแห่งยุคสมัยแสงฉานมีแต่หัวรั้นแบบนี้อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะรับมือยากเกินไปหน่อยหรืออย่างไร

กว่าเวลาสองหมื่นปีที่ผ่านมา เขาได้จมจ่อมอยู่ในความรู้สึกผิดและการกล่าวโทษของการไม่เข้าร่วมศึกในสนามรบ ดังนั้นเขาจึงปลีกตัวไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องในโลกหล้า ณ ขณะนี้ เขานั้นกำลังคิดแต่ว่าจะผลักความรับผิดชอบเรื่องยุคสมัยแสงฉานไปให้คนอื่นได้อย่างไรดี เขาคิด ให้กษัตริย์มนุษย์ฉินจัดการกับเรื่องยุ่งยากแบบนี้ก็น่าจะดีกว่า

แต่ทว่า เขาไม่รู้เลยว่าฉินมู่นั้นเป็นบุคคลที่มักจะล้างมือออกไปจากภาระความรับผิดชอบทั้งปวง เขามีแต่เสนอความคิดและทิ้งงานทั้งหลายให้แก่ลัทธินักบุญสวรรค์ หรือผู้คนอย่างราชครูสันตินิรันดร์และจักรพรรดิเอี้ยนเฝิง

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกและชื่อซีเดินลงมาจากตึกแสงฉานสยบสวรรค์ ไปยังข้างๆ วงแหวนเทวะเสกสรร พวกเขาเห็นฉินมู่ยังคงขับเคลื่อนวงแหวนเทวะนี้อยู่ และศึกษาการเปลี่ยนแปลงของอักษรรูนอย่างขะมักเขม้น

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกยิ้มน้อยๆ และคิดในใจ ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นหนุ่มรุ่นๆ เขายังคงเหนียมอายและไม่อาจบากหน้ามาเรียนวิชามุทราของข้า ข้าจะพาดบันไดเปิดทางให้เขาลงมาสักหน่อยในภายหลัง เพื่อให้เขาได้มีข้ออ้างในการเรียนวิชามุทราของข้า

“พวกเจ้าสู้กันจบแล้วหรือ”

ฉินมู่ประหลาดใจและหันศีรษะกลับไปมองพวกเขา “เร็วขนาดนี้เชียว? ข้ายังไม่มีเวลาคัดลอกอักษรรูนพวกนี้จนหมดเลย”

แสร้งทำไป แสร้งต่อไปสิ

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกลอบยิ้มหยันอยู่ข้างใน แต่เขากล่าวด้วยสีหน้าแช่มชื่น “ข้าได้สนทนากับพี่ทางเต๋าชื่อซีแล้ว ในที่สุด พวกเราก็ไม่ได้แตกหักกันโดยสิ้นเชิง”

ฉินมู่มองไปยังตึกแสงฉานสยบสวรรค์ ตึกวิเศษซึ่งเพิ่งส่องแสงเรืองรองล้ำค่าอยู่เมื่อประเดี๋ยว แต่ตอนนี้กลับโล้นเลี่ยน แสงของมันก็มืดมัวลง จากนั้นเขาก็มองไปยังเทพชื่อซี เขาไม่รู้ว่าบนร่างของเพชฌฆาตผู้นี้มีกระดูกหักไปตั้งเท่าไร เนื้อตัวของเขาทั้งหมดล้วนแต่โชกเลือด และหัวหนึ่งก็ห้อยพับลงมา ราวกับว่าคอได้หักไป

ไม่ได้แตกหักกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ ด้วย เขาลอบคิดในใจ

เทพชื่อซีกล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึงเล็กน้อย “สหายน้อยฉินถือครองมีดปริศนาประหารเทพของข้าเอาไว้ในมือ ดังนั้นโปรดคืนมันกลับมา”

ฉินมู่ส่ายหัว “ครูบาสวรรค์มอบกล่องเล็กนั้นให้ข้า ข้าไม่อาจคืนให้เจ้าได้ กฎกติกาของแดนโบราณวินาศของพวกข้านั้นก็คือพวกข้าจะไม่คืนสิ่งที่พวกเราอาศัยฝีมือตนเองขโมย เก็บตก และได้รับมาจากผู้อื่นที่ไปขโมยมันมาอีกทอด”

เขากล่าวต่ออย่างจริงจัง “ข้าถูกท่านยายซีเก็บตกมาได้ และนางก็กล่าวว่านางจะไม่คืนข้าให้กับใคร ต่อให้พวกเขาต้องการข้ากลับไปก็ตาม! ท่านปู่เป๋ของข้าขโมยของมาจากทุกหนทุกแห่งเพื่อมอบให้กับผู้อื่น และผู้รับมอบเหล่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องคืนมันกลับไปเช่นกัน”

ชื่อซีเดือดดาลจนพูดไม่ออก ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปหมด กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกรีบกล่าว “พี่ทางเต๋า เขายังเป็นเด็กอยู่”

เขาระเบิดโทสะไปตอนนี้ก็คงไม่เหมาะ ดังนั้นเขาจึงกล่าวอย่างเย็นชา “ทุกครั้งที่มีดปริศนาประหารเทพถูกเปิดออก มันก็จะต้องดื่มโลหิตเพื่อหล่อเลี้ยงคมมีด ไม่อย่างนั้นมันก็จะกลืนกินเจ้าของแทน เจ้านั้นได้ใช้มันมาแล้วครั้งหนึ่ง ใช่ไหมล่ะ ข้ามองเห็นแสงโลหิตที่พัวพันตัวเจ้าอยู่ ในครั้งถัดไปที่เจ้าเปิดกล่อง มีดปริศนาประหารเทพก็จะสังหารเจ้าเพื่อดื่มโลหิต!”

ฉินมู่ตกตะลึง และหัวใจของเขาก็ว้าวุ่น

กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรกถาม “มีดอะไร ให้ข้าดูสักหน่อยเถอะ”

ฉินมู่ล้วงกล่องเล็กออกมาและมอบให้แก่กษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก ฝ่ายหลังนั้นพลิกดูกล่องเล็กนี้ไปมาอย่างถี่ถ้วน เขาศึกษามันอยู่ครู่หนึ่ง และสีหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเมื่อพบว่าไม่อาจเปิดกล่องได้

“มีดปริศนาประหารเทพแห่งยุคสมัยแสงฉาน สมบัติโบราณอันตรายร้ายกาจ มีความอาฆาตของเทพเจ้าขั้นบัลลังก์จักรพรรดิอยู่ข้างใน มันน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงขีดสุด!”

เขายังอยากที่จะคืนมันให้แก่ชื่อซี แต่ฉินมู่รีบร้องบอก “ระวัง เขาจะใช้มีดนั่นสังหารเจ้า!”

บรรพชนแรกอึ้งไป เขาคืนกล่องเล็กให้แก่ฉินมู่ “หากว่าไม่จำเป็น ก็อย่าใช้มัน ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงความอาฆาตและจิตสังหารของยอดฝีมือขั้นบัลลังก์จักรพรรดิแผ่ออกมาจากข้างใน เจ้าได้ใช้มันแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหม ครั้งนั้น มันไม่ได้ดื่มเลือดสักหยด ดังนั้นความอาฆาตนี้จึงเข้ามาพัวพันกับตัวเจ้า จะดีที่สุดหากว่าเจ้าให้มันดื่มเลือดเพื่อปัดเป่าความอาฆาตที่มันมีต่อเจ้า”

ฉินมู่ผงกหัว เขากดฝากล่องเอาไว้พลางถามเทพชื่อซี “ผู้อาวุโส เจ้าสามารถเรียกศิษย์ไม่เอาไหนของเจ้าออกมาได้หรือไม่ เจ้าหมอนั่นที่มีขากวางสองข้างน่ะ”

ผานกงสั่วที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด กำลังจะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่ แต่ทันใดนั้นเขาก็สำเหนียกขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะโกรธเกรี้ยว “ไอ้วายร้ายนี่หมายจะใช้ข้าเป็นเครื่องสังเวยแก่มีด!”

Prev
Manga Info

Comments for chapter "ตอนที่ 638 ยอมศิโรราบ"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

นิยายที่คุณอาจสนใจ

ชะตาแค้นลิขิตรัก
ชะตาแค้นลิขิตรัก
กันยายน 9, 2020
Mystical Journey
Mystical Journey
กันยายน 15, 2020
Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru
Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru
ตุลาคม 28, 2021
5f4dfe254pYsxz6L
Pursuit of the Truth สู่วิถีอสุรา
ตุลาคม 8, 2020

    © 2020 อ่านทั้งวัน.Com
    พบกับ “อ่านทั้งวัน.com” เว็บอ่านนิยายออนไลน์น้ำดี ที่คอยคัดสรรเนื้อหา เรื่องราวดีๆโดนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นิยายไทย, นิยายจีน, นิยายรักโรแมนติก, แฟนตาซี, แอคชั่น, ผจญภัย ต่อสู้แบบครบรส อัพเดทแบบสดใหม่อยู่เสมอ พร้อมรองรับการอ่านเนื้อหานิยายทุกอุปกรณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บแล็ต สะดวกอ่านได้ทุกที่ ทุกเวลา อยากอ่านแบบนอนสต๊อปต้อง เว็บ ”อ่านทั้งวัน.com” ที่นี่ที่เดียว
    นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์

    บาคาร่าเว็บตรง

    Sign in

    Lost your password?

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf

    Sign Up

    Register For This Site.

    Log in | Lost your password?

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf

    Lost your password?

    Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

    ← Back to อ่านทั้งวัน.Com | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf