ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1455 เปลี่ยนแปลงผกผัน
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูบัวเขียวแสงทองที่ยิ่งใหญ่เรืองรองซึ่งอยู่ไกลออกไปเช่นกัน เฟิงอวิ๋นเซิงยังคงถูกสะกดอยู่ที่นั่น
การมาถึงของเนี่ยจิงเสินกับอวี่เยี่ยทำให้พวกฝูหลัวจื่ออยากจะติดตามพวกสวีเฟยกับสือจวินได้ต่อ ทำให้ความกังวลของเยี่ยนจ้าวเกอหายไป
ตอนนี้เขาย่อมต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือเฟิงอวิ๋นเซิงออกมา
“ศิษย์พี่เนี่ย ศิษย์พี่อวี่ พวกท่านในเมื่อได้รับคัมภีร์โกลาหลสูญจากเทวกษัตริย์วิเศษคณานับมา สมควรมีของอย่างอื่นด้วยกระมัง”
เนี่ยจิงเสินพยักหน้า “เป็นสิ่งที่มีแต่ปรมาจารย์ที่แตกฉานในค่ายกลอย่างเจ้าถึงจะใช้ได้เหมาะสม”
“ประเสริฐยิ่ง ทางพวกเรามีคนที่เข้าใจวิชากระบี่เหนือพิสุทธิ์ไม่ต่ำกว่าสี่คน” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง
ขณะมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอรวมตัวกับเนี่ยจิงเสินและอวี่เยี่ย ยังมีกระบี่ผนึกเซียน คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็อดเกิดความสิ้นหวังไม่ได้
เมื่อครู่ยอดฝีมือระดับสุญญตาทั้งหลายไม่ได้เลือกปะทะกับกระบี่ผนึกเซียนและอวี่เยี่ยตรงๆ ต่างหลบหลีกเป็นหลัก จึงไม่ได้บาดเจ็บล้มตาย ทว่าคนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสุญญตาอนาถแล้ว
อวี่เยี่ยครอบครองคัมภีร์โกลาหลสูญ เดิมทีไม่เกรงกลัวศัตรูที่อยู่ต่ำกว่าชั้นสุญญตา พอมีกระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือในสถานการณ์แบบนี้อีก คมกระบี่ชี้ไปที่ใด หากโดนเข้าไปก็ต้องตกตายจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าปีศาจ ศาสนาพุทธ หรือนพยมโลก ต่างถูกสังหารจนโลหิตไหลนองเป็นท้องธาร!
คัมภีร์กระบี่ผนึกเซียนถูกฝุ่นจับมาหนึ่งยุคสมัย พอได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้งก็พลันดื่มกินเลือดทันที
ถึงพวกฝูหลัวจื่อและพญามารควันสายัณห์ยอดฝีมือระดับสุญญตาจะหลบหลีกได้ทัน ทว่าความคมกล้าก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น คนอื่นๆ ขวัญกำลังใจล้วนตกลง
สิ่งที่ทำให้จอมปีศาจอย่างฝูหลัวจื่อปวดหัวก็คือ ใกล้ๆ ยังมีผู้ใช้กระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ระดับเซียนกำเนิดคนหนึ่งอย่างเกาชิงเสวียนอยู่ด้วย
หากว่าอวี่เยี่ยมอบกระบี่ผนึกเซียนให้แก่ยายของตัวเอง เกาชิงเสวียนแม้ไม่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญก็สามารถแสดงพลังของกระบี่ผนึกเซียนได้ในระดับสูง
เมื่อเซียนกำเนิดสายเหนือพิสุทธิ์เช่นนี้มีกระบี่ผนึกเซียนอยู่ในมือ คนคนเดียวก็แทบสามารถท้าสู้กับคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ นอกจากยุทธวิชัยพุทธะได้
เกาชิงเสวียนไม่ใช่รับความสิ้นเปลืองจากกระบี่ผนึกเซียนไม่ได้เหมือนอวี่เยี่ย
ในคนที่อยู่รอบๆ มีแค่ต้องให้ยุทธวิชัยพุทธะลงมือเท่านั้น จึงจะรับมือได้
แต่เป้าหมายอันดับแรกของยุทธวิชัยพุทธะเป็นเฟิงอวิ๋นเซิง ไม่ใช่พวกสือจวินกับอิ๋งอวี่เจิน
พอคิดถึงตรงนี้ ต่อให้ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆ จะมีผู้ยิ่งใหญ่ที่ถนัดการเคลื่อนย้ายมิติเวลา และการเหาะเหินเดินหาวอย่างฝูหลัวจื่อกับพญามารควันสายัณห์ ก็ไม่มีวิธีไล่ตามพวกสือจวินอีกต่อไป
ศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจยังดี นพมโยกโลกขุ่นแค้น เดือดดาลแทบคลั่ง ก่อนหน้านี้โดนกำจัดมารน้ำกุ่ยไปแล้ว มารอบนี้มารดินโบ่วยากจะคืนชีพ ครั้งนี้พวกมันออกจากนพยมโลกอย่างเหิมเกริม แต่กลับต้องกลับไปมือเปล่า
พวกจอมมารมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ มองดูความว่างเปล่ากว้างใหญ่ที่ไม่เห็นสือจวินสองแม่ลูกด้านหลังพวกเขา ได้แต่คาดหวังว่ารอบนอกจะยังมีมารตนอื่นมาสนับสนุน สามารดำเนินการหยุดยั้งได้
…
ขณะนั้นสวีเฟย สือจวิน อิ๋งอวี่เจินยังคงอยู่ในมิติพิเศษที่มุกผ่าดินสร้างขึ้น ซ่อนตัวอยู่ที่รากของต้นไม้แห้ง ลอยไปในความว่างเปล่าพร้อมกับต้นไม้ที่โรยรา
กระบวนการผนึกมารดินโบ่วและพญามารจงหยวนตนนั้นได้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว รอจนสำเร็จก็สามารถกำจัดโชคชะตาอันเลวร้ายได้
สือจวินสีหน้าเคร่งขรึมมีสมาธิถึงขีดสุด ใช้วิธีที่เยี่ยนจ้าวเกอถ่ายทอดให้ คอยดึงสำนึกมารของมารดินโบ่วและพญามารจงหยวนออก ทำลายรอยตราที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ในตัวเขาและอิ๋งอวี่เจิน
สวีเฟยประคองมุกผ่าดิน นั่งอยู่ด้านข้างสือจวินสองแม่ลูก จัดวางมุกผ่าดินไว้ตรงกลางของพวกเขา
พวกเขาไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงด้านนอก เพียงตั้งใจรับมือศัตรูตรงหน้า ถึงจะเกิดการหักมุมมากมาย แต่ชัยชนะก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ในตอนนั้นเอง เขาพลันรู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมที่ตนเองอยู่คล้ายสั่นไหวเล็กน้อย ปราณมารที่ชั่วร้ายน่ากลัวเปลี่ยนเป็นเข้มข้นในพริบตา
การคุกคามมาจากโลกภายนอก
ในความว่างเปล่ากลางจักรวาลอันกว้างใหญ่ถึงกับมีจอมมารสองตนปรากฏตัวขึ้น พวกมันเป็นมารที่ไล่ตามมาจากรอบนอก เข้าใกล้สนามรบ ดำเนินการล้อมวง
มารดินโบ่วถูกสะกดเกือบสำเร็จ ไม่มีอานุภาพเท่าก่อนหน้า ทำให้พวกมารยากจะสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของมันจากระยะไกล แม้แต่มารจิตแรกเริ่มก็มิาจส่งพลังข้ามมิติได้
ดังนั้นเหล่ามารร้ายจึงใช้วิธีหว่านแห ค้นหาทุกที่
จอมมารสองตนนี้แสดงว่ามีโชคไม่เลว เจอต้นไม้โบราณที่เหี่ยวเฉาต้นนั้นพอดี
ด้วยระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ มารร้ายในที่สุดก็สัมผัสกลิ่นอายที่แฝงอยู่ด้านในได้
ณ ที่แห่งนั้น มารดินโบ่วกับพญามารจงหยวนเหลือลมหายใจรวยริน จอมมารสองตนรีบร้อนลงมือ ทว่าอีกด้านของมิติพลันมีประกายเพลิงสาดขึ้น แวบหนึ่งแล้วหายไป เหมือนกังมังกรอัคคีทะยานขึ้นฟ้า
ประกายเพลิงพอสลาย กลับเป็นทวนพระอังคารมาถึง
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งก็มีปราณสีม่วงหมื่นลี้แผ่พุ่ง ปรากฏร่างของจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือ
ไม่เพียงแต่นพยมโลกเท่านั้น พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เตรียมตัวไว้รอบนอกเช่นกัน เป็นทั้งกองทัพกำลังหนุน ทั้งสามารถรับทุกคนถอยหนี
ในที่สุดก็ไม่ปรากฏสถานการณ์ที่ทำให้คนจนปัญญาเหมือนอย่างกษัตริย์เถาเมื่อก่อนหน้า ถึงจำนวนคนจะไม่เยอะเท่านพยมโลก แต่เหนือกว่าตรงที่พวกเขามีวิธีตามหาพวกสวีเฟย
ดังนั้นฟู่อวิ๋นฉือกับทวนพระอังคารจึงมาถึงทันเวลา เริ่มแย่งชิงต้นไม้แห้งกับจอมมารสองตนทั้งที
หนึ่งคนหนึ่งศาสตราที่ก่อนหน้านี้มีบุญคุณความแค้นไม่ธรรมดา หลังจากที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำถูกทวนพระอังคารสังหารกับมือ ทุกอย่างสะสาง จบลงในท้ายที่สุด ขณะนี้ร่วมมือกันต้านทานนพยมโลกในฐานะพวกเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจรับมือศัตรู
ไม่ว่าจะเป็นฟู่อวิ๋นฉือหรือทวนพระอังคาร ขีดความสามารถในระดับไร้ช่องโหว่ล้วนไม่อาจดูแคลนได้ ถึงจอมมารสองตนนั้นจะเทียบได้กับยอดฝีมือเซียนจริงแท้ที่ผลักเปิดประตูเซียนของสำนักเต๋า แต่ยังถูกทุบตีจนแพ้ราบคาบ
หลังจากกระเสือกกระสน ที่สุดแล้วก็ยังหลีกเลี่ยงความล้มเหลวไม่ได้
ตอนที่ฟู่อิ๋นฉือกับทวนพระอังคารสังหารอีกฝ่ายในตอนสุดท้าย แล้วเตรียมจะไปค้นหาต้นไม้เหี่ยวแห้งต้นนั้น สีหน้าของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนพร้อมกัน
ในความว่างเปล่า มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งหลายสายมาถึง แต่ไม่ใช่มารร้ายจากนพยมโลก เป็นคนจากโถงเซียนเส้นทางนอกรีต แม้อยู่ไกล แต่พลังศรัทธาแสงวิเศษก็สาดส่องจักรวาล
ฟู่อวิ๋นฉือกับทวนพระอังคารมองหน้ากัน ต่างขมวดคิ้ว “คนของเส้นทางนอกรีตถึงกับมีเวลาว่างมายังที่นี่?”
สงครามใหญ่ระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาวยังคงไม่สงบ สู้รบกันอย่างดุเดือด
ถึงแม้จะสนใจเรื่องการคืนชีพของสองสุดยอดมารแห่งนพยมโลกเช่นกัน แต่ว่าก็ไม่ได้เข้าร่วมอย่างจริงจัง รวมสมาธิส่วนใหญ่ไว้ระหว่างกันเอง
โดยเฉพาะโถงเซียนยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แทบเอาตัวไม่รอด
หากแต่ตอนนี้การมาถึงที่นี่ของเซียนลี้ลับเส้นทางนอกรีต กษัตริย์โถงเซียนไม่ต่ำกว่าหนึ่ง อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างแท้จริง ต่อจากนี้ไม่ทราบว่าจะยังมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าหรือไม่
“ปีศาจร้ายเส้นทางนอกรีต จงออกจากเส้นทางหลงผิด สวามิภักดิ์กับโถงเซียนเส้นทางหลักของพวกเราโดยเร็ว!” เสียงอันยิ่งใหญ่ดังขึ้น
พวกฟู่อวิ๋นฉือพลันเข้าใจ
โถงเซียนกำลังหาโอกาสชำระล้างผู้เข้มแข็งซึ่งเป็นผู้สืบทอดของสำนักเต๋า เพื่อชดเชยจำนวนคนที่เสียไป!
“ตอนนี้พวกเขาพบพวกเราแค่สองคน” ฟู่อวิ๋นฉือส่งกระแสเสียงแก่ทวนพระอังคารอย่างลับๆ “รีบล่อพวกเขาไป อย่าสู้กันใกล้ๆ เป็นเหตุให้พวกเขาพบต้นไม้แห้งต้นนั้น สหายร่วมสำนักของสหายน้อยเยี่ยนยังมีระดับพลังฝึกปรือห่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบมาก ต้องป้องกันไม่ให้พวกเขาถูกคนของเส้นทางนอกรีตทำร้าย เพาะเมล็ดไว้ในจิตใจ”
ทวนพระอังคารพยักหน้า “มีแต่ทำแบบนี้แล้ว”
คนทั้งสองพุ่งขึ้นฟ้า หนีไปยังที่ไกล ล่อยอดฝีมือจากโถงเซียนให้ไล่ตาม ไม่ทันไรก็เหลือแค่ต้นไม้ที่แห้งกรังต้นนั้นลอยนิ่งอยู่กลางจักรวาลแห่งนี้
ทว่าเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่นี่อย่างรวดเร็ว แล้วมาถึงตรงหน้าต้นไม้แห้ง
เขายื่นมือออกไปฉีกต้นไม้แห้ง กลุ่มแสงที่พวกสือจวินอยู่ด้านในปรากฏขึ้นตรงราก
………………..