ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1414 ความชั่วร้ายของนพยมโลก
“แต่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะวิญญาณฟ้าแฝงอย่างเดียว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางแยกเขี้ยว “อาจารย์ลุงเกาบอกว่า ศิษย์พี่อวี่เดิมทีก็…อืม หลงใหลในวรยุทธ์อยู่แล้วกระมัง”
“ค่อนข้างคล้ายกับราชันพระอังคารกับศิษย์น้องซือคง รักวรยุทธ์จนเป็นนิสัย มักจะจมอยู่ในทะเลมรรคาไร้ชายฝั่ง ยากจะถอนตัวได้”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เอ่ยว่า “ถ้าหากการครอบครองวิญญาณฟ้าแฝง ทำให้นางเข้าสู่การทำความเข้าใจมรรคาที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้ทุกเวลาทุกสถานที่ มีความสุขอยู่ด้านใน สอดคล้องกับความชอบของตน ดังนั้นพอสองอย่างมารวมกันก็แสดงออกมาชัดเจนเป็นพิเศษ”
“นี่เป็นความสุขอย่างหนึ่ง” เฟิงอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยความอิจฉาอยู่บ้าง
สำหรับจอมยุทธ์ สภาพไร้ความคิดไร้สำนึกเป็นสภาพที่ล้วนปรารถนาในตอนที่ฝึกฝน แฝงกลไกของก่อนกำเนิด เหมือนกับกลับสู่ความขมุกขมัวในครรภ์มารดา เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด
การฝึกฝนมรรคายุทธ์ในสภาพนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดีกว่าการใช้ความคิดในยามปกติมากนัก ทว่าสำหรับจอมยุทธ์ส่วนใหญ่ นี่เป็นสภาพที่ไม่อาจหาเจอ ถึงขั้นที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยพบเลยในชีวิต นี่เป็นโอกาสหายากสำหรับยอดฝีมือที่เลื่อนสู่ระดับเซียน มีแต่ต้องระดับสูงถึงขั้นหนึ่ง จึงจะเข้าสู่สภาพนี้ได้ดั่งใจนึก
ตัวเฟิงอวิ๋นเซิงหลังจากเข้าไปในนพยมโลกรอบหนึ่ง การเข้าสู่สภาพไร้ความคิดไร้คำนึงในการฝึกฝนวรยุทธ์บำเพ็ญเพียร ณ ตอนนี้เพิ่งจะมีวิถีทาง แต่ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปได้
นอกจากข้อยกเว้นอย่างเฉินเฉียนหัวแล้ว เมื่อคนที่ฝึกฝนวรยุทธ์เดินไปถึงระดับหนึ่ง ส่วนใหญ่ต่างเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและความสงสัยต่อความลี้ลับของหลักการแห่งฟ้าดิน
ระดับยิ่งสูง ยิ่งต้องการจะล้วงลึกเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง
เฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ย่อมค่อนข้างอิจฉาสภาพของอวี่เยี่ย
“ข้อดียังไม่ได้มีแค่นี้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่อวี่ ต้านทานเสียงมหามรรคาได้แต่กำเนิด”
เฟิงอวิ๋นเซิงใคร่ครวญ “จริงด้วย ถึงนางมักจะเข้าไปอยู่ในสภาพไร้ความคิดไร้สำนึกโดยไม่อาจควบคุม แต่ถ้าคิดถอยออกมาจากสภาพนี้กลับง่ายดายยิ่ง แต่คนอื่นคิดใช้เสียงมหามรรคาสะกดนางกลับไม่มีประโยชน์”
เซียนกำเนิดสุญญตา ขณะที่เคลื่อนไหวจะมีเสียงมหามรรคาดังติดตาม
คนที่ยังไม่ได้เป็นเซียนลี้ลับ ฝึกฝนวายุเซียนไม่สำเร็จล้วนถูกสะกด หัวสมองจะขาวโพลน เหมือนกับติดอยู่ในห้วงไร้ความคิดไร้สำนึก
กล่าวให้ถูกต้อง ยังมีความแตกต่างจากห้วงไร้ความคิดไร้สำนึกที่แท้จริง
อยางหนึ่งคือกระทำได้เอง อย่างหนึ่งคือถูกพลังภายนอกสะกด
แต่เทียบกันแล้ว มีส่วนที่คล้ายคลึงกันอยู่
สภาพนี้เป็นสิ่งที่คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ย่อมปรารถนา
ในยุคโบราณจึงเคยมีเซียนกำเนิดส่งเสียงมหามรรคา สะกดลูกศิษย์ในสำนัก บังคับพวกเขาเข้าสู่สภาพไร้ความคิดไร้คำนึง เพื่อให้ทำความเข้าใจมรรคา
แต่ประการแรก การทำแบบนี้หากผ่านไปนานเข้าจะมีอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อคนที่ถูกสะกด ประการที่สอง การทำเช่นนี้ใช่จะทำให้การศึกษาหลักการแห่งฟ้าดินสอดคล้องกับความลี้ลับในวรยุทธ์ของตัวเอง
วิธีการแบบนี้จึงมีคนส่วนน้อยที่ทำตามแต่โอกาส
ในเวลาส่วนใหญ่ เสียงมหามรรคาเป็นสัญลักษณ์ทางสถานะของเซียนกำเนิด และเป็นอาวุธที่เอาไว้จัดการศัตรูซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับเซียนลี้ลับ
เยี่ยนจ้าวเกอมีคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตสร้างรากฐาน ขณะเดียวกันยังครอบครองหมัดแปลงกำเนิดสายเอกพิสุทธิ์กับกระบี่ลงทัณฑ์เซียนสายเหนือพิสุทธิ์ หนำซ้ำยังฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน เข้าใจวรยุทธ์ต่างๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง สับเปลี่ยนได้ดั่งใจนึก จึงทำให้เขาต่อต้านการสะกดจากเสียงมหามรรคาในระดับเซียนจริงแท้ได้
แต่นี่ก็เกี่ยวข้องกับความสูงต่ำของระดับพลังฝึกปรือของเขาด้วย ถ้าหากว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีระดับพลังฝึกปรือต่ำเกินไป ก็ยังคงถูกเสียงมหามรรคาสะกดวิญญาณและความนึกคิดจนขยับไม่ได้อยู่ดี
อวี่เยี่ยที่ครอบคคองวิญญาณฟ้าแฝงไม่เหมือนกัน นางสามารถต้านเสียงมหามรรคาได้แต่เกิด
“เช่นนั้นพวกเราอย่าเพิ่งไปรบกวนนางดีหรือไม่” เฟิงอวิ๋นเซิงมองอวี่เยี่ยแวบหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางพยักหน้า
ทว่าพวกเขารออยู่ไม่นานเท่าไร ครั้งนี้อวี่เยี่ยได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงตัวตนอย่างสิบสองเทพมารสวรรค์ ข้าจำเป็นต้องกลับไปแจ้งท่านตาท่านยาย เกรงว่าอาจทำให้เจ้าแม่อู๋ตังเคลื่อนไหว”
“นี่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนที่พวกเรากลับฟ้าเหนือฟ้าในครั้งนี้ก็ได้ส่งข่าวไปที่มรกตท่องฟ้า บอกผู้อาวุโสเกาและอาจารย์อปู่น้อยหลงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ตอนนั้นศิษย์พี่อวี่ท่านคงจะออกจากมรกตท่องฟ้ามาหาพวกเราแล้วจึงไม่ทราบเรื่อง”
อวี่เยี่ยกระจ่างแจ้ง “อ้อ เช่นนั้นก็ดี”
“คิดว่าพวกผู้อาวุโสเกาจะติดต่อกับเจ้าแม่อู๋ตังโดยเร็วที่สุด” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางกล่าว “พวกเรากลับมาในครั้งนี้ยังได้ติดต่อใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋กับราชันพระอังคารเช่นกัน การต่อสู้กับนพยมโลกในครั้งนี้ พวกเราต้องคิดให้รอบคอบ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายอาจมียอดฝีมือวิถีมารที่เทียบได้กับเทวกษัตริย์สำนักเต๋าไม่ต่ำกว่าหนึ่งตน มาตรว่านพยมโลกเป็นมุสิกข้ามถนนผู้คนพากันทุบตี พวกเราก็ไม่อาจไม่ระวัง”
เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “มารร้ายเป็นศัตรูของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เต๋าจึงเรืองโรจน์ ส่วนมารเสื่อมถอย นพยมโลกหดหัวไม่กล้าออกมา เพียงกล้าเคลื่อนไหวในที่ลับ แต่ว่าพลังของนพยมโลกท้ายที่สุดก็ยังแข็งแกร่งถึงขีดสุด ต่อให้หลายปีมานี้จะโดนผนึกกำลังโจมตีก็ยังคงไม่อาจดูแคลน”
“นี่ย่อมแน่นอน” อวี่เยี่ยว่า “หากต้องนับขุมกำลังที่หัวเดียวกระเทียมลีบ โถงเซียนเส้นทางนอกรีตกับแดนสุขาวดีบัวขาวเกรงว่าจะสู้นพยมโลกไม่ได้”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ความถูกต้องกับมารอยู่ตรงกันข้าม เหมือนกับขั้วสองขั้ว ถึงมีระดับไม่เท่ากัน แต่ความร้ายกาจของมารร้ายยังเป็นที่ทำนายได้”
ก่อนการเปิดฟ้า ธรรมชาติเริ่มต้น ในความโกลาหลขมุกขมัวมีบรมครูสามพิสุทธิ์สร้างสำนักเต๋า มีสามกษัตริย์โบราณอยู่บนโลก มีสองศาสดานิกายตะวันตกสร้างสิ่งใหม่ ต่างฝ่ายต่างมีการกระทบกระทั่งกัน
แต่ในตอนเผชิญการผงาดของวิถีมาร ถือว่าทุกคนเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันโดยระดับหนึ่ง
วิถีมารที่เผชิญกับพวกเขา หกบรรพมารไร้เทียมทานในสิบสองเทพมารสวรรค์ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง
ตามปกติแล้ว ต่อให้ตอนตอนสุดท้ายมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมไม่โผล่ขึ้น วิถีมารก็มีบรรพบุรุษมรรคาถึงห้าตน
ยังไม่เอ่ยถึงว่าในนี้มีการแบ่งแข็งแกร่งอ่อนแอหรือไม่ เพียงดูที่จำนวน วิถีมารถึงกับเป็นเส้นทางซึ่งมีบรรพบุรุษมรรคาในหลักมรรคาหนึ่งที่แยกเดี่ยวออกมามากที่สุด
สุดท้ายเป็นเพราะบรรพมารปรากฏตัวไม่พร้อมกัน แต่ว่าโผล่ขึ้นมาตามลำดับ จึงถูกคว้าช่องโหว่เอาไว้
บรมครูเทวกษัตริย์เต๋าสายเอกพิสุทธิ์แห่งสำนักเต๋าแปลงกายเป็นมารสวรรค์สูงสุด กลายเป็นบรรพมารตนที่สาม ส่วนนักพรตเจียอิ่น ศาสดานิกายตะวันตกหรืออมิตาภพุทธเจ้าก็แปลงเป็นมารสวรรค์ไร้รูป กลายเป็นบรรพมารตนที่สี่
ด้วยเหตุนี้ วิถีมารจึงได้รับความเสียหายตั้งแต่กำเนิด
หนำซ้ำแต่ละฝ่ายยังร่วมมือกันสะกดวิถีมาร
มารสวรรค์บุพกาลบรรพบุรุษแห่งเหล่ามาร และเป็นบรรพมารตนแรกถูกสะกด
มารสวรรค์ธรรมชาติ บรรพมารตนที่สองถูกสังหาร ซากศพกลายเป็นพยมโลก
พอถึงตอนนี้ สภาวะเต๋ารุ่งโรจน์มารเสื่อมโทรมจึงถูกกำหนด วิถีมารกลายเป็นมุสิกข้ามถนน ถูกคนพากันทุบตี ถึงจะมีนพยมโลกเป็นที่พักพิงและแอบวางแผนมาโดยตลอด แต่ว่าก็ไม่เคยพลิกตัวได้จริงๆ
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ผู้คนก็ยังคงไม่อาจดูแคลนความแข็งแกร่งของนพยมโลก
เรื่องราวในครั้งนี้ไม่ใช่มารทั่วไปมาเกิดใหม่ แต่เป็นมารสองตนในหกสุดยอดมารซึ่งอยู่ในสิบสองเทพมารสวรรค์อีกที่ต้องการคืนชีพพร้อมกัน นพยมโลกจะต้องให้ความสำคัญถึงขีดสุด
“ต่อให้เป็นตัวตนอย่างมารสวรรค์ไร้พันธนา ไปจนตลอดพวกมารจิตและมารเงาก็ยังต้องกริ่งเกรงขุมกำลังอื่นๆ โต้ตอบจนโดนสะกด ไม่อาจวู่วามเคลื่อนโหว นพยมโลกก็มีมารที่แข็งแกร่งตนอื่นเช่นกัน” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสียงเบา
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอวี่เยี่ยพยักหน้าตอบว่าใช่