ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1334 เก็บผลพวง
เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญกับกับการพิจารณาของกษัตริย์เถา ไม่ได้หลบเลี่ยง พยักหน้าอย่างสงบเยือกเย็น “ใต้เท้ากษัตริย์เถาอยู่ต่อหน้า เยี่ยนจ้าวเกอขอคารวะแล้ว ท่านปู่คือราชันพระศุกร์”
“ลูกของคนดัง คลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า” กษัตริย์เถาไม่ได้ถามไถ่ถึงชาติกำเนิดของเยี่ยนจ้าวเกอต่อ
นางเพียงพิจารณาร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก “ร่างแยกอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าแล้ว ร่างจริงของเจ้าเกรงว่าอีกไม่ไกลคงเลื่อนสู่ระดับเซียนแล้วกระมัง? หรือว่าก้าวเท้าก้าวสุดท้ายนั้นออกแล้ว?”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบตรงๆ “ยังขาดก้าวสุดท้าย แต่ข้ามั่นใจว่าจะก้าวเท้าก้าวนั้นในเร็ววัน”
“เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องย้ายมรกตท่องฟ้าออกจากจักรวาลสำนักเต๋า นั่นหมายความว่าเจ้าหลอมเปลี่ยนควบคุมตำหนักโอสถได้ดีกว่าเดิม และจักรวาลที่เกิดจากตำหนักโอสถก็มีความมั่นคงมากกว่าเดิม” กษัตริย์เถามองเยี่ยนจ้าวเกอ พูดว่า “หรือเจ้าคิดอาศัยตำหนักโอสถ สร้างโลกใบหนึ่ง พร้อมกับก้าวเท้าก้าวสุดท้ายนั้น?”
“ใต้เท้ากษัตริย์เถาสายตาดุจดั่งคบเพลิง” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ข้ามีความคิดเช่นนี้เอง”
โอกาสเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ
ถ้าหากไม่มีการช่วยเหลือจากตำหนักโอสถ ด้วยขีดความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ ยากจะอาศัยระดับปัจจุบันทำขึ้นมาได้
โชคในครั้งนี้มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนคัมภีร์เบิกนภาของเขาอย่างใหญ่หลวง
ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยต่อความรุดหน้าในการฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกันของเขา
เส้นทางที่เขาเลือกเดิน ยามฝึกฝนมีระดับความยากเหนือกว่าคนอื่นๆ อยู่แล้ว การทำลายอุปสรรคอย่างความแตกต่างระหว่างมนุษย์และเซียน ยิ่งเต็มไปด้วยความยากลำบากมากมาย
ในปัจจุบันโอกาสนี้ไม่ต่างอะไรกับโชคหล่นจากฟ้า ขอแค่ใช้ให้เหมาะสม ก็จะประหยัดเวลาและพลังสมาธิได้มากมาย
ทางลัดหายาก ไม่ใช่เพราะไม่อาจวิงวอนให้ได้มา แต่ว่าแฝงภัยซ่อนเร้นเอาไว้
ทว่าตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับกำลังเจอทางลัดที่ไม่เพียงไร้อันตราย กลับมีประโยชน์ และมีส่วนช่วยต่อการฝึกฝนอันยาวไกลของตัวเอง
โอกาสแบบนี้ เรียกได้ว่าพันปียากพบพาน ถึงขั้นหมื่นปียากพบพาน
ครั้งกระโน้นเขาเสี่ยงอันตราย จัดการวิญญาณตำหนักโอสถ ปัจจุบันผลพวงแห่งความสำเร็จในที่สุดก็เริ่มสุกงอมทีละผลๆ
ถึงแม้คนที่อยู่รอบๆ จะมีคาดการณ์ในใจบ้างแล้ว พอได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอยอมรับเรื่องนี้ ความรู้สึกก็ซับซ้อน ยิ่งรู้สึกได้ถึงความตื่นตระหนก
จักรพรรดิสัญญะเมฆผ่านมรสุมมาหลายร้อยปี ทราบถึงความไม่ธรรมดาของเยี่ยนจ้าวเกอมาแต่แรก ทว่าตอนนี้ยังคงทอดถอนใจ
มรกตท่องฟ้าที่ทุกคนอยู่ในตอนนี้ ตอนที่บุกเบิก เขาเป็นหนึ่งในผู้สถาปนา ได้พบยุคที่เปลี่ยนจากความมืดสู่แสงสว่างด้วยตัวเอง
ปัจจุบันโลกใบใหม่กำลังจะปรากฏขึ้นตรงหน้า
“คนรุ่นหลังน่ากลัวนัก ไม่เสียทีที่ได้ชื่อเซียนผู้ถูกเนรเทศ” กษัตริย์เถาพยักหน้า จากนั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวอย่างสงบนิ่ง “ข้าทราบถึงความตั้งใจแรกของเจ้า ถือเป็นความปราถนาดี สำหรับมรกตท่องฟ้าแล้ว หากได้เข้าไปอยู่ในตำหนักโอสถ ล่องลอยอยู่ในมิติต่างแดน ปีศาจร้ายเส้นทางนอกรีตยากจะตามหาร่องรอยที่อยู่”
“แต่เหมือนอย่างตอนที่พวกเจ้าออกจากจักรวาลสำนักเต๋าในตอนแรก นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะกระทำอย่างไร้สุ้มไร้เสียง และสำเร็จได้ในครั้งเดียว ตอนนั้นจะต้องดึงดูดความสนใจของศัตรูแน่นอน”
กษัตริย์เถาส่ายหน้า “หากศัตรูบุกมาจู่โจมในตอนนั้น สำหรับพวกเจ้า สำหรับมรกตท่องฟ้า ล้วนไม่เป็นผลดี”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ฝั่งเจ้ากับฝั่งข้าถึงแม้จะมีช่องว่าง แต่สุดท้ายถือเป็นสามพิสุทธิ์สายหลักเหมือนกัน พวกเจ้าได้รับตำหนักโอสถแห่งวังเทพมา ต้องระวังกว่าเดิม ไม่ให้มารร้ายเส้นทางนอกรีตได้เปรียบเมื่อถึงเวลา”
“การเข้าสู่ตำหนักโอสถ กลับอาจดึงดูดความต้องการและการไล่ล่าจากอีกฝ่ายมากกว่าเดิม” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “แต่ขออภัยที่ข้าขอกล่าวตรงๆ มรกตท่องฟ้าหากรั้งอยู่ในจักรวาลนี้ต่อ ก็ถูกศัตรูแต่ละฝ่ายจับจ้องอยู่ดี”
“ความสัมพันธ์ของข้าและบิดา กับใต้เท้ากษัตริย์ลี้ลับและอาจารย์อารุ่นปู่หลง ไม่ใช่ความลับสำหรับคนอื่นๆ เพื่อตามหาพวกข้าและตำหนักโอสถ อีกฝ่ายย่อมจับตาดูมรกตท่องฟ้า”
“เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะข้าส่งผลต่อพวกท่าน ข้าผู้แซ่เยี่ยนรู้สึกผิดจากใจจริง ทว่านอกจากวิธีในปัจจุบัน กลับนึกหาวิธีชดเชยอย่างอื่นไม่ออก”
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้แก่ผู้มีอำนาจสายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่รอบๆ กล่าววาจาอย่างเคร่งขรึม
กษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียนที่อยู่ด้านข้างส่ายหน้าอย่างแช่มช้า “เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าอย่าได้โทษตัวเองไป”
ถึงแม้จะนั่งตำแหน่งรองจากกษัตริย์เถา หนำซ้ำยังไม่เผยให้เห็นสภาวะใดๆ แต่ว่าความรู้สึกการดำรงอยู่ของสตรีอาภรณ์เขียวนางนี้ยังคงแข็งแกร่งที่สุดในผู้คนที่อยู่รอบๆ
ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งเข้ามาในนิวาสสถาน คนที่สังเกตเห็นเป็นอันดับแรกก็คือนาง
กษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งที่แท้จริงแห่งมรกตท่องฟ้าในปัจจุบัน กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งในจอมยุทธ์รุ่นใหม่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของสายเหนือพิสุทธิ์
พลังของนางไม่จำเป็นต้องกล่าวมากความ แค่ดูฉายาของนางก็ตอบคำถามทุกอย่างได้
หลังจากสั่วหมิงจางเปลี่ยนห้าปราณให้มุ่งสู่ต้นกำเนิด ไม่ใช่เซียนลี้ลับอีกต่อไป ฉายากษัตริย์ของเกาชิงเสวียนก็เปลี่ยนจาก ‘กษัตริย์วังวน’ เป็น ‘กษัตริย์ลี้ลับ’
นี่ไม่ใช่นางเปลี่ยนเอง แต่เป็นข้อตกลงร่วมกันของคนอื่นๆ อย่างน้อยก็เป็นความเห็นด้วยของคนส่วนใหญ่
ยิ่งเป็นจอมยุทธ์ระดับสุดยอด ยิ่งเป็นคนที่ทะนงตน ก็ยิ่งยอมให้ผู้อื่นยาก
นอกจากจะยืนยันแล้วว่าสองฝ่ายมีความแตกต่างมหาศาลอย่างชัดเจนเกินไป ไม่อย่างนั้นมาตรแม้นว่าอีกฝ่ายจะมีชื่อเสียงโด่งดังในสถานที่อื่น เมื่อไม่ได้ต่อสู้ด้วยตัวเอง ผู้ใดกล้าบอกว่าตนจะแพ้หรือชนะอย่างแน่นอนบ้าง?
ดังนั้นฉายากษัตริย์ลี้ลับของเกาชิงเสวียน ทำให้คนถือสายิ่งกว่าฉายากษัตริย์กระบี่ของเยว่เจิ้นเป่ยเสียอีก
กษัตริย์ลี้ลับ หมายถึงเซียนลี้ลับที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ เป็นกษัตริย์ในหมู่กษัตริย์
แต่ว่าตั้งแต่ผู้คนพากันเรียกนางเป็น ‘กษัตริย์ลี้ลับ’ จนถึงวันนี้ ตำแหน่งของเกาชิงเสวียนยังไม่เคยมีใครโยกคลอนได้
“ขอบคุณที่ใต้เท้ากษัตริย์ลี้ลับให้อภัย ผู้เยาว์ละอายใจนัก” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้เกาชิงเสวียน
ครั้งกระโน้น คนในมรกตท่องฟ้าที่มีความสัมพันธ์กับตี๋ชิงเหลียนย่าของตนดีที่สุด ก็คือกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน
ความตายของตี๋ชิงเหลียนทำให้เกาชิงเสวียนเสียใจยิ่ง
แต่ว่า นางไม่ได้กล่าวโทษผู้สืบทอดของเยี่ยนซิงถางเหมือนกับกษัตริย์เถา ทั้งช่วยไกล่เกลี่ยสองฝ่ายมาตลอด
ในนี้มีเหตุผลมาจากหลงจักรพรรดิน้ำพุ แต่ก็มีเหตุผลมาจากการนึกถึงตี๋ชิงเหลียนผู้เป็นศิษย์น้องเช่นกัน
ตามที่เกาชิงเสวียนทราบ แม้ศิษย์น้องของตนจะเสียชีวิตไปเร็ว แต่เรื่องที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต หาใช่การใช้กระบี่สยบจักรวาลไม่ แต่เป็นการได้ครองรักกับเยี่ยนซิงถางสามีของนาง
ดังนั้นในเมื่อผู้ตายได้ตายไปแล้ว หากคนที่อยู่มัวแต่คับแค้นใจ กลับไม่ใช่เรื่องที่ผู้ตายต้องการเห็น
กษัตริย์กระบี่เยว่เจิ้นเป่ยแม้มีความสัมพันธ์กับมรกตท่องฟ้าเลวร้ายสุดขีด แต่ว่าต่อกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน ยังคงมีความเคารพ เวลากล่าววาจายังใช้ถ้อยให้เกียรติ
เยี่ยนจ้าวเกอย่อมจดจำน้ำใจของกษัตริย์ลี้ลับกับจักรพรรดิน้ำพุไว้ในใจ
คัมภีร์กระบี่ลวงเซียนของเขา ตอนแรกสุดเป็นกษัตริย์ลี้ลับมอบให้
“วันนี้้สองเส้นทางนอกรีตร่วมมือกับเผ่าปีศาจและศาสนาพุทธสายหลัก ต่อสู้กันเอง สำหรับข้าแล้ว สภาพแวดล้อมค่อนข้างผ่อนคลาย เป็นโอกาสในการเคลื่อนไหว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ตอนนี้อีกฝ่ายอาจยังแค่จับตาดูจักรวาลสำนักเต๋า มรกตท่องฟ้าและโลกซ้อนโลก แต่ยากรับประกันว่าพวกเขาจะลงมือหยั่งเชิงอย่างแท้จริงตอนไหน”
เขาหันไปมองกษัตริย์เถา “แม้หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ อีกฝ่ายไม่มีทางเข่นฆ่าสำนักเต๋าสายหลักของเราจนหมดสิ้น แต่ว่าแค่ส่งคนไม่กี่คนมา พวกเขาสมควรไร้ข้อกริ่งเกรง ขอแค่พัวพันเจ้าแม่อู๋ตังว้ได้ก็เพียงพอแล้ว”
แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ยอดฝีมือที่อาจซ่อนอยู่ แม้แต่เจ้าแม่อู๋ตังก็ยังต้องระวัง
ตอนนี้สองฝ่ายทำสงครามกัน มีผู้ยิ่งใหญ่ระดับเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลลงมือแล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจรับประกันว่าจะมียอดฝีมือระดับเดียวกันอยู่อีกหรือไม่
“สำหรับสำนักเต๋าสายหลักของพวกเราแล้ว หลักประกันที่ดีที่สุดนั้นความจริงไม่ได้มั่นคง” เยี่ยนจ้าวเกอลดเสียงกล่าว “ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เกรงว่าคงไม่มีวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น”
………………..