ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 737 ช่วยข้าจัดการเรื่องราวสองอย่าง
เมื่อพูดถึงหยวนเจิ้งเฟิง ผู้อาวุโสของภูเขาหิมะไพศาลคนนั้นก็ถอนใจชมเชยขึ้น
ก่อนหน้านี้หยวนเจิ้งเฟิงในฐานะที่เป็นแขกของหอพัดคลื่น เขาไม่ค่อยลงมือนัก แต่ถ้าลงมือขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีใครหยุดยั้งได้
ถึงขั้นที่คนส่วนใหญ่เคยประเมินค่าเขาต่ำไป จนกระทั่งไม่นานมานี้สำนักตะวันซ้อนทำสงครามกับหอพัดคลื่นติดต่อกัน หยวนเจิ้งเฟิงสุดท้ายลงมือสุดกำลัง ทุกคนจึงค่อยทราบว่าเขามีพลังที่สามารถสยบโลกยมทะยานได้ทั้งใบ
ต่อให้จะเป็นไป๋จื่อหมิงที่เพิ่งลอยขึ้นโลกซ้อนโลกได้ไม่นาน หากเป็นตอนที่เขาอยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามเท่ากับหยวนเจิ้งเฟิง แค่เพียงด้านพลังก็สู้ไม่ได้แล้ว
เรื่องนี้กลับเป็นเรื่องที่ไป๋จื่อหมิงซึ่งลอยขึ้นไปแล้วไม่ทราบ
ผู้อาวุโสภูเขาหิมะไพศาลทั้งสี่ในยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ ที่เรียกตัวเองเป็นศิษย์หลานของหยวนเจิ้งเฟิง ต่างก็ถอนในจชมเชย กล่าวในใจว่าที่แท้เป็นเช่นนี้
หยวนเจิ้งเฟิงปรากฏตัวขึ้นที่โลกยมทะยานอย่างกะทันหัน มีประวัติความเป็นมาเป็นปริศนา ทุกคนต่างคาดเดาว่าเขามาจากโลกใบอื่น
ปัจจุบันผู้อาวุโสของภูเขาหิมะไพศาลเหล่านี้คิดว่าหยวนเจิ้งเฟิงอาศัยอยู่ในโลกซ้อนโลก แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดจึงมาที่โลกยมทะยาน
ก่อนหน้านี้ที่หยวนเจิ้งเฟิงทำตัวสงบเสงี่ยม ตั้งใจฝึกฝนวิชา พวกเขากลับคิดว่าเพื่อจะได้กลับโลกซ้อนโลกเร็วๆ ตอนนี้มองไปก็ดูสมเหตุสมผลดี
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่มีเวลามาใคร่ครวญความคิดของพวกเขา
เขาในตอนนี้ถูกขังอยู่ในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ กลับไม่ถือว่าอยู่ในอันตราย
สถานการณ์เป็นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอสร้างขึ้นเอง เขาย่อมมีวิธีเอาตัวรอด
แต่ว่าในเวลาสั้นๆ ก็ยากจะลงมายังโลกยมทะยานอีก
หยวนเจิ้งเฟิงผู้เป็นอาจารย์ปู่ของตนถูกขังอยู่ในโลกยมทะยาน ถึงแม้ว่าปัญหาจะไม่ร้ายแรงมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ก็ไม่ใช่ว่าจะดีนัก
เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้อาศัยหยกแขวนวิญญาณจุติของไป๋จื่อหมิง จิตสายหนึ่งมายังโลกซ้อนโลก ได้แต่คงสภาพได้ชั่วคราวเท่านั้น
‘อาศัยชัยภูมิของตาน้ำทะเลวางค่ายกล…’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด ก่อนจะโพล่งขึ้นว่า “ทุกท่านช่วยบรรยายตาน้ำทะเลที่ทะเลตะวันตกให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
จอมยุทธ์ภูเขาหิมะไพศาลทั้งสี่ได้ยินดังนั้นต่างก็งงงัน หลังจากสบตากันเองก็ให้คนหนึ่งในนั้นอธิบายสถานการณ์ของที่นั้นกับเยี่ยนจ้าวเกอ
‘เป็นตาน้ำทะเลรูปแบบน้ำวน เช่นนั้นก็ประเสริฐ…’ หลังจากได้ยิน เยี่ยนจ้าวเกอก็วางใจลง แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ามีเรื่องสองประการต้องการไหว้วาน ขอให้ทุกท่านโปรดช่วยเหลือด้วย”
ผู้อาวุโสของภูเขาหิมะไพศาลต่างเงียบงันลง
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีหยกแขวนวิญญาณจุติของไป๋จื่อหมิง แต่ว่าชายหนุ่มบอกกล่าวว่าตนรู้จักกับไป๋จื่อหมิงเพียงฝ่ายเดียว ความจริงแล้วพวกเขายังคงกังขาในสถานะของเยี่ยนจ้าวเกออยู่เล็กน้อย
กระนั้นหลังจากส่งกระแสเสียง ปรึกษากันและกันเสร็จ พวกเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณชายเยี่ยนโปรดบอกก่อนได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องอะไร?”
ฟังจากความตั้งใจในคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาเหมือนจะไม่ได้ต้องการให้พวกเขาลงมือช่วยเหลือหยวนเจิ้งเฟิงต่อสู้กับสำนักตะวันซ้อน
นี่ทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ว่า เยี่ยนจ้าวเกอคิดทำอะไรกันแน่
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “ความจริงไม่ยากเย็น ข้าเคยได้ยินท่านผู้อาวุโสไป๋เล่าว่า บนโลกยมทะยานมีของวิเศษชื่อว่ากระดูกทะเลไร้ร่องรอยใช่หรือไม่?”
เจ้าสำนักคนปัจจุบันของภูเขาหิมะไพศาลพยักหน้า “มิผิด สิ่งนี้เป็นผลผลิตของทะเลตะวันตก”
“ประการแรก ข้าอยากไหว้วานให้ทุกท่านในภูเขาหิมะไพศาลเก็บรวบรวมกระดูกทะเลไร้ร่องรอยสักจำนวนหนึ่ง ไม่ต้องมากนัก แค่กระดูกทะเลในสภาพสมบูรณ์สามสี่ชิ้นก็พอ จากนั้นฝังมันที่ทางเหนือของหลุมตาน้ำทะเลบนทะเลตะวันตก โดยให้ห่างออกมาเจ็ดร้อยลี้ จากนั้นเจาะใยดิน ให้เข้าไปถึงแกนไฟใดดิน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
อีกฝ่ายถาม “จากนั้นเล่า?”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเบาๆ “เรื่องประการแรกมีแค่นี้ ง่ายดายเช่นนี้เอง ไม่จำเป็นต้องทำอย่างอื่น”
จอมยุทธ์ภูเขาหิมะไพศาลท่านมองข้าข้ามองท่าน ใบหน้าประหลาดใจเหลือแสน
ชายหนุ่มว่า “ทุกท่านแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ต่อจากนั้นก็ทำใจสบายๆ มองดูอาจารย์ปู่ของข้าออกจากตาน้ำทะเลมาต่อสู้กับสำนักตะวันซ้อน สำหรับสำนักท่านเป็นเรื่องประเสริฐมากไม่ใช่หรือ?”
ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ อีกทั้งยังไม่ต้องให้ตัวเองไปเสี่ยงอันตรายด้วย…
สำหรับข้อนี้ คนในภูเขาหิมะไพศาลกลับก็ไม่ได้ตะขิดตะขวางใจอะไร เพียงแต่รู้สึกยากจะเชื่อเท่านั้น
ระยะทางเจ็ดร้อยลี้ใกล้มาก สำหรับยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ใกล้เหมือนกับห่างกันไม่กี่คืบ หากพวกเขาไปฝังกระดูกทะเลไร้ร่องรอย ย่อมถูกสำนักตะวันซ้อนพบตัว
กระนั้นแค่การกระทำนี้ ในสถานการณ์ที่สำนักตะวันซ้อนไม่รู้ความจริง พวกเขาก็น่าจะไม่สนใจนัก
ถึงอย่างไรหยวนเจิ้งเฟิงที่อยู่ในตาน้ำทะเลก็ทำให้พวกเขาศีรษะไหม้หน้าผากเกรียมกันหมดแล้ว ก่อนที่จะจัดการหยวนเจิ้งเฟิง สำนักตะวันซ้อนมาตรว่าจะมีสภาวะยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่อยากให้มีข้อบนกิ่งก้าน[1]
ภูเขาหิมะไพศาลเองก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม ไป๋จื่อหมิงลอยขึ้นไปแล้ว ภูเขาหิมะไพศาลในที่สุดก็มีคนอยู่บนโลกซ้อนโลก
“เรื่องที่สองเล่า?” เจ้าสำนักภูเขาหิมะไพศาลไม่ได้รับปาก และปฏิเสธรับปาก หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็ถามขึ้นอีกว่า “ไม่ทราบว่าเรื่องที่คุณชายเยี่ยนกล่าวคืออะไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “เรื่องที่สอง ให้รอเหตุการณ์ที่ทะเลตะวันตกจบลง จากนั้นขอให้สำนักท่านพาอาจารย์ปู่ของข้ามาที่ตำหนักน้ำแข็ง แล้วมอบยันต์วิญญาณสองใบนี้ให้แก่เขา”
ครั้นพูดจบ เทวรูปของไป๋จื่อหมิงที่จิตของเยี่ยนจ้าวเกอสิงอยู่ ก็มีแสงสว่างกะพริบด้านในดวงตาทั้งสอง
แสงสว่างสายหนึ่งสาดออกมาจากในเทวรูป จากนั้นก็แยกกันรวมตัวกลายเป็นลวดลายอาคมสองสายด้านหน้าแท่นบูชาเทวรูป
จอมยุทธ์ภูเขาหิมะไพศาลสี่คนเห็นดังนั้น ก็พอจะจำได้รางๆ ว่าเป็นสิ่งที่คล้ายกับเครื่องหมายมิติ ทว่ารายละเอียดที่มากกว่านั้นกลับมองไม่ออก
หลังจากเจ้าสำนักคนปัจจุบันของภูเขาหิมะไพศาลไตร่ตรองแล้ว ก็หยิบยันต์หยกสองใบออกมาบรรจุลวดลายแสงสองลาย สร้างเป็นยันต์วิญญาณ
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน สนทนากันเงียบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอรออยู่สักพัก เห็นพวกเขายังคงนิ่งงัน ก็กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ครั้งนี้ข้ายืนยันตำแหน่งของโลกยมทะยานแล้ว ครั้งหน้าหากท่านผู้อาวุโสไป๋อยากจะจุติ หรือว่านำร่างจริงกลับโลกยมทะยาน ต่างสะดวกสบายขึ้นมาก”
“โลกซ้อนโลก มีสามจักรพรรดิห้าราชา ประมุขทั้งสิบเป็นผู้ปกครอง ปัจจุบันท่านผู้อาวุโสไป๋เป็นแขกของลูกศิษย์ขององค์ประมุขอาคเนย์ มีเวลามากมายและสามารถทำอะไรก็ได้ คาดว่าอีกเดี๋ยวคงจะติดต่อกับทุกท่านเอง”
คนในภูเขาหิมะไพศาลได้ยินดังนั้น ต่างก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนพูดโดยไม่ใส่ใจ แต่ไม่ใช่ไร้เป้าหมาย กลับบอกเป็นนัยๆ ว่าตอนนี้ไป๋จื่อหมิงสบายดี ตั้งหลักในโลกซ้อนโลกได้แล้ว ทั้งยังมีต้นไหม้ใหญ่ให้พักพิง
สำนักตะวันซ้อนแม้จะมีขุมกำลังไม่น้อยบนโลกซ้อนโลก แต่ไป๋จื่อหมิงเองก็ใช่ว่าจะกริ่งเกรงพวกเขา
ด้วยเหตุนี้ ภูเขาหิมะไพศาลก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าสำนักตะวันซ้อนจะสร้างความลำบากให้ในโลกยมทะยานอีก
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเองก็ไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตของสำนักตะวันซ้อน สำนักตะวันซ้อนคิดจะเสี่ยงชีวิตกับภูเขาหิมะไพศาล ยังต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน
เมื่อไม่มีอะไรให้ห่วงหน้าพะวงหลัง ชายชราที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามผู้นั้นก็มองไปยังคนในสำนักสามคน ลอบส่งกระแสเสียงว่า “ถ้าหากเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้โกหก เช่นนั้นเบื้องหลังของเขา และเบื้องหลังของหยวนเจิ้งเฟิงก็ไม่อาจดูแคลน ไม่อย่างนั้นศิษย์พี่ไป๋คงไม่ให้ยืมหยกแขวนวิญญาณจุติ”
คนหนึ่งกล่าวด้วยความลังเล “ตอนนี้พวกเราติดต่อกับศิษย์พี่ไป๋ไม่ได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าคำพูดของเขาเป็นจริงหรือปลอม?”
ชายชราว่า “การกระทำเมื่อครู่ของเขา ได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของตัวเองไม่ใช่คำลวง”
อีกฝ่ายเข้าใจ “ถูกต้อง บวกกับความสามารถในการสร้างยันต์วิญญาณที่เหมือนศิษย์พี่ไป๋ไม่ผิดเพี้ยนแล้ว ศิษย์พี่ไป๋น่าจะเป็นคนสอนให้แก่เขา เพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย”
ในดวงตาของเขาฉายแววเย็นชา “หยวนเจิ้งเฟิงออกมาจากตาน้ำทะเล สำนักตะวันซ้อนจะขวางเขาได้หรือไม่ยังเป็นปัญหา ไม่มีเวลามาเอาคืนพวกเราแน่”
“ถ้าสำนักตะวันซ้อนอ่อนแอลง โลกยมทะยานก็จะกลายเป็นของภูเขาหิมะไพศาล ไม่จำเป็นตัวกลัวความเสี่ยงอะไรอีกแล้ว”
สามคนที่เหลือได้ยินต่างนิ่งเงียบ ครู่ต่อมาค่อยพยักหน้าอย่างช้าๆ
ชายชราพูดขึ้นอย่างรำพึงรำพัน “คุณชายเยี่ยนโปรดวางใจ ข้าจะทำให้สำเร็จเอง”
………………..
[1] มีข้อบนกิ่งก้าน สุภาษิตจีน หมายถึง เรื่องราวเหนือความคาดหมาย