ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 497 สู้กับสวะอย่างเจ้า จำเป็นต้องใช้พลังสักกี่ส่วน
หลังจากได้เห็นความขัดแย้งระหว่างเขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิต เยี่ยนจ้าวเกอก็มั่นใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะกับหกพรรคมารที่โลกผืนสมุทรเรียกขาน
ธรรมมะกับมารมีจุดยืนค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ว่าแต่ละสำนักที่เป็นพวกเดียวกันก็มีความขัดแย้งและความแค้นของใครของมัน ต่างกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา กระนั้นเมื่อใดที่กลุ่มใหญ่สองกลุ่มสู้รบกัน ขุมกำลังที่เป็นฝ่ายเดียวกันก็สามารถละทิ้งความแค้นเก่าก่อน และร่วมมือกันได้
ถึงแม้ว่าพวกหยางฉู่ฟานจะมิได้กล่าวชัดๆ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็เดาออกบ้าง
เกาะจิตประสานน่าจะจัดอยู่ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ เป็นศัตรูกับสำนักตาข่ายปีศาจ หนึ่งในหกพรรคมาร เคียงคู่กับสำนักมังกรโลหิต และเขาหงส์วิเศษ
ทว่าในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาะจิตประสานกับเขาหงส์วิเศษอาจจะไม่ได้ปรองดองกันเท่าไรนัก
เจียงสยงเดินมาหารูข่ายอาคมไปพลาง มองเยี่ยนจ้าวเกอไปพลาง
คำถามของเขาเหมือนกับคำถามของหยางฉู่ฟานก่อนหน้า คำตอบของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงสบายๆ “ข้ากับเขาหงส์วิเศษ? สมควรเป็นมิตร แต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก รอข้าเจอคนจากเขาหงส์วิเศษก่อนค่อยว่ากัน”
ครั้นได้ยินดังนั้น เจียงสยงยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ เขาเดินไปด้านหน้าต่อ “ด้านในข่ายอาคมมีอะไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเจียงสยงแวบหนึ่ง ยิ้มพลางแบมือ “ถ้าข้าบอกว่า ข้าเพียงแค่ผ่านทางมาเท่านั้น ไม่ทราบว่าด้านในมีของอันใด และไม่ได้อะไรจากข่ายอาคม ทุกท่านที่อยู่ที่นี่จะเชื่อหรือไม่”
เจียงสยงยิ้มเล็กน้อย จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจคนอื่นต่างมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
ถึงแม้ว่าในตอนนี้พวกหยางฉู่ฟานที่เป็นจอมยุทธ์จากเกาะจิตประสาน จะถูกจอมยุทธ์จากสำนักตาข่ายปีศาจลอบโจมตี แต่สายตาที่มองเยี่ยนจ้าวเกอก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
บนใบหน้าของทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างมีข้อความหนึ่งเขียนเอาไว้
‘เชื่อเจ้าสิแปลก’
“ข่ายอาคมยังคงอยู่ หมายความว่าของวิเศษที่ใจกลางยังไม่ถูกเคลื่อนไหว แต่ของอย่างอื่นไม่แน่” เจียงสยงกล่าวเสียงเรียบ
เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือ ก่อนจะแค่นหัวเราะ แล้วกล่าว “เดี๋ยวนี้พูดความจริงไม่มีคนเชื่อ”
ในตอนนี้เจียงสยงมาถึงรูบนที่กั้นข่ายอาคมแล้ว เขาอยู่ห่างจากเยี่ยนจ้าวเกอแค่เพียงหนึ่งก้าว
ดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วเลือดของเขาจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง พลันแยกเขี้ยวยิ้มขึ้น “เป็นความจริงหรือไม่ ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว”
เสียงยังไม่ทันขาด เจียงสยงก็เริ่มลงมือ ฟันประกายดาบสีแดงเลือดใส่เยี่ยนจ้าวเกอ
เงาแสงเหนือศีรษะของเจียงสยงสั่นไหว ปรากฏภาพอันดุร้าย
ลมสีดำส่งเสียงหวีดหวิว ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยทะเลเลือดและกองกระดูก บนกองกระดูกสีขาวยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง ในมือถือดาบ คมดาบหันไปที่ใด ทุกสิ่งล้วนตายสิ้น
มิใช่ปราณดาบวิหคทมิฬที่ใช้ก่อนหน้าอีก แต่เป็นปราณดาบทะเลเลือดที่ลึกล้ำยิ่งกว่า นับเป็นอีกกระบวนท่าหนึ่งของสำนักตาข่ายปีศาจ
ในตอนนี้ทะเลเพลิงกว้างใหญ่ควบแน่นกันถึงขีดสุด คล้ายกับรวมตัวกันกลายเป็นแสงโลหิตเส้นหนึ่ง!
ประกายดาบผ่านไปที่ใด อากาศก็คล้ายกับถูกเส้นแสงโลหิตผ่าออกเป็นสองส่วน
“ไม่ว่าท่านจะไม่สนใจจริงๆ ก็ดี หรือว่าแสร้งทำเป็นใจเย็นก็ดี แต่ที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลงทั้งๆ ที่เห็นข้าลงมือ ก็น่าจะมีความสามารถอยู่บ้าง”
เจียงสยงแค่นเสียงกล่าว “แต่ที่ข้าสู้กับสวะเช่นหยางฉู่ฟาน ก็ไม่ค่อยได้ใช้พลังเท่าไรเหมือนกัน”
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองใกล้กันมาก ปราณดาบสีเลือดจึงไปถึงในพริบตา
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานเช่นพวกหยางฉู่ฟานกับฟางหมิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ต่างรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งร่าง
วรยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจตรงไปตรงมา ดุดันรุนแรง แต่ว่ามีพลังชั่วร้ายมากเกินไป ขณะที่ใช้และเก็บกระบวนท่า ก็มิได้ลื่นไหลดั่งที่ต้องการ และไม่ได้รวดเร็วนักอย่างเห็นได้ชัด
กระนั้นหากปล่อยให้จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจเข้าใกล้และชิงโจมตีก่อน คู่ต่อสู้ก็ยากจะรับมือ
ขณะที่เจียงสยงพูด เขาก็เดินไปถึงรูบนข่ายอาคมในไม่กี่ก้าว จากนั้นก็เล่นงานไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอทันตั้งตัว
พวกหยางฉู่ฟานคิดเตือนเยี่ยนจ้าวเกอ แต่กลับถูกมหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจคนอื่นโจมตีใส่ ไม่อาจทำอะไรได้ทั้งนั้น
ในตอนนี้เห็นเจียงสยงไม่ใช้ปราณดาบวิหคทมิฬ กลับใช้ปราณดาบทะเลเลือดโดยตรง จิตใจของคนจากเกาะจิตประสานกลายเป็นเคร่งขรึม
เจียงสยง ‘ปีศาจวิหค’ ผู้โดดเด่นในหมู่ยอดฝีมือแห่งยุคของสำนักตาข่ายปีศาจ แข็งแกร่งที่สุดในหมู่มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ และเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายที่เก่งที่สุด และอายุน้อยที่สุด
ในโลกผืนสมุทรมีการจัดจอมยุทธ์ทุกคนเป็นรายชื่อสิบอันดับแรก
เจียงสยง ‘ปีศาจวิหค’ แห่งสำนักตาข่ายปีศาจถูกจัดอยู่ในอันดับสาม ของจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกในตอนนี้
ลำดับนี้ไม่ได้ดูที่ภูมิหลังหรือระดับ มีเพียงมาตรฐานเดียว นั่นก็คือพลังของตนเอง
ที่เจียงสยงถูกจัดอยู่ในอันดับสามได้ ก็เป็นเพราะพลังอันเจิดจ้า และผลงานการต่อสู้อันเฉิดฉายของเขา
ตัวเขาที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย ฝ่ามรสุมมายี่สิบกว่าปี เหยียบกองศพของศัตรูนับไม่ถ้วนมาถึงวันนี้ พลังของเขาจึงย่อมไม่มีข้อกังขา
เขาที่มาจากหกพรรคมาร นอกจากความโหดเหี้ยมอำมหิตแล้ว ยังไม่เลือกวิธีการ เพียงมองผลลัพธ์เท่านั้น
เพื่อชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว เขายอมแสร้งเป็นพูดคุยกับเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากลดระยะห่างได้แล้ว ก็ลงมือทันที!
ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกับเขาหงส์วิเศษและเกาะจิตประสาน ในวินาทีที่ชายหนุ่มปรากฎตัวในข่ายอาคม เจียงสยงก็ตัดสินใจฆ่าเขาแล้ว!
สิ่งที่เขาคิดคือจะสังหารอีกฝ่ายให้ตายอย่างไรเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างไม่สนใจ เผชิญหน้ากับประกายดาบสีเลือดที่ปรากฏอย่างกระทันหัน
ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็ตั้งนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นมาดุจกระบี่ จิ้มใส่ประกายสีเลือดนั้น
ประกายกระบี่สีเขียวพลันสว่างขึ้น ส่งเสียงกู่ร้องเหมือนมังกร มันกลายร่างเป็นรูปมังกรในชั่วพริบตา ปะทะกับประกายดาบของเจียงสยงซึ่งหน้า
ครั้นทั้งสองฝ่ายสัมผัสกันกลางอากาศ ประกายโลหิตที่รวมตัวกันเป็นเส้นเดียวก็ระเบิดออกอย่างสะเทือนเลือนลั่น กลายเป็นทะเลเลือดแห่งใหม่
มังกรเขียวเข้าไปในทะเลเลือดอย่างไร้ความเกรงกลัว ขี่พายุทลายคลื่นไปเเบื้องหน้า ฝ่าพลังของทะเลเลือดไปข้างหน้า
เจียงสยงสีหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน ประกายดุดันในดวงตาทั้งสองซึ่งเต็มไปด้วยริ้วเลือดโชติช่วงยิ่งขึ้น บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอำมหิต
“กำลังรออยู่เลย!”
ในทะเลเลือด ภูเขากองกระดูกสีขาวพลันลอยทะลุผิวทะเลขึ้นมา ขวางอยู่เบื้องหน้ามังกรเขียว
เจียงสยงแบมือ ในมือพลันปรากฏดาบกระดูกสีขาวเล่มหนึ่ง มันเต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย นับเป็นอาวุธวิญญาณชั้นกลางที่มีคุณสมบัติโดดเด่นยิ่ง
เขายกดาบขึ้นฟันลง ม้วนทะเลเลือดและเขากระดูกให้เอียงกลับ ก่อนจะฟันใส่มังกรเขียวที่เกิดจากประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่ามังกรเขียวไม่หยุดลงแม้แต่น้อย มันพุ่งเข้าหาเจียงสยงต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
มังกรเขียวชนใส่เขากระดูกทะเลเลือดจนสาดซัดอย่างต่อเนื่อง เขากระดูกสั่นไหวอย่างรุนแรงจนแตกสลาย หล่นลงทะเลเลือดเกิดเสียงซู่ๆ
กระนั้นมังรเขียวก็ถูกกระแทกกระเด็นกลับไปเช่นกัน ประกายแสงแตกทลาย คล้ายกับกำลังจะหายไป
เจียงสยงยิ้มอย่างดุดัน “นำของวิเศษในข่ายอาคมออกมาให้หมด แล้วข้าจะเหลือศพไว้ให้เจ้า!”
เสียงของเจียงสยงยังไม่ทันจะขาดลง ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอก็กลายเป็นมังกรเขียวตัวหนึ่ง พุ่งชนเขากระดูกทะเลเลือดต่อ!
จากนั้นก็มีตัวที่สาม ต่อด้วยตัวที่สี่…
เจียงสยงมองคู่ต่อสู้ตรงหน้าโจมตีอย่างแข็งกร้าวเหมือนไม่ต้องพักหายใจ และใช้กระบี่ติดต่อกันเหมือนพายุอย่างงงงัน!
ฝูงมังกรพากันกระชากทะเลเลือด กระแทกเขากระดูกจนแตกสลายราวกับคลื่นคลั่ง
“ข้าย่อมรู้ว่ากระบวนท่าที่ท่านใช้สู้กับจอมยุทธ์เกาะจิตประสานเมื่อครู่ เป็นแค่แมลงปอสะกิดน้ำ ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด”
ทะเลเลือดแยกออก เยี่ยนจ้าวเกอเดินออกมาจากข่ายอาคมอย่างเชื่องช้า แค่นเสียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ท่านลงมือสุดกำลังก็ไม่เห็นมีอะไร”
“ท่านลองทายดูว่า เพื่อสู้กับสวะอย่างท่าน ข้าจำเป็นต้องใช้พลังกี่ส่วน?”