ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 13 ให้เลือดอาบหน้า!
เฉาหยวนหลงคิดจะใช้มือเปล่าทั้งสองข้างบีบแสงนั้นเพื่อต้านกระบี่
แต่กลับผิดคาด เพราะข้างบนลำแสงนั้นพลันมีคมกระบี่สีเขียวระเบิดออกมามากมาย!
วินาทีนี้ราวกับมังกรตัวจริงพัดกระเพื่อมเกล็ดทั่วร่าง เข้ามาจู่โจมเกราะเกล็ดของเขา!
มังกรเขียวในแขนเสื้อ กระบวนท่ามังกรสะบัดลาย!
แสงของกระบี่ในขณะนี้ราวกับมังกรของจริงตัวหนึ่ง!
คมกระบี่สีเขียวแตกตัวออกตัดเรียวเข็มสีทองเหล่านั้นขาดเป็นท่อนๆ!
เฉาหยวนหลงถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าพลันเคร่งขรึมจริงจังขึ้น
เขากัดฟันแล้วพูดย้ำทีละคำว่า “เยี่ยน! จ้าว! เกอ! ”
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฝูงชน ทั้งร่างสวมอาภรณ์สีขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมตัวนอกสีน้ำเงิน ตรงขอบเสื้อคลุมเป็นแถบสีดำ เขาผู้นั้นคือเยี่ยนจ้าวเกอ
เมื่อเห็นสีหน้าสบายอกสบายใจราวกับกำลังเที่ยวเล่นของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงก็รู้สึกเบาใจขึ้นทันที ความกดดันที่เฉาหยวนหลงสร้างมาก่อนหน้านี้ อันตรธานไปจนสิ้น
ส่วนลูกศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เริ่มใจเต้นระทึก ถึงแม้ว่าในยามปกติพวกเขาล้วนหยิ่งทะนงจนเคยตัว แต่กำลังใจของพวกเขาในยามนี้กลับลดฮวบ
เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไปตรงหน้าของฉาวหยวนลงอย่างใจเย็น “ข้ามาแล้ว เจ้าอยากจะจบอย่างไร บอกมาเถิด”
เฉาหยวนหลงถลึงตาใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะคำรามเสียงทุ้มต่ำว่า “มาก็ดีแล้ว!”
ทั่วร่างของเขาคล้ายกับเรืองแสงแสงสีทอง แสงนั้นเหมือนเข็มสีทองพันหมื่นเล่ม ทั้งยังราวกับแสงอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องไปทั่วทุกทิศ
วินาทีต่อมา เฉาหยวนหลงก็ปล่อยหมัดออกไปโจมตีเยี่ยนจ้าวเกอ
วิชาวรยุทธ์ที่ตกทอดในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ หัตถ์เทพกลางเวหา!
แสงแดดร้อนแผดเผา ราวกับพระอาทิตย์กลางฟ้ายามเที่ยงวัน!
ท่าทางที่แตกต่างกับก่อนหน้านี้ส่งผลให้ซือคงจิง เยี่ยจิ่ง และคนอื่นๆ ตื่นตระหนก นอกจากวิชาเข็มทองสุริยันแล้ว เฉาหยวนหลงในขณะนี้ยังขับเคลื่อนหัตถ์เทพกลางเวหา อันเป็นอีกหนึ่งสุดยอดวิชาอีกด้วย
สองวิชารวมเข้าด้วยกัน ยิ่งเพิ่มอานุภาพให้เขามากขึ้น
ลำพังเพียงแค่ลมฝ่ามือที่เกิดขึ้นก็คมกริบดุจมีดแหลมคม บรรยากาศรอบพื้นที่ที่ถูกฝ่ามือของเฉาหยวนหลงครอบคลุมหยุดนิ่งไปในพริบตา แม้กระทั่งฝุ่นผงดินทรายก็ถูกหยุดไว้กลางอากาศ
พลังหนึ่งฝ่ามือปิดผนึกทุกการไหลเวียนอากาศทั้งหมดไว้ ลมหายใจเข้าออกของเฉาหยวนหลงแกร่งดุจหินผา ในเวลานี้ร่างกายของเขาสามารถแปรเปลี่ยนเหล็กกล้าให้แหลกเหลวเป็นโคลนได้ เพียงจับไว้แค่ครั้งเดียว!
เยี่ยนจ้าวเกอยังมีสีหน้าคงเดิม เขาสะบัดมือขวาเบาๆ ครั้งหนึ่ง แสงสีเขียวพลันปรากฏขึ้นที่ชายเสื้อ และวิ่งตรงไปยังเฉาหยวนหลง
เสียงมังกรคำรามดังขึ้นอีกครั้ง แสงสีเขียวของกระบี่สั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน คมกระบี่นับพันหมื่นทอประกายระยิบระยับราวกับเทพมังกรกำลังสะบัดเกราะ
ชายหนุ่มรวมร่างกับกระบี่ ดุจมังกรที่ลอยคว้างอยู่เหนือเมฆา ตัวเขาราวกับกลายร่างเป็นมังกรเขียวพุ่งทะยานสู่ฟ้า แหวกทำลายแสงสีทองเสมือนแสงอาทิตย์นั้น!
มังกรเขียวในชายเสื้อ เพลงกระบี่มังกรลอดเมฆ!
เพลงกระบี่มังกรลอดเมฆนี้ ราวกับมีมังกรพุ่งทะยานสู่ม่านเมฆ และยังเทียบได้กับวีรบุรุษผู้หาญกล้า ที่ผงาดขึ้นมาให้เวลาที่เหมาะสม!
“ครืน!”
เสียงหนึ่งดังกังวาน ประกายแสงสีทองและสีเขียวมลายหายไปพร้อมกัน
ร่างของเฉาหยวนหลงลอยหวือไปด้านหลัง เมื่อยืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง สายตาของเขาก็ปรากฏความสับสน
ครั้นเขาได้สติกลับคืนมา สีหน้าของเขาดุร้ายขึ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันที พลางจ้องเขม็งมายังเยี่ยนจ้าวเกอ บนใบหน้ามีรอยเลือดสีแดงเล็กๆ ที่เห็นได้ชัด รู้ได้ทันทีว่าเป็นรอยกรีดจากบางสิ่งบางอย่างที่อีกฝ่ายใช้
เยี่ยนจ้าวเกอไพล่มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง พร้อมมองเฉาหยวนหลงอย่างสงบนิ่ง ไม่กล่าววาจา คล้ายกับกำลังถามเขาว่ายังจะเข้ามาอีกหรือไม่
เฉาหยวนหลงโกรธจัด หลังจากตะโกนส่งเสียงด้วยความโมโหแล้ว เขาก็พุ่งตัวไปอีกครั้ง
แสงสีเขียวปรากฏขึ้นในหุบเหวปราการมังกรที่มืดมิดอีกครั้ง และเสียงคำรามก็ดังขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นด้วย
“พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!”
ตอนนี้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พากันอ้าปากตาค้าง เห็นเพียงศิษย์พี่ฉาวของตนที่ก่อนหน้านี้ยังเรี่ยวแรงเต็มกำลัง กลับมีรอยเลือดตัดสลับไปมาบนใบหน้าด้านซ้ายและขวาเต็มไปหมด สภาพน่าเวทนาถึงขั้นที่ผู้ได้เห็นสะเทือนใจ ผู้ได้ฟังน้ำตาไหล
เฉาหยวนหลงถูกเล่นงานจนสภาพโซซัดโซเซ ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
เขารวบรวมปราณจิตราทั้งหมดมาไว้บนสองฝ่ามือ แล้วจู่โจมไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ
การโจมตีครั้งนี้ เขาละทิ้งการป้องกันตนเองและการตั้งรับโดยสิ้นเชิง มุ่งแต่เพียงโจมตีเท่านั้น พร้อมทั้งเพิ่มพลังการโจมตีจนถึงขีดสูงสุด คิดแค่ว่าต่อให้ต้องตายพร้อมกัน ก็ต้องฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอที่นี่ให้ได้!
เยี่ยนจ้าวเกอเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง ครั้นเขาขยับมือขวาอีกครั้ง กระบี่เล่มหนึ่งพลันพุ่งตรงไปยังฝ่ามือที่เฉาหยวนหลงฟาดออกมา
ท่ามกลางเสียงมังกรคำรามที่ดังกระหึ่ม มีเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นด้วยเช่นกัน
วินาทีต่อมา ทุกคนก็ได้เห็นรูโหว่อาบเลือดปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเฉาหยวนหลง ซึ่งเป็นแผลทิ่มทะลุที่เกิดจากกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอ!
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงเรียบ “พอใจแล้วกระมัง?”
ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าที่เฉยชา แม้เมื่อเผชิญกับสายตาตื่นตระหนกและสงสัยของผู้คน เขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้งหนึ่ง เผยให้เห็นสิ่งของสีเขียวอ่อนท่อนหนึ่งอยู่ภายใน
ทุกคนพากันมองไปตรงนั้น ถึงได้เห็นอาวุธที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ชัดๆ
สิ่งที่เห็นกลับทำให้ทุกคนยิ่งตะลึงมากไปอีก
เฉาหยวนหลงเห็นดังนั้น ก็หน้ามืดจนเกือบหงายท้องเป็นลมล้มพับไป
สิ่งนั้นหาใช่กระบี่ไม่ แต่เป็นเพียงท่อนไผ่บางๆ สีเขียวอ่อนธรรมดาเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอใช้มือขวาถือท่อนไผ่ ส่วนมือซ้ายกำปลายอีกข้างหนึ่งเอาไว้
ไผ่สีเขียวอ่อนท่อนบางๆ ทำมุมโค้งเล็กน้อยระหว่างทั้งสองมือ โดยด้านบนยังมีใบไผ่สดใหม่แกว่งไปมาเบาๆ
ครั้นเห็นภาพนี้ ใบหน้าของผู้คนพลันปรากฏสีหน้าไม่อยากเชื่อขึ้นมา
ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของผู้คนเหล่านั้น
‘เป็น…เป็นของวิเศษบางอย่าง เพียงแค่เก็บซ่อนพลังวิเศษไว้ จึงดูเหมือนเป็นท่อนไผ่ธรรมดาหรือ?’
บางคนเพิ่งมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็สะบัดมือครั้งหนึ่ง
ท่อนไผ่ตกลงบนพื้น ก่อนจะปักเข้าไปในพื้นราวกับกระบี่อันแหลมคม แล้วสั่นไหวเบาๆ
เมื่อสูญเสียการปกป้องและปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอไปแล้ว ท่อนไผ่ก็แห้งเฉาจากปราณพิษในปราการมังกรน้ำลึกไปทันที
ไผ่สีเขียวสดที่แต่เดิมชุ่มฉ่ำร่วงโรยไปอย่างรวดเร็ว กิ่งก้านที่อวบอิ่มเมื่อขาดน้ำก็แปรเปลี่ยนเป็นเหี่ยวเฉาและเปื่อยเน่า จนสุดท้ายกลายเป็นเพียงฝุ่นละออง
ฝูงชนเบิกตาโตปากอ้าค้าง “คิดไม่ถึงว่า…เป็นแค่ท่อนไผ่ที่ธรรมดายิ่งกว่าธรรมดาจริงๆ!”
เยี่ยจิ่งขมวดคิ้วแน่น แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “แต่ท่อนไผ่ที่บอบบางถึงเพียงนั้น จะรองรับปราณจิตราที่แข็งแกร่งของจอมยุทธ์ได้อย่างไร อย่าว่าแต่ใช้สู้กับศัตรูเลย เพียงถ่ายเทปราณจิตราเข้าไป ท่อนไผ่ก็สมควรจะแหลกสลายเป็นผุยผงทันทีแล้ว”
“ขนาดทองคำและโลหะทั่วไปยังทนรับไว้ไม่ได้เลย ต้นไม้ใบหญ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงกระมัง”
“ทักษะการควบคุมที่ละเมียดละไมและล้ำเลิศขั้นสูงสุด ทำเรื่องที่ยากให้ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย กระบี่มีพลังอย่างเหลือล้น” แววตาของซือคงจิงปรากฏความรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา “ตอนที่ออกกระบี่ มีปราณจิตราของผู้ฝึกยุทธ์เพียงน้อยนิด แม้ไม่เห็นพลังปราณวิญญาณของอาวุธวิเศษ แต่ดูเหมือนอาวุธแหลมคม ข้ายังคิดว่าอาจเป็นเพียงดาบธรรมดา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นต้นไผ่…”
ซือคงจิงเพ่งมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เขาผ่านด่านขวางกั้น และบรรลุระดับปรมาจารย์จิตราชั้นนอกแล้วหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ามีปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกคนใดสามารถควบคุมปราณจิตราได้ละเอียดถึงเพียงนี้”
“แต่ต่อให้เป็นปรมาจารย์จิตราชั้นนอกระยะต้นก็คงทำไม่ได้กระมัง เช่นนั้นเขา…”
ชั่วขณะนั้นเอง ทุกคนล้วนตกอยู่ในห้วงภวังค์
วรยุทธ์ของพวกเขาอาจจะยังน้อย แต่ก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์มาก โลกทัศน์กว้างไกล จึงพอจะมองออกถึงความไม่ธรรมดาของการโจมตีครั้งนั้น
ใช้กิ่งไผ่แทนกระบี่ยังมีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ หากเป็นกระบี่ของจริงเล่า?
แล้วหากว่าเป็นอาวุธสงคราม หรืออาวุธวิเศษเล่า?
แม้แต่ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงเองก็ยังเงียบงันไม่เอ่ยวาจา
เฉาหยวนหลงจ้องเยี่ยนจ้าวเกอตาไม่กะพริบ พลางหอบหายใจ บนร่างมีปราณของอาวุธวิเศษค่อยๆ ไหลเอ่อออกมา
เป็นการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่เหนือกว่าอาวุธวิเศษระดับล่างอยู่หลายขั้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก “เจ้าอยากจะแข่งกับข้า ว่าอาวุธของใครดีกว่ากันอย่างนั้นหรือ”
อีกฝ่ายชะงักงัน ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่ก็ไม่กล้าขับเคลื่อนอาวุธวิเศษของตัวเองอีก
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยจบ เขาโบกแขนเสื้อครั้งหนึ่ง อาวุธวิเศษระดับล่างที่หล่นอยู่บนพื้นสิบกว่าชิ้นก็ลอยขึ้นมาพร้อมกัน!
ภายใต้การขับเคลื่อนของปราณจิตรา ปราณวิญญาณของอาวุธวิเศษถูกกระตุ้นให้ตื่นจากการหลับใหลทันที จากนั้นก็พร้อมใจกันโจมตีเฉาหยวนหลงอย่างมืดฟ้ามัวดิน!
ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงล้วนส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ พลานุภาพของอาวุธวิเศษที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ แตกต่างจากตอนที่พวกเขาเป็นผู้ขับเคลื่อนราวฟ้ากับเหว!
ครั้งนี้เฉาหยวนหลงเองก็ไม่กล้าปะทะโดยตรง จึงถูกอาวุธวิเศษที่เหมือนกับมรสุมพายุถาโถมเข้าไปจนได้แต่ถอยหลังหนีไป
เหล่าศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงหัวเราะเสียงดัง ส่วนศิษย์สุริยันสำนักศักดิ์สิทธิ์ต่างก็กำลังใจแห้งเหือด
อาวุธวิเศษเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นโล่ เกราะแขน และเกราะป้องกันที่เป็นอาวุธป้องกันตัว แต่บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับขับเคลื่อนพวกมันเข้าโจมตี ราวกับอาวุธลับขนาดใหญ่ที่มีพลังหนักหน่วง
สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็กระแทกฝ่ามือเข้ากับโล่ใบหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ
โล่ใบนั้นพุ่งทำลายการป้องกันของเฉาหยวนหลง กระแทกเข้ากับศีรษะของเขา ส่งผลให้ศิษย์ระดับสูงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จนสลบเหมือดไป
หลังตีเฉาหยวนหลงจนสลบ เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ สายตากวาดมองไปทางศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ายตรงข้ามต่างก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที
…………….