ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1185 ต่อให้เจ้าจะเกลียดข้าเพราะเรื่องนี้
วาจาเพิ่งกล่าวจากปากไม่ทันไร เจี่ยหมิงคงก็พลันรู้สึกเสียใจ อยากจะหาช่องบนพื้นแล้วมุดเข้าไป นางเห็นอย่างชัดเจนว่าสีหน้าของเฉินเสวียนจงเปลี่ยนจากสงบนิ่งเป็นประหลาดใจ
เมื่อเผชิญกับสายตาของอาจารย์ นางก็ก้มศีรษะต่ำโดยสัญชาตญาณ แต่จากนั้นนางพลันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
วันนี้ในที่สุดตนก็พูดคำพูดที่อยากจะเอ่ยออกจากปากได้แล้ว ไฉนจึงถอยเช่นนี้
ด้านแข็งกร้าวในนิสัยทำงาน ถึงแม้ว่าจะพะว้าพะวง แต่เจี่ยหมิงคงก็เงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ของตนอีกรอบ
แต่กลับเห็นตอนนี้เฉินเสวียนจงเลื่อนสายตาออกไปแล้ว กล่าวอย่างราบเรียบ “หลีหลีเป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว ที่แล้วมาเจ้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ ไฉนวันนี้ถึงได้ทำตัวเหมือนเด็กเล่า”
เจี่ยหมิงคงอ้าปาก ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร เฉินเสวียนจงก็โบกมือ “ไปเถอะ”
“…เจ้าค่ะอาจารย์” เจี่ยหมิงคงเม้มริมฝีปาก บอกลา แล้วออกจากหอกวาดหิมะ
หลังออกมา สมองของนางกระจ่างใสขึ้นมาก ทั้้งอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ทั้งรู้สึกสุขใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ถึงสุดท้ายจะพูดออกมาแล้ว แต่จิตใจก็ยังคงว้าวุ่นอยู่ดี
เจี่ยหมิงคงคิดว่าอาจารย์สมควรฟังความหมายที่แฝงในวาจาของเธอออก อาจารย์ไม่เพียงปฏิเสธหลีหลี ยังปฏิเสธนางด้วย ทว่าในใจนางก็มีความคิดที่พร่าเลือนอย่างหนึ่งปรากฏ
นางมองไม่ออกอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าในใจขอแค่ยังคงมีความหวังส่วนหนึ่ง ก็ยากจะไม่คิดถึงผลร้ายผลเสีย
เฝยเฝยสัตว์ประหลาดที่ภายหลังฉู่หลีหลีตั้งชื่อให้ว่าผิงผิง สุดท้ายยังเป็นเจี่ยหมิงคงมอบให้นาง
เจี่ยหมิงคงดูออกว่าฉู่หลีหลีผิดหวังเล็กน้อย ของขวัญวันเกิดทุกๆ ปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเฉินเสวียนจงมอบแก่นางด้วยตัวเอง
ถึงแม้ว่านางจะชอบเฝยเฝยตัวนั้นยิ่ง ดูออกว่าเป็นเฉินเสวียนจงตั้งใจเตรียมของขวัญให้นางเหมือนเช่นในอดีต แต่ปีนี้ไม่เหมือนกันจริงๆ
ฉู่หลีหลีไม่ได้โง่งม ปีนี้นางได้สารภาพเรื่องราวกับอาจารย์ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับของขวัญวันเกิดในปีนี้ก็คือคำตอบองเฉินเสวียนจง
เด็กสาวไม่ยอมตัดใจ
“สตรีใจแข็งกลัวบุรุษพัวพัน ยอดบุรุษก็กลัวสตรีพัวพันเช่นกัน!” นางกล่าวกับเจี่ยหมิงคงเช่นนี้
เจี่ยหมิงคงได้แต่ลอบยิ้มอย่างหนักใจ ถ้าหากนางไม่ใช่มีความคิดเดียวกัน คงตักเตือนสั่งสอนฉู่หลีหลีด้วยเหตุผลไปแล้ว ทว่าตอนนี้ นางไม่มีความมั่นใจแบบนั้นจริงๆ
นางไม่ได้ก้าวก่ายขัดขวางฉู่หลีหลี แต่ก็ไม่ช่วยเหลืออีกฝ่ายเช่นกัน
สำหรับเจี่ยหมิงคงแล้ว นางเอาแต่คิดถึงปฏิกิริยาของอาจารย์หลังจากนางกล่าวประโยคนั้นออกไป และเรื่องที่เจี่ยหมิงคงเสียใจที่สุด คือตอนนั้นตนก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าสบตาอาจารย์
สุดท้ายรอนางปลุกปลอบความกล้าเงยหน้าขึ้นได้อีกครั้ง สายตาของเฉินเสวียนจงก็ย้ายไปที่อื่นแล้ว
เจี่ยหมิงคงเอาแต่รู้สึกว่า เทียบกับตอนเผชิญความตรงไปตรงมาของฉู่หลีหลีแล้ว ยามที่เผชิญหน้ากับนาง เฉินเสวียนจงคล้ายรู้สึกไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง
นี่ทำให้นางยังมีความหวังในใจตลอดมา แต่ก็กลัวอีกว่าจะเป็นความเข้าใจผิดและความรักเพียงฝ่ายเดียว
ขณะกังวลถึงผลได้ผลเสีย วันเวลาบนยอดเขาเมฆมรกตก็ผ่านไปเช่นนี้ จนกระทั่งการมาถึงของวันนั้น…
“เปรี๊ยะ!”
ชั้นน้ำแข็งจักรพรรดินี ซึ่งอยู่บนธารน้ำแข็งที่แช่แข็งมิติ พลันแตกออกเป็นร่องแยกสายหนึ่ง
นางสีหน้าไร้อารมณ์ ทั่วทั้งร่างกระจายด้วยความเย็น
สองตาที่ปิดอยู่มองยอดเขาที่ตระหง่านบนธารน้ำแข็งไกลออกไป เงียบงันเนิ่นนาน
ใต้ธารน้ำแข็ง กษัตริย์ดาราเงียบงันเช่นกัน
ครู่ต่อมา จักรพรรดินีทำความเคารพภูเขาน้ำที่อยู่ไกลออกไป “ขออภัยท่านอาจารย์”
“วันนี้จิตใจเจ้าไม่ค่อยสงบนัก” เสียงของกษัตริย์ดาราดังมา “นอกจากลูกหลานของซิงถางที่มาที่นี่แล้ว ยังมีเรื่องพิเศษเรื่องอื่นอีกหรือ”
จักรพรรดินีตอบ “คิดถึงอดีต ดังนั้นจิตใจจึงไม่มั่นคง”
กษัตริย์ดาราเงียบเสียงอีกครั้ง
“อาจารย์ ศิษย์ขอลา” จักรพรรดินีคำนับอีกครั้ง “เรื่องของพ่อลูกตระกูลเยี่ยน ศิษย์จะช่วยจัดการให้เท่าที่ทำได้”
“ไปเถอะ รักษาตัวด้วย” กษัตริย์ดาราส่งเสียงกล่าว
จักรพรรดินีพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ชายฝั่งยมโลกบริเวณที่ถูกแช่แข็ง กลับคืนสู่ความอ้างว้างอีกครั้ง
หลังออกจากธารน้ำแข็งมาไกล จักรพรรดินีก็หันกลับไป ‘มอง’ ความว่างเปล่าบริเวณนั้น เงียบงันเนิ่นนาน
บนใบหน้าของนางฉายแววซับซ้อนอีกครั้ง แฝงด้วยความลังเลและการต่อต้าน
‘ท่านอาจารย์ ต่อให้ท่านจะแค้นข้าเพราะเรื่องนี้ก็ตาม…’ จักรพรรดินีมีใบหน้าสงบนิ่งอีกครั้ง หันกายจากไป ออกเดินทางอีกครั้ง
นางเลือกออกจากทางนพยมโลกเช่นเดียวกัน แต่ขณะที่ผละออกไป ได้บีบผลึกน้ำแข็งชิ้นหนึ่ง
ผลึกน้ำแข็งลอยอยู่กลางอากาศ กลายเป็นหมอกน้ำแข็ง แล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ไกลออกไปพลันบังเกิดปราณมารเชี่ยวกราก
จากนั้น กลิ่นอายที่น่ากลัวสุดขีดก็ลอยมา
จอมมารน่ากลัวที่เทียบได้กับจอมยุทธ์ขั้นซียนเข้าใกล้ที่แห่งนี้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งตัว!
จอมมารเหล่านี้หลังจากหยุดนิ่งเล็กน้อยก็ออกจากนพยมโลก แล้วเข้าไปในชายฝั่งยมโลกแห่งนั้นพร้อมกัน
ไม่นานให้หลัง ในมิติที่อยู่ไกลออกไปมีแสงสว่างสองสายกะพริบ
สายหนึ่งเป็นประกายกระบี่มืดมัว สายหนึ่งเป็นแสงอัสดงสีทองผสมแดง
แสงสว่างสองสายมาจากส่วนลึกของนพยมโลก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่มารร้าย
หลังจากแสงอัสดงสีทองผสมแดงหยุดลง ก็ปรากฏเงาร่างของนักพรตวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมมังกรพยัคฆ์ เป็นยอดฝีมือจากมรกตท่องฟ้าที่ก่อนหน้าสู้กับจักรพรรดินี จักรพรรดิปฐพีศานติ
และหลังจากประกายกระบี่หยุดลง เงาร่างที่โผล่ขึ้นเป็นคนหนุ่มอายุสามสิบปี
กลับเป็นยอดฝีมืออีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์จากมรกตท่องฟ้า ผู้ปกครองถ้ำประกายม่วงยอดเขางามเลิศเขาแหนเขียว จักรพรรดิสัจอุรุ หรือจักรพรรดิอุรุ
เหวินไต้หง ‘กระบี่สะท้านวายุอุดร’ จอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ที่เคยพบหน้ากันครั้งหนึ่งตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่ในมรกตท่องฟ้า เป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิอุรุ
“เจี่ยหมิงคงมาอยู่ที่นี่ กลับไม่ทราบว่าได้ออกจากมิติต่างแดนกลับโลกซ้อนโลกผ่านชายฝั่งยมโลกข้างหน้าหรือไม่” จักรพรรดิศานติยื่นแขนข้างหนึ่งออกมากางห้านิ้ว มังกรน้ำตัวหนึ่งบินออกมา ทะยานด้านในควันมารนพยมโลกหลายชั้นตรงหน้า
ครู่ต่อมา มังกรน้ำก็บินกลับ พุ่งเข้าไปหดตัวเล็กลงในมือของจักรพรรดิศานติ จากนั้นก็พ่นผลึกน้ำแข็งลักษณะเหมือนหมอกหลายกลุ่มออกมา
“เหล็กเย็นดวงดาว หายากเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะใช้หลอมสร้างอาวุธเซียนได้แล้ว ความสำคัญยังมีส่วนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของบูรพาจารย์” จักรพรรดิอุรุพูดพลางขมวดคิ้ว “จะต้องขัดขวางเจี่ยหมิงคง หยุดนางไว้ก่อนกลับโลกซ้อนโลก ไม่อย่างนั้นเมื่อเข้าไปในโลกซ้อนโลกก็ยากจะชิงมาแล้ว”
จักรพรรดิศานติพยักหน้า “พวกเราไปดูเถอะ”
คนทั้งสองพูดพลางออกจากนพยมโลก ก้าวสู่ชายฝั่งยมโลกบริเวณนั้น
มิคาด พวกเขาเพิ่งเข้ามาในธารน้ำแข็ง ก็เห็นธารน้ำแข็งไร้สิ้นสุดเบื้องหน้าได้กลายเป็นสนามรบที่รุนแรงไปแล้ว
ในธารน้ำแข็งยิ่งมีปราณมารเอ่อล้น กอปรกันเป็นวังวนน่ากลัว หมายกลืนกินพวกเขา!
“รีบไปเร็ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางธารน้ำแข็ง
จักรพรรดิอุรุกับจักรพรรดิศานติแตกตื่นสงสัย คิดจะออกไป แต่พอเห็นสถานการณ์ชัดเจน กลับพบว่ามีคนขวางเส้นทางกลับนพยมโลกของเขา
ในธารน้ำแข็งมีจอมมารที่คลุ้มคลั่งเล็งเป้ามาที่พวกเขาแล้ว
บริเวณชายฝั่งยมโลกพลันเกิดการต่อสู้อันเหี้ยมโหด
ทางด้วนในเขตมารนพยมโลกด้านนอกชายฝั่งยมโลก จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงยืนอยู่กลางความว่างเปล่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มือด้านซ้ายด้านขวาประกบเป็นมุทรา ผสานกันเป็นพิธีกรรม
………………..