ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1117 ฉายาจะตั้งมั่วๆ ไม่ได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองเกาฉิงที่อารมณ์หม่นหมองเล็กน้อย อดถอนใจไม่ได้
ย่ารองของเกาฉิงก็คือบุตรีคนที่สองของกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียนและจักรพรรดิน้ำพุหลงซิงเฉวียน
น้องหญิงรองของเกาเสวี่ยโพ พี่หญิงรองของเกาเสวี่ยจี้
เทียบกับเกาเสวี่ยโพที่ช่วงนี้ควบคุมสถานการณ์ใหญ่แทนบิดามารดาที่กำลังเข้าฌาน และหลงเสวี่ยจี้ที่โด่งดังอยู่ด้านนอก ย่ารองของเกาฉิงผู้นี้ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรนัก
ตอนอยู่บนโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าวเกอแทบไม่เคยได้ยินใครเล่าถึง ประการแรกเป็นเพราะว่าเดิมทีก็ไม่โด่งดังอยู่แล้ว อีกประการก็เพราะได้ตายไปแล้ว ดังนั้นข้อมูลที่แพร่หลายออกมาจึงมีน้อยยิ่งกว่า
“หนึ่งกระเรียนทะยานสวรรค์ วีรสตรีครองดินแดนเทพ…” เยี่ยนจ้าวเกอจงใจเปลี่ยนหัวข้อ ถามว่า “เป็นสองอัจฉริยะผู้โดดเด่นในหลายปีมานี้ของมรกตท่องฟ้าที่เล่ากันหรือ”
เกาฉิงสงบจิตใจ สลัดความคิด ก่อนจะพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ถูกต้อง อาจารย์อาเล็กท่านเคยได้ยินมาก่อนหรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ทางโลกซ้อนโลกก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับมรกตท่องฟ้าอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ละเอียดนัก”
“ในปัจจุบันพวกเขาสองคนเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของฟ้าซ่อนโลกหลังจากท่านปู่น้อยของข้า” เกาฉิงพยักหน้า อธิบายว่า “ประโยค ‘วีรสตรีครองดินแดนเทพ’ ด้านหลังหมายถึงลูกพี่ลูกร้อง ส่วนประโยค ‘หนึ่งกระเรียนทะยานสวรรค์’ ด้านหน้าก็คือลูกศิษย์ของจักรพรรดิเมฆแห่งหุบเขาธุลีวิญญาณ กระบี่สะท้านสวรรค์เฮ่อเหมี่ยน ฉายาประมุขคือ ระมุขโถงศักดิ์สิทธิ์ มีคนเรียกว่า ‘ประมุขแปดสวรรค์’”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ประมุขแปดสวรรค์ นี่นับเป็นคำกล่าวอันใด ไม่ใช่ประมุขเก้าสวรรค์หรือนี่ หรือเป็นเพราะโอหัง ต้องการใช้คำว่าเก้าสวรรค์เป็นฉายาประมุข แต่ตอนนี้เก้าสวรรค์ยังไม่กล้ารับ จึงใช้ฉายาประมุขแปดสวรรค์ มิกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อหรือ”
ที่แล้วมาเก้าสวรรค์หมายถึงท้องฟ้า
ประมุขเก้าสวรรค์ เทียบได้กับการถูกเรียกว่าประมุขฟ้า ชื่อนี้หนักอึ้งยิ่ง
ท่านเพทเจิ้นหยวน ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานมีอายุเทียบเท่ากับโลก ชมเชยตัวเองว่าเคารพเพียงฟ้าดิน ไม่กราบไว้สามพิสุทธิ์
แม้จะบอกว่าเคารพเพียงฟ้าดิน แต่ความจริงแล้วเพียงเคารพมรรคาฟ้า ‘ดิน’ ที่เพิ่มมาหมายถึงจิตของการอยู่ร่วมกันระหว่างฟ้าและดิน
ความแตกต่างของฟ้าและดินดูได้จากสาเหตุนี้
เฉินเฉียนหัวจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของโลกซ้อนโลก สามารถใช้ร่างของมนุษย์สู้กับเซียนจริงแท้ซึ่งหน้าได้ ในอดีตมีฉายาคุณชายฟ้า ในปัจจุบันใช้ฉายาประมุขทิศบน แต่ไม่ใช่ประมุขฟ้า
นี่มาจากธรรมเนียมการแบ่งประมุขทั้งสิบของโลกซ้อนโลก และเป็นเพราะคำเรียกประมุขฟ้าหนักอึ้งเกินไป ไม่ใช่คนในโลกมนุษย์จะรับได้
แน่นอนว่านี่เป็นคำเรียกที่คนอื่นเรียกเขา เฉินเฉียนหัวไม่ใส่ใจ
ฉายาของเจ้าสำนักแต่ละรุ่นของเขากว่างเฉิงบนโลกซ้อนโลกในอดีต ต่างแฝงคำว่า ‘ฟ้า’ ตามธรรมเนียม
ในโลกเบื้องล่างแบบนั้นกลับไม่เป็นไร แม้คนจะรู้แต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนใหญ่แค่หัวเราะและปล่อยผ่านไป
แต่เมื่อมาถึงโลกซ้อนโลก สถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว
นอกจากนี้ยิ่งระดับพลังฝึกปรือยิ่งสูง ข้อห้ามทางด้านนี้ก็ยิ่งต้องใส่ใจ
นิสัยของเฉินเฉียนหัวไม่สนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
กระนั้นเปลี่ยนให้คนอื่นมาเป็นประมุขทิศบนของโลกซ้อนโลก เมื่อเจอจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่ใช้ชื่อ ‘ประมุขฟ้า’ เป็นฉายา เกรงว่าส่วนใหญ่จะมาวัดความสามารถของอีกฝ่าย
ชื่อเมื่อสูงส่งเกินไป ก็ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็สามารถแบกรับได้
เหมือนกับเรื่องที่จอมยุทธ์ที่ไม่ได้เลื่อนสู่ระดับเซียน แต่กลับเรียกตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือกษัตริย์ นั่นไม่ใช่แค่ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะเท่านั้น ถ้าหากมียอดฝีมือระดับเซียนที่แท้จริงซึ่งไม่ได้มีความอดทนและชอบเอาชนะรู้เข้า ก็เป็นไปได้ว่าจะบุกมาหา
ทั้งนี้ การต่อสู้ก็ยังไร้คุณค่า เมื่อถูกจักรพรรดิหรือกษัตริย์ที่แท้จริงกำจัด ผู้คนไม่มีทางสงสาร มีแต่จะสมน้ำหน้าเท่านั้น
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เรื่องราวที่คล้ายๆ กันนี้ไม่ใช่ไม่เคยมี คนที่เรียกตัวเองว่าจักรพรรดิ ถูกจักรพรรดิเซียนจริงแท้ผู้หนึ่งทำลายล้างสำนักก็มีเช่นกัน
“ไม่ใช่เฮ่อเก้าสวรรค์พูดออกมาเอง แต่มีคนอื่นเรียกเขาเป็นประมุขเก้าสวรรค์ตอนเขาสำเร็จเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่มนุษย์” เกาฉิงหัวเราะ “ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนมาจากฉายา ‘กระบี่สะท้านสวรรค์’ ก่อนหน้าของเขา นับเป็นการตั้งโดยบังเอิญ แต่ก็ทำให้ผู้คนมากมายสงสัย ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น ในตอนนั้นอาจารย์ปู่น้อยก็ยังอยู่ในโลกมนุษย์อยู่”
เกาฉิงว่า “ถึงแม้ว่าเป็นคนอื่นเรียก แต่ว่าผุ้อาวุโสเฮ่อกลับไม่ได้ปฏิเสธไม่รับอย่างแน่วแน่ ดังนั้นอาจารย์ปู่น้อยจึงไปหาเขา”
“จุ๊…” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “เปลี่ยนจากเก้าสวรรค์เป็นแปดสวรรค์ เพราะมีที่มาเช่นนี้เองสินะ”
“ถูกต้อง สองคนประกระบี่ อาจารย์ปู่น้อยชนะแล้ว” เกาฉิงพยักหน้าก่อน จากนั้นก็ส่ายหน้า “แต่ว่าฉายา ‘ประมุขแปดสวรรค์’ ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องตลกหรือการด้อยค่า”
ในการต่อสู้ครั้งนั้น แม้นหลงเสวี่ยจี้จะชนะ แต่ก็ชนะเพียงขั้นหนึ่ง
ต่อมาหลงเสวี่ยจี้ยังชมเชยเฮ่อเหมี่ยน ยอมรับว่าเป็นการต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยากลำบากที่สุดในรอบหลายปีของตน
ถึงแม้ว่าเก้าสวรรค์จะเปลี่ยนเป็นแปดสวรรค์ แต่เฮ่อเหมี่ยนก็นับได้ว่าพ่ายแพ้อย่างภาคภูมิ
เมื่อพิจารณาต่อว่าเฮ่อเหมี่ยนอายุน้อยกว่าหลงเสวี่ยจี้ และเพิ่งเลื่อนเป็นระดับประมุข พลังของคนผู้นี้ก็เรียกได้ว่าน่าทึ่งยิ่ง
“เฮอะ…” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “ทางมรกตท่องฟ้าก็เป็นที่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนเช่นกัน”
เฮ่อเหมี่ยนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนทะนงตน ที่ยินยอมใช้ชื่อประมุขแปดสวรรค์เป็นเพราะว่าต้องมีความคิดท้าสู้กับหลงเสวี่ยจี้อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนจากแปดสวรรค์เป็นเก้าสวรรค์หลังจากชนะ
ความแน่วแน่และความเชื่อมั่นของคนผู้นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
“ถูกต้อง หลังจากอาจารย์ปู่น้อยผลักเปิดประตูเซียน ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของมรกตท่องฟ้า ประมุขโถงศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นยอดฝีมือที่มีจำนวนน้อยขนาดงอนิ้วนับได้แล้ว” เกาฉิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ลูกพี่ลูกน้องมีพรสวรรค์และความสามารถเทียบได้กับเขา แต่เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับอายุ ตอนนี้จึงยังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ย่อมเอาชนะประมุขโถงศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ นอกจากลูกพี่ลูกน้องแล้ว แม้แต่ท่านตาเมื่อต้องสู้กับประมุขโถงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีความมั่นใจเพียงพอ”
เกาฉิงพูดอย่างออกรส เล่าจบจึงค่อยพบว่าไม่สมควร หดคอโดยสัญชาตญาณ ราวกับว่าเกาเสวี่ยโพผู้เป็นตาอยู่ใกล้ๆ
นางมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างเอาใจ “อาจารย์อาเล็ก ประโยคสุดท้ายเมื่อครู่ ท่านช่วยทำเป็นไม่ได้ยินได้หรือไม่”
“อย่างนั้นก็ไม่แน่แล้ว ข้าคนนี้บางครั้งก็ความจำแย่ บางครั้งก็ความจำดีมาก” เยี่ยนจ้าวเกอจงใจสัพยอก เกาฉิงพลันทำหน้าขื่นขม รู้สึกเสียใจ
คนทั้งสองหัวร่อต่อกระซิก มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ตัดทะลุพันภูเขาหมื่นห้วย เดินทางไปยังดินแดนทมิฬ
จนกระทั่งถึงตอนที่จะออกจากพรมแดนของดินแดนสุขี เยี่ยนจ้าวเกอหันกลับไปมองทิศทางของเขาแหนเขียว คล้ายกับตั้งใจ ทว่าก็คล้ายกับไม่ตั้งใจอยู่ในที
พออกจากเขาแหนเขียว ปราณอันคมกล้าดุดันที่เขย่าจิตใจของผู้คนก็จางลงไปมาก ไม่ได้มอบความรู้สึกเหมือนอยู่บนคมกระบี่ให้แก่ผู้คนอื่น
เมื่อออกจากดินแดนสุขีแล้ว ก็แทบจะไม่รู้สึกถึงลมปราณที่ดุร้ายนั่นอีก
เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนมีความคิดบางอย่าง แต่ก็ดึงความสนใจกลับมา ร่วมทางกับเกาฉิง มุ่งหน้าไปยังหุบเขานาวาสมัยบนเขาฟ้าไพศาล
บนทางกลับไม่ได้พบปัญหา หรือเรื่องราวเหมือนกับที่เหวินไต้หงขวางทางท้าสู้
ถึงแม้จะมีแค่เกาฉิงนำทางมา แต่เชื่อว่าหลงเสวี่ยจี้กับเกาเสวี่ยโพไม่มีทางอยู่เฉยจริงๆ
หลังจากการเดินทางที่แสนยาวนาน ที่หมายของการเดินทางครั้งนี้ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ
แดนเหนือแม้จะหนาวเหน็บ แต่ตอนนี้ไร้พายุหิมะ แสงอาทิตย์สาดส่อง น้ำแข็งไม่ได้ผนึกตัวกัน
แต่ว่าสิ่งที่เข้าสู่คลองจักษุกลับเป็นหุบเหวที่ถูกแช่แข็งด้านในธารน้ำแข็งแห่งหนึ่ง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาฉิงเข้าใกล้ ไม่รอให้แจ้ง ธารน้ำแข็งนั้นก็ปริแตกอย่างไร้เสียง เหมือนกับประตูที่เปิดออก ต้อนรับทั้งสองคนเข้าไปด้านใน
………………..