จอมนักรบท้าโลก - ตอนที่ 836 การแจ้งเบาะแส
ทั้งสองคนตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหานี้
และตอนนี้ ทำได้เพียงเดิมพันว่าวิสัยทัศน์ของเจียงชื่อจะแม่นแค่ไหน
หยวนหยาเหว่ยพูดต่อ “ฉังหยัง คุณจับตาดูเจียงชื่อให้ดีละกัน แล้วหาวิธีพิสูจน์ว่าเจียงชื่อมันมีวิสัยทัศน์ที่ดีจริงไหม”
ยังต้องพิสูจน์ด้วยหรือ?
อันที่จริง วิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเจียงชื่อ ทุกคนก็รู้กันมานานแล้ว
ฉังหยังได้แต่จำใจพยักหน้าตอบ “ครับ ผมจะไปติดตามเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หลายวันถัดมา เครื่องประดับดาวฤกษ์ยังคงเดินหน้าตามแผนอย่างไม่หยุด ก่อนอื่นพวกเขาได้ระดมทุนจากสาขาทั่วโลกก่อน และภายในสามวันนี้ พวกเขาก็สามารถระดมทุนเป็นเงิน 2500 ล้านเพื่อนำไปซื้อหินหยาบได้สำเร็จ
จากนั้นเจียงชื่อก็ได้ประสานกับซัพพลายเออร์หลักทั้งสามเจ้านั้นเป็นการส่วนตัว และได้ใช้เงินกว่าสามเท่าในการกวาดซื้อหินหยาบของพวกเขา แต่มีเงื่อนไขเดียว ก็คือให้เจียงชื่อเป็นคนคัดเลือกสินค้าเอง
ด้วยเหตุนี้ ฉากที่หายากจึงเกิดขึ้น
เจียงชื่อนั่งอยู่ในโกดังของพวกเขา และมอบหมายผู้ช่วยสองคนส่งหินหยาบให้เขา และเจียงชื่อก็เป็นคนคัดเลือกสินค้าที่จะซื้อเองกับมือ
โดยใช้วิธีคัดเลือกทีละชิ้น
ด้วยวิธีนี้ จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่าสิบวันถึงจะคัดแยกหินหยาบทั้งหมดจากซัพพลายเออร์หลักทั้งสามเจ้านี้เสร็จ
และในช่วงเวลานี้ ฉังหยังได้ส่งลูกน้องคนหนึ่งของเขาไปแอบขโมยหินหยาบที่เจียงชื่อคัดแยกเสร็จแล้ว และหลังจากนำหินที่ขโมยกลับมาตัด เขาก็พบว่าเป็นหินชั้นหนึ่ง และได้ยืนยันความสามารถของเจียงชื่อไปอีกขั้น
ดังนั้น หากปล่อยไปแบบนี้ เครื่องประดับเส้ายินคงต้องหมดกันแน่นอน!
ในคืนวันนั้น
รถเก๋งคันหนึ่งได้ขับเข้าไปในเครื่องประดับเส้ายินอย่างเงียบๆ
เมื่อประตูรถเปิดออก หยวนหยาเหว่ยได้ก้าวลงจาก และด้วยการนำทางของพนักงานต้อนรับ เขาได้เข้าไปพบกับเหวยซือในอาคารสำนักงานของบริษัท
ทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากัน
หยวนหยาเหว่ยไม่รีรอและพูดขึ้นมาทันทีว่า “เหวยซือ ผมมีข่าวร้ายข่าวใหญ่จะบอกคุณครับ”
“โอ้ว? ข่าวร้ายอะไร?”
หยวนหยาเหว่ยเล่าทุกเรื่องเกี่ยวกับแผนของเจียงชื่อให้กับเหวยซือฟัง
และยังนำหินหยาบที่ขโมยมาจากเจียงชื่อมาวางไว้บนโต๊ะ
“ดูนี่สิครับ นี่เป็นหินที่เจียงชื่อขัดแยกออกมา”
“ถึงแม้ผมจะเกลียดเจียงชื่อมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าวิสัยทัศน์ของเขาดีมาก หินหยาบทุกก้อนที่เขาคัดเลือกออกมาล้วนเป็นหินขั้นดีทั้งนั้นเลยนะครับ”
“เหวยซือ คุณต้องลำบากแน่”
เหวยซือที่ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ
ใช่ ถ้าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างตอนนี้ เมื่อเจียงชื่อคัดแยกเสร็จและซื้อหินชั้นหนึ่งเหล่านี้ไปหมด ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แค่คิดก็รู้แล้ว
เครื่องประดับเส้ายินของพวกเขาจะเข้าสู่หายนะเต็มตัวอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ เราจะปล่อยให้เจียงชื่อประสบความสำเร็จไม่ได้”
เหวยซือยืนขึ้นและเดินไปมาในออฟฟิศเพื่อคิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้
จากนั้นสักพัก ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น
“เจียงชื่อซื้อได้ ทำไมผมถึงซื้อไม่ได้ล่ะ?”
หยวนหยาเหว่ยถามด้วยความสงสัย “ผู้จัดการทั่วไปครับ คุณคิดจะทำยังไง?”
เหวยซือยิ้มพูด “ตราบใดที่หินหยาบเหล่านั้นยังไม่ได้ขายให้กับเจียงชื่อ สิทธิ์ความเป็นเจ้าของสินค้ายังเป็นของซัพพลายเออร์ทั้งสามเจ้านั้นอยู่ดี ผมสามารถรอให้เจียงชื่อคัดแยกสินค้าเสร็จแล้วค่อยกวาดซื้อมาให้หมดก็ได้!”
“มันจ่าย 2500 ล้าน แต่ผมจะจ่าย 3000 ล้าน!”
การซื้อหินชั้นหนึ่งในราคา 3 พันล้าน และหลังจากผ่านการเจียระไนแล้ว ราคาขายจะอยู่ที่หลักหมื่นล้านขึ้นไป แต่ถ้าเจ้าของเคี่ยวหน่อย มันอาจขายได้ในราคามากกว่าสามถึงสี่หมื่นล้านด้วยซ้ำ
นี่เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงิน และเจียงชื่อจะกลายเป็น ‘คนงาน’ ของเหวยซือ เป็นคนงานคัดแยกสินค้าให้เขา
หยวนหยาเหว่ยพยักหน้า “เป็นไอเดียที่ดีนะครับ แต่คุณต้องคุยกับซัพพลายเออร์ทั้งสามเจ้าล่วงหน้าก่อน แล้วพวกเขาจะฟังคุณเหรอครับ?”
เหวยซือยิ้มจางๆ “ไว้ใจได้ เจ้าของทั้งสามคนนี้ คนหนึ่งชอบวัตถุโบราณ อีกคนชอบสาวๆ ส่วนอีกคนชอบดื่มเหล้า ความต้องการของพวกเขาผมรู้ดี ผมรับรองว่าพวกเขาเลือกที่จะขายให้ผม แต่ไม่ใช่เจียงชื่อ!”