การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) - ตอนที่ 68
ย้อนเวลากลับไปซักเล็กน้อย
เอลน่าถูกแต่งตั้งให้เป็นคนอารักขามิทสึบะที่ตำหนักในแต่งานส่วนใหญ่นั้นก็คือการคุ้มกันคริสต้า
ในตอนที่มิทสึบะกับคริสต้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน, เธอก็มักจะอยู่กับคริสต้าและมิทสึบะก็ยอมรับมันเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ในวันนั้น, คริสต้าได้ออกไปหาริต้าที่กำลังฝึกอยู่ในปราสาทและเอลน่าก็ไปกับเธอด้วย
“แต่น แต้น! ดูสิ ดู! คูจัง!”
“อะไรหรอ…..?”
ริต้าที่อยู่ที่จตุรัสของปราสาทหยิบเหรียญออกมาแสดงให้คริสต้าดู
ในแวบแรก, มันดูเหมือนเหรียญเก่าๆ
แต่ริต้าก็ยังแสดงท่าทีภาคภูมิใจให้คริสต้าเห็น
“สงสัยหรอ? อยากรู้ใช่ไหมหล่ะ?”
“เอ่อ, บอกมาเถอะหน่า…..!”
“อืมมม, เอายังไงดีนะ? จะบอกดีรึเปล่า?”
“ก็ได้! ข้าจะถามเอลน่า! เอลน่า, บอกมาหน่อยสิ”
“เอ๋!!??”
คริสต้าเดินย่ำเตาะแตะมาหาเอลน่าที่กำลังดูอยู่ใกล้ๆแล้วถามเธอ
พอเห็นแบบนี้เอลน่าก็ยิ้มเจื่อนๆ
แน่นอนว่า, มันคือสิ่งที่ริต้า, ผู้มีสิทธิได้เป็นอัศวินใช้, ดังนั้นในฐานะอัศวินหลวง, เอลน่าเองก็รู้ว่ามันคืออะไร
อย่างไรก็ตาม, เอลน่าหันไปมองริต้าในขณะที่กำลังลังเลอยู่ว่าเธอควรเข้าไปแทรกแซงการคุยเล่นของเด็กจริงๆหรอ
เมื่อเห็นริต้าทำหน้าเหมือนอยากอวดของเล่นใหม่ให้เพื่อนดู, เอลน่าก็นึกถึงวันเก่าๆ
เธอนึกถึงตัวเองในตอนที่อวดดาบหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ใหม่ๆที่เธอได้มาให้อัลกับลีโอ
“นั่นสินะคะ….มันคืออุปกรณ์ลับสำหรับอัศวินดังนั้นข้าคงบอกไปง่ายๆไม่ได้ เอางี้เป็นไงคะ, ถ้าท่านแข่งเกมส์ชนะข้า, ข้าจะยอมบอก”
“เกมส์หรอ…..?”
“ใช่ค่ะ มันเป็นเกมส์ง่ายๆ ข้าจะซ่อนหินก้อนนึงเอาไว้ซักที่และถ้าองค์หญิงหาเจอก็จะถือว่าองค์หญิงชนะ ริต้า, เจ้าเองก็มานี่ด้วย”
“ค่า”
ริต้าพูดอย่างอยากรู้อยากเห็นในขณะที่ให้ความสนใจกับการกระทำของเอลน่า
มันอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับชื่นชมยกย่องแต่เอลน่าที่เป็นถึงพี่สาวที่มีชื่อเสียงนั้นก็ยังคงเป็นคนที่น่าสนใจสำหรับเธอ
เอลน่าหยิบหินที่หล่นอยู่บนแปลงดอกไม้ขึ้นมาแล้ววางมันเอาไว้ที่ฝ่ามือเพื่อให้พวกเด็กๆดู
“ริต้า เจ้าเองก็มาเล่นด้วยสิ ถ้าเจ้าชนะข้า, ข้าก็จะไม่บอกองค์หญิงว่าสิ่งนั้นคืออะไร”
“จริงนะ!? เอาสิ, ริต้าจะเล่นด้วย!”
“อืม, เจ้าฮึกเหิมแบบนี้ก็ดีแล้ว เอาหล่ะ, ที่อยู่ตรงนี้คือก้อนหินธรรมดาก้อนนึง ข้าจะซ่อนหินก้อนนี้ จับตาดูดีๆนะโอเคไหม”
“อื้ม…..!”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาไปแน่!”
เอลน่าย้ายหินในมือขวาไปไว้ที่มือซ้ายในขณะที่คิดว่าเด็กสองคนที่กำลังสนใจอยู่นั้นดูน่าเอ็นดูจริงๆ จากนั้นเธอก็สลับหินกลับไปกลับมาระหว่างมือทั้งสองข้าง
ในตอนแรก, มันคือระดับความเร็วที่เด็กสามารถไล่ตามทันได้, แต่สุดท้ายแล้ว, เธอก็ค่อยๆเร่งขึ้นจนกระทั่งมันหายไปจากสายตาของเด็กๆ
ด้วยความที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า, ทั้งสองจึงทำได้แค่มองภาพนั้นอย่างเหม่อลอยแต่เอลน่าก็หยุดมือของเธอในเวลาไม่นาน
มือที่เคยแบอยู่นั้นตอนนี้เปลี่ยนเป็นกำปั้นและเอลน่าก็ยื่นให้เด็กๆทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
“เอาหล่ะ, คิดว่าหินอยู่ที่ไหน?”
“อืมมม, ข้างไหนกันน้า~~?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…….”
“ต้องเป็นข้างนี้แน่ๆ!”
“แบบนั้นไม่ได้นะริต้า! พวกเราต้องร่วมมือกันแล้วหล่ะ! ข้าจะเลือกข้างขวาส่วนริต้าก็เลือกข้างซ้ายไปนะ”
“โอ้!! คูจังนี่ฉลาดจังเลยนะ! ได้เลย! ริต้าจะเลือกข้างซ้าย!”
“ข้าเอาข้างขวา…..!”
รอยยิ้มของเอลน่ากว้างขึ้นหลังจากที่เห็นเด็กๆใช้ตรรกะแบบเด็กๆในการคิดหาคำตอบ
อย่างไรก็ตาม, เอลน่าไม่มีหินอยู่ในมือทั้งสองข้าง
เนื่องจากหินที่ควรจะมีอยู่หายไป, พวกเด็กๆจึงมองอย่างอึ้งๆแต่ไม่นานนักคริสต้าก็พึมพำออกมาอย่างหวาดกลัว
“อ, เอลน่ากินมันไปแล้ว…….”
“ข้าเปล่าซักหน่อย! มันอยู่ในกระเป๋าเสื้อของซักคนนึงต่างหากหล่ะ”
เอลน่าชี้ไปยังกระเป๋าเสื้อของเด็กๆที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่
พอได้ฟังแบบนั้น, พวกเด็กๆก็รู้สึกตัวว่าที่กระเป๋าเสื้อมีอะไรนูนอยู่และลองมองเข้าไปดู
จากนั้น
“โอ้!!?? มีหินสองก้อนอยู่ในกระเป๋าของริต้า!?”
“สองก้อน….เอลน่าโกงหรอ……..?”
“ข้าไม่ได้โกงซักหน่อย มันก็หินก่อนที่องค์หญิงพึ่งเห็นนั่นแหล่ะ”
“แต่ตอนนี้มันมีสองก้อนนะ!”
“ข้าตัดมัน”
“ว้าว!! สุดยอดเลย! พี่เอลน่าสุดยอดมาก!!”
“………”
แม้ว่าริต้าจะตื่นเต้น, แต่ทางคริสต้านั้นกลับนึกถึงสิ่งที่อัลบอกเธอ
คำที่เขาบอกก็คือ [ดาบของข้า]
ในตอนนั้น, คริสต้าคิดว่าเขาแค่พูดเหมือนคำเปรย
คริสต้ามองเอลน่าและพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจแล้ว
“เอลน่าคือดาบ…..ถ้าไปจับก็จะเป็นอันตรายสินะ…..”
“ท, ทำไมหล่ะ!?”
ในขณะที่บทสนทนาดำเนินไปเช่นนี้, เอลน่าก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนที่เธอคอยคุ้มกันคริสต้าช่วงแรกๆนั้น, คริสต้าเหมือนจะสร้างกำแพงเล็กๆขั้นไว้ระหว่างพวกเธอ
เพื่อที่จะทำลายกำแพงนั้น, เอลน่าก็เลยเล่าเรื่องของเธอเกี่ยวกับอัล ถึงยังไงเธอก็คงไม่สามารถทำหน้าที่เป็นคนคุ้มกันได้ถ้าอีกฝ่ายคอยระวังเธออยู่
อย่างไรก็ตาม, ผลลัพธ์ก็คือเธอได้เล่าด้านที่เห่ยๆของอัลให้คริสต้าฟังมากมายแต่เอลน่าก็คิดซะว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ถึงยังไงอัลก็เป็นคนที่มาขอให้เธอทำหน้าที่นี้
ตอนนี้พอเห็นองค์หญิงเริ่มคุยเล่นกับเธอ, เอลน่าก็รู้สึกมั่นใจว่าตอนนี้คริสต้าค่อนข้างไว้ใจเธอแล้ว
“เอลน่า, ในเมื่อพวกเราทายผิดกันทั้งคู่, แล้วใครจะเป็นผู้ชนะหล่ะ…..?”
“อืมมม, ในเมื่อมันเป็นชัยชนะของข้าถ้างั้นข้าจะเป็นคนอธิบายให้องค์หญิงฟังเองค่ะ ริต้า, ขอยืมเหรียญหน่อย เอามาทั้งสองเหรียญเลย”
“ค่ะ! พี่เอลน่า”
จากนี้ไปเธอจะเรียกเราแบบนี้แล้วสินะ, ในขณะที่คิดเช่นนั้น, เอลน่าก็รับเหรียญโทรมๆสองเหรียญมาจากริต้า แล้วเธอก็ส่งเหรียญนึงให้กับคริสต้า
“ถือเอาไว้ดีๆนะคะ”
“อื้ม….”
“เอาหล่ะ, เหมือนกับก่อนหน้านี้, ข้าจะซ่อนเหรียญนี้อีกครั้ง, ตั้งใจดูดีๆนะคะ”
พอพูดจบ, เอลน่าก็สลับเหรียญกลับไปกลับมาระหว่างมือของเธอเหมือนที่ทำกับหินก่อนหน้านี้
จากนั้นเธอก็เพิ่มความเร็วจนกระทั่งมองเหรียญไม่เห็นอีกแล้วยื่นกำปั้นให้เด็กๆ
“เอาหล่ะ, ตอนนี้คิดว่ามันอยู่ที่ไหน?”
“กระเป๋าเสื้อ!”
“กระเป๋าหลังฝั่งซ้ายของเจ้ารึเปล่า”
“ผิดทั้งคู่”
เอลน่าแบมือ
ไม่มีเหรียญอยู่ในนั้นหรือในกระเป๋าเสื้อ
ทั้งสองยังคงมองหามันแต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
“เอาหล่ะ, องค์หญิงคริสต้า, ช่วยเอาเหรียญที่ข้าส่งให้ไปก่อนหน้านี้ออกมาหน่อยสิคะ”
“เจ้านี่หรอ…..?”
ใช่ค่ะ วางเอาไว้บนมือแบบนั้นหล่ะค่ะ, ริต้าด้วย, เอานิ้วของเจ้าไปแตะเหรียญนั่นสิ”
“ค่ะ!”
“เอาหล่ะ, ตั้งใจดูดีๆนะคะ [บันเด้]”
พอเอลน่าพูดคำๆนึงออกมาพร้อมกับใส่เวทมนตร์เข้าไปด้วยเล็กน้อย, ด้ายแสงบางๆก็โผล่ออกมาจากเหรียญ
จากนั้นมันก็โยงไปที่กระเป๋ากระโปรงของเอลน่า
เอลน่าหยิบเหรียญออกมาจากกระโปรงของเธอแล้วแสดงให้ดูว่ามันเชื่อมต่อกับเหรียญของคริสต้าด้วยด้ายบางๆ
“เหรียญพวกนี้มีชื่อว่า ‘มันซ์*’ พวกมันคืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ถ้าบอกรหัสผ่านในขณะที่สัมผัสเหรียญอยู่ด้ายก็จะโผล่ออกมาจากมันและไปเชื่อมกับตัวรับของมัน โดยหลักแล้วด้ายนี้จะเห็นได้แค่คนที่สัมผัสเหรียญ คนที่เก่งเรื่องเวทมนตร์ก็อีกเรื่องนึงแต่น่าจะมีอยู่แค่ไม่กี่คนที่จะมองเห็นมันได้”
(ผมใช้คำอ่านตามโรมันจินะครับส่วนคันจิจะเขียนตามนี้ 絆硬貨(ミュンツェ) แปลว่า: เหรียญสายสัมพันธ์)
“สุดยอดเลย….ถ้างั้นข้าก็สามารถใช้เจ้านี่ติดต่อกับเพื่อนได้หน่ะสิ?”
“บางครั้งมันถูกใช้สำหรับจัดประชุมลับและก็มีบางครั้งที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ในการติดตาม ถ้ายกตัวอย่างก็คือให้คนนึงถือเหรียญเอาไว้เหรียญนึงแล้วแอบเข้าไปในค่ายของศัตรูส่วนอีกคนก็พกอีกเหรียญเอาไว้เพื่อแอบตามเข้ามาข้างในอย่างเงียบๆ เนื่องจากมันผลิตไม่ทันความต้องการ, ก็เลยมีแค่อัศวินในพื้นที่รอบเมืองหลวงของจักรวรรดิที่ได้ใช้, แต่ในท้ายที่สุดแล้วมันก็จะถูกแจกจ่ายไปทั่วจักรวรรดิ ก็ตามนั้นแหล่ะ, ริต้า, ห้ามทำหายนะเข้าใจไหม? ในเมื่อเจ้าเป็นอัศวินฝึกหัด, มันก็เป็นแค่ของที่ให้เจ้ายืมเท่านั้น ที่ครูฝึกของเจ้ามอบให้ก็เพราะเขาอยากจะดูว่าเจ้าสามารถดูแลมันได้ไหม”
“ค่า!”
ร่าเริงมันก็ดีอยู่หรอกแต่เอลน่าก็ยังคงถอนหายใจให้กับคำตอบแบบส่งๆของเธอ
โดยไม่สนใจเอลน่า, ริต้ากับคริสต้าก็ไปเล่นกันที่จตุรัสของปราสาท
“เธอจะกลายเป็นอัศวินทั้งแบบนี้เนี่ยนะ…….”
ไม่เคยมีกรณีที่อัศวิฝึกหัดที่ปราสาทกลายเป็นอัศวินหลวงมาก่อน
อย่างไรก็ตาม, เอลน่าคาดหวังให้ริต้ากลายเป็นคนแรกที่ทำแบบนั้นได้ ถึงยังไงเธอก็คิดว่าริต้าจำเป็นต้องอยู่ข้างคริสต้า
ถ้าเธอกลายเป็นอัศวินหลวง, เธอก็จะสามารถกลายเป็นคนคุ้มกันราชวงศ์ได้ ริต้า, ที่ไม่ได้มาจากบ้านผู้กล้าหาญเหมือนเอลน่า, จะสามารถกลายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคริสต้าได้ถ้าคริสต้าต้องการ
ด้วยการนึกถึงอนาคตเช่นนั้น, เอลน่าก็ตั้งปณิธานของเธอ
เพื่อที่จะปกป้องอนาคตนั้นเอาไว้, เอลน่าจะต้องทำลายอนาคตที่โหดร้ายซะก่อน
ในขณะที่เอลน่าตั้งปณิธานมั่น, เธอก็ได้ยินคริสต้าส่งเสียงร้องในขณะที่เรียกชื่อของริต้า
“ริต้า!”
“ไม่เป็นไร! ข้าไม่เป็นไร! อ้ะ”
ริต้าปีนขึ้นไปบนเสาต้นหนึ่งในจตุรัสและในตอนที่เธอมองลงมาหาคริสต้า, เธอก็สูญเสียการทรงตัวและเผลอปล่อยมือ
ริต้ากำลังร่วงลงมากระแทกพื้น
อย่างไรก็ตาม, เอลน่าทำการตอบสนองในทันทีและรับเธอเอาไว้ได้อย่างนุ่มนวล
“จริงๆเลย, อัศวินไม่ควรทำให้ราชวงศ์เป็นห่วงนะรู้รึเปล่า? ริต้า”
“แหะแหะ….ขอโทษค่ะ”
“ริต้า! เป็นอะไรรึเปล่า!? บาดเจ็บไหม!?”
เสาไม่ได้สูงมากนัก
ต่อให้เธอตกลงมา, ก็ไม่น่าจะมีแผลอะไรนัก นี่คือสิ่งที่เอลน่าเรียนรู้มาจากประสบการณ์
ในอดีต, เธอเคยเรียกอัลออกมาที่นี่เพื่อรับการฝึกพิเศษ ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้, อัลที่ไม่ได้ออกกำลังกายเลยนั้นตกลงมาจากเสาและเขาก็ได้รับบาดแผลแค่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม, คริสต้านั้นกังวลจนเกินเหตุ
มันต้องเกี่ยวข้องกับอนาคตที่เธอเห็นแน่ๆ
“ข้าไม่เป็นไร, เห็นไหม ปกติข้าก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว”
“ห้ามเลยนะ! อย่าทำเรื่องอันตรายแบบนี้อีก!”
“องค์หญิง, ใจเย็นหน่อยเถอะค่ะ”
“ริต้า! ข้ามองเห็นอนาคตได้! ริต้าจะตกอยู่ในอันตราย! ข้าก็เลย, อู้อึ้!?”
เอลน่ารีบเข้ามาปิดปากของเธอ
จากนั้นก็หันไปมองรอบๆในขณะที่มือยังคงปิดปากของคริสต้าเอาไว้
หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ, เอลน่าก็ถอนหายใจออกมาแล้วมองตรงไปที่คริสต้า
“องค์หญิง, อัลบอกไปแล้วไม่ใช่หรอคะว่าท่านต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ?”
“……ใช่ค่ะ…..ข้าขอโทษ”
“ในเมื่อท่านหลุดปากไปแล้วก็คงช่วยไม่ได้แต่ริต้า, เจ้าต้องลืมสิ่งที่เธอพูดเมื่อสักครู่นี้นะ”
“เรื่องมี้กี้นี้หรอคะ? เข้าใจแล้วค่ะ!”
ริต้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม
เอลน่าไม่ได้สั่งห้ามเธอเด็ดขาด
แม้ว่าริต้าจะเอาไปบอกคนอื่น, มันก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระของเด็ก, และถึงแม้เอลน่าจะไม่บอกให้เธอเก็บเงียบ, เธอก็ไม่คิดว่าริต้าจะเป็นคนประเภทที่ชอบเผยแพร่ข่าวลือ
ริต้า, ที่เติบโตในกลุ่มเด็กหลายคนนั้นสามารถอ่านอารมณ์ได้ดังนั้นมันก็น่าจะไม่เป็นอะไร, นี่คือสิ่งที่เอลน่าคิด
อย่างไรก็ตาม, เอลน่าไม่ได้รู้เลย
มีใครบางคนที่สามารถปกปิดตัวตนในระดับที่เอลน่าตรวจจับไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
แถมความจริงก็คือว่าเธอเป็นคนใช้ของคนที่พวกเขาควรจะเก็บให้เป็นความลับมากที่สุดด้วย
“ข้าต้องเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านซานดร้าแล้วหล่ะ”
พอพูดจบ, คนใช้ผมสีน้ำตาลก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เธอติดตามเอลน่ามาตามคำสั่งของซานดร้าและเธอก็ได้รู้เรื่องที่คาดไม่ถึงเข้า
เธอเป็นคนมีความสามารถที่แอบตามรอยเอลน่ามาได้โดยที่เธอไม่รู้ตัว
แม้ว่าเธอจะถูกฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว, แต่เธอก็ยังคงกลัวการถูกจับได้ ถ้าเธอเป็นแค่หนึ่งในนักฆ่าของซานดร้าเธอก็คงจะถูกจับได้ไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม, การที่มีเอลน่ามาช่วยคุ้มกันนั้นมันก็ยิ่งช่วยยืนยันความจริงข้อนี้
ความจริงที่ว่าเจ้าหญิงลำดับสามคริสต้ามีความสามารถในการมองอนาคต หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ, เธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิด
ด้วยการพกพาความมั่นใจนี้เอาไว้, คนใช้ก็หายไปในความมืดอย่างช้าๆ