เทพศึกมังกรหวนคืน - ตอนที่ 257 เปิดแฟ้มข้อมูล SSS
“พ่อ”
หลินจิ่งเหวินมองไปที่หลินเย่าตุงอย่างว่างเปล่า
“หลินผิงกับหลินต้ง พวกนั้นล้วนเป็นลูกหลานสายรองของตระกูลที่ฉันส่งออกไปต่างแดน พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาไม่คู่ควรแก่การฝึกอบรม ส่วนแกคือลูกคนโตของฉัน ลูกชายของหลินเย่าตุง แกเป็นคนที่ต้องสืบทอดกิจการของฉัน แต่ตอนนี้การแสดงออกของแก มันด้อยกว่าหลินผิงกับหลินต้งเสียอีก”
การดุด่าของหลินเย่าตุงทำให้หลินจิ่งเหวินค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาถูก Mr.X ตัดแขนทั้งสองข้าง ไม่สามารถกำจัด Mr.X ได้เสียที ความระทมทุกข์ส่งผลต่อจิตใจ ทำให้เขาเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
การตบครั้งนี้ทำให้เขาตื่นขึ้นมา
“พ่อ ผมเข้าใจแล้ว”
ดวงตาของหลินจิ่งเหวินเริ่มค่อยๆ เปล่งประกายขึ้นมา
“ส่วนเรื่อง Mr.X ฉันมีวิธีของตัวเอง”
หลินเย่าตุงเคาะเก้าอี้อีกครั้งเสียงดังก๊อกๆ แต่ก็ทำให้โจวจือเชียนที่อยู่ทางด้านหนึ่งรู้สึกแปลกๆ กับเสียงเคาะ
แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างใจร้อนและรวดเร็ว
จังหวะผิดปกติไป
“คุณก็รู้สึกว่าจัดการได้ยากด้วยเหรอ?”
โจวจือเชียนแอบชำเลืองมองหลินเย่าตุงในชุดเสื้อคลุมสีดำ ร่างกายซูบผอม สีหน้าสงบนิ่ง บางทีบุคคลอัจฉริยะที่ฟ้าส่งมาของตระกูลหลิน ก็รู้สึกถึงความยุ่งยากเช่นกัน
Mr.X เป็นคนที่จัดการได้ยากจริงๆ
และที่บอดี้การ์ดมังกรในเวลานี้ก็เป็นที่โจษจันกันขึ้นมา เพราะพนักงานทุกคนในบอดี้การ์ดมังกรต่างรู้ว่าบอดี้การ์ดมังกรกับ Mr.X มีความบาดหมางต่อกัน และนกดำซึ่งเป็นผู้นำของบอดี้การ์ดมังกร ก็ตายด้วยน้ำมือของ Mr.X
แม้ว่าซ่างเปียวและท่านสามซึ่งเป็นสองผู้นำของบอดี้การ์ดมังกรจะไปด้วย แต่ Mr.X ก็ไม่ได้ไว้หน้าพวกเขาเลย
สุดท้ายนกดำก็เสียชีวิต
มันเหมือนเป็นการตบหน้าบอดี้การ์ดมังกรที่เป็นมหาอำนาจของโลกใต้ดินของเมืองเจียงเฉิงอย่างรุนแรง
“หัวหน้า Mr.X เป็นคนจองหองเกินไป ครั้งก่อนเขาฆ่านกดำต่อหน้าคุณและท่านสาม ไม่ให้เกียรติบอดี้การ์ดมังกรของพวกเราเลยสักนิด”
“แม้ว่านกดำจะทำผิด แต่ก็เป็นคนของบอดี้การ์ดมังกรของพวกเรา พวกเราสามารถจัดการกันเองได้ มันเป็นธุระของ Mr.X ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก่อนหน้านี้ที่เขาออกไปจากที่นี่ มีโอกาสมากแต่ก็ไม่หนีไป โง่จริงๆ กลับมามีแต่จะเผชิญหน้ากับความโกรธสูงเทียมฟ้าของพวกเราเท่านั้น”
ผู้คนในบอดี้การ์ดมังกรต่างรายล้อมซ่างเปียวที่มีส่วนสูงสองเมตร แล้วพูดอย่างโกรธแค้น
พวกเขารู้สึกว่า มดตัวเล็กๆ อย่าง Mr.X กำลังยั่วยุบอดี้การ์ดมังกรของพวกเขา ยั่วยุบริษัทที่เป็นเจ้าแห่งเมืองเจียงเฉิง
เป็นแค่มดตัวเล็กๆ แต่ยังกล้าอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผมรู้แล้ว ผมจะไปหาเจ้านาย” ซ่างเปียวกล่าว
เจ้านายของซ่างเปียวก็คือยมบาลเจียงอยู่แล้ว เขารับผิดชอบดูแลโลกใต้ดินของบอดี้การ์ดมังกรทั้งหมด ลูกสมุนเหล่านี้โดยปกติจะมองไม่เห็นยมบาลเจียง
ดังนั้นจึงบอกเขาได้เพียงเท่านี้
ไม่นานซ่างเปียวก็มาถึงห้องทำงาน ครั้งนี้เขามาด้วยตัวเอง ไม่ได้มาพร้อมกับท่านสาม เขาผลักประตูเข้ามา คุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งแล้วบอกว่า “นายท่าน Mr.X กลับมาแล้ว”
“อืม”
เจียงเจิ้นยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ หันหลังให้ซ่างเปียว มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเช่นเดิม เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ทางสำนักงานใหญ่เรียกทีม SS มารวมตัวกันแล้วหรือยัง?”
“เรียกมารวมกันแล้วครับ”
“งั้นก็ดี ส่งบัตรเชิญไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของ Mr.X บอกว่าคืนนี้ผมจะจัดงานเลี้ยงและงานเต้นรำให้กับ Mr.X รำแห่งความตาย ทุกอย่างมันควรจะจบลงได้แล้ว”
“ครับผม”
หลังจากซ่างเปียวออกไปก็เหลือเพียงเจียงเจิ้น เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “Mr.X น่าสนุกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะถึงเวลาแล้ว ฉันก็ยังไม่อยากจะฆ่าแกหรอก เล่นกับแกต่อไป มันไม่น่าสนุกกว่าเหรอ”
…
วิลล่าหยุนติ่ง
ฉินเฟิงกลับมาแล้ว ฉีหยุนเอามือลูบศีรษะอยู่ข้างๆ พลางกล่าวว่า “ใต้เท้า พวกเรากลับมาแล้ว เมืองเจียงเฉิงอึกทึกมาก มีการเคลื่อนไหวในทุกด้าน”
“ก็แค่กลัว”
ฉินเฟิงโบกมือ บ่งบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปสนใจ
จากนั้นก็เข้าไปในห้อง ร่างเล็กโผเข้ามาหาทันที “คุณลุงฉิน”
เสี่ยวหยูนั่นเอง
จากนั้นเสี่ยวหยูก็มองเห็นหวังเถ่ที่อยู่ข้างหลังฉินเฟิง เธอโผเข้าไปหาเขาด้วย เอาใบหน้าน้อยๆ คลอเคลียร่างกายของหวังเถ่ “พ่อคะ พ่อไปไหนมา หนูคิดถึงพ่อมาก”
“เด็กดี”
หวังเถ่ลูบผมของเสี่ยวหยู
“คุณผู้ชาย”
ในเวลานี้ โหวเมิ่งหยาวได้เดินเข้ามาและรายงานฉินเฟิงว่า “คุณผู้ชาย สองวันนี้ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่เจียงเจิ้นได้ส่งบัตรเชิญมาให้คุณ บอกว่าคืนนี้จะจัดงานเลี้ยงเต้นรำให้คุณ เพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากกลับมา”
“งานเลี้ยงเต้นรำ? ฮึ เขาคิดได้ยังไง”
ฉินเฟิงส่ายหน้า แต่ก็พูดต่อว่า “ตอบเขากลับไป ตกลง ผมก็อยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของยมบาลเจียงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังพอดี”
“เออใช่ แล้วหลิวหลินล่ะ?”
ฉินเฟิงถามขึ้นมาอีก
จากนั้นพวกเขาก็มอบหมายธุระให้กับโหวเมิ่งหยาวแล้วออกไป ไม่สนใจอีก
“อยู่ข้างนอกค่ะ กำลังเล่นกีฬาอยู่”
โหวเมิ่งหยาวชี้ไปยังด้านนอกอีกทางหนึ่ง ภายในลานขนาดเล็ก มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อกล้ามชุ่มเหงื่อ กำลังใช้ปลายนิ้วมือดันพื้นค้างไว้
หลิวหลินนั่นเอง
หลิวหลินดูมีสัดส่วนรูปร่างที่ดีมาก แต่สิ่งที่หลิวหลินแสวงหาไม่ใช่สัดส่วนรูปร่าง แต่เป็นพลังที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากใช้กล้ามเนื้อผลิตพลังอย่างฉับพลัน
เพื่อสร้างพละกำลังอย่างแข็งแกร่งที่สุด
แต่ในเวลานี้ เธอก็เห็นคนที่อยู่ในห้องแล้วเช่นกัน เธอเดินเข้ามาทันที ก่อนจะเดินไปถึงตรงหน้าหวังเถ่ โค้งคำนับเก้าสิบองศา “สวัสดีท่านอาจารย์”
“เรียกอาจารย์ผมไม่ค่อยชินเลย เรียกว่าครูทหารแล้วกัน” หวังเถ่โบกมือ
เขาเป็นนักฆ่าชั้นนำ มีฉายาในตอนนั้นว่าครูทหาร แม้ว่าจะไม่ปรากฏการฆ่าคนให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่เขาก็ถนัดในเรื่องการสอนคน ตอนที่เขาแฝงตัวอยู่ในอีสเตอร์แลนด์เพื่อที่ไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูง เขาได้แสดงความสามารถนี้ออกมาอย่างเต็มที่
ฝึกอบรมเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม
ดังนั้นฉินเฟิงจึงให้หวังเถ่มาฝึกฝนหลิวหลิน มุ่งเรียนเฉพาะทาง
แต่หลังจากหลิวหลินเรียกหวังเถ่แล้วก็เดินผ่านฉินเฟิงไปโดยไม่เหลือบมองสักนิด เธอเดินตรงไปที่หน้าตู้เย็นและหยิบแตงโมครึ่งชิ้นออกมากิน
“หลินหลิน ท่านนี้ต่างหากคือผู้นำ”
พอเห็นหลิวหลินไม่สนใจฉินเฟิง โหวเมิ่งหยาวก็รู้สึกกังวล ไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอกับหลิวหลินได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว เธอจึงไม่อยากเห็นหลิวหลินทำให้ฉินเฟิงขุ่นเคือง
นี่คือ Mr.X
“ผู้ชายคนนี้ตอนนี้ยังเป็นผู้ต้องสงสัยของฉัน อีกอย่างอาจารย์ของฉันคือหวังเถ่ ไม่ใช่คุณ ฮึ คุณมันก็แค่พวกทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง”
หลิวหลินยังคงมีมุมมองเช่นเดียวกับเมื่อก่อน
ฉินเฟิงเป็นเพียงทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง
ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยครอบครัว จะมีทุกอย่างแบบในวันนี้ได้อย่างไร
“คุณกลับไปตรวจสอบข้อมูลของผมที่สถานีตำรวจดู ถึงอย่างไรตอนนี้คุณก็เป็นลูกน้องของผมแล้ว” ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับโบกมือ
“แฟ้มข้อมูลลับจำกัดสิทธิ์ SSS ของคุณ ฉันได้ปลดล็อกแล้ว”
“งั้นก็ดี”
หลิวหลินบุ้ยปาก ยังคงกินแตงโมอยู่ แฟ้มข้อมูลลับระดับ SSS มีอะไรอยู่บ้าง เมื่อตัดสินจากระดับของทายาทรุ่นสองที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นประวัติครอบครัวปลอม
เอาฐานะทางครอบครัวมาข่มขู่ฉันเหรอ?
ขอโทษนะ ฉันหลิวหลินไม่ใช่คนแบบนั้น
เหตุผลที่มาที่นี่ก็เพราะว่าฉันไม่ยอมก้มหัวให้คุณ ไม่ยอมก้มหัวให้ทายาทรุ่นสองที่อาศัยภูมิหลังครอบครัวเพื่อเลื่อนขั้นอย่างคุณ