บทที่ 196 ต้วนเจิง
คืนที่ท้องฟ้าแจ่มใส มีดวงจันทร์สว่างและดาวประปราย บนตึกสำนักงานหรูหราสูงเสียดฟ้าแห่งหนึ่งในเมืองเยี่ยนจิง ไฟทั้งหมดดับหมดแล้ว เหลือเพียงโคมไฟอันเดียวที่ส่องสว่างอ้างว้างอยู่บนชั้นดาดฟ้า ดูเหงาท่ามกลางความมืดมิดของราตรี
ชายวัยกลางคนหน้าตาอิ่มเอิบ แก้มแดงระเรื่อ ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองลงมายังเมืองที่หลับใหลอยู่เบื้องล่าง
ตอนดึกของเมืองเยี่ยนจิงช่างแตกต่างจากความวุ่นวายในตอนกลางวัน มันมีเสน่ห์มากกว่า ราวกับเหล้าเก่าที่หมักมานาน ไม่ว่าจะหยิบออกมาดื่มเมื่อไหร่ ก็ยังคงรสชาติที่ทำให้เมามาย
“การฆ่าตัวตายของจ้าวอิ๋งไม่ได้ทำให้ฉันประหลาดใจเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน ฉันก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงเกินตัว แต่ชีวิตกลับบอบบางยิ่งกว่ากระดาษ” ชายวัยกลางคนละสายตาจากวิวเบื้องล่าง พูดอย่างช้า ๆ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
บนโซฟาในห้องมีชายหนุ่มผมทองนั่งอยู่ ต่างจากชายวัยกลางคนที่แผ่รัศมีน่าเกรงขาม เขามีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า ราวกับแสงอาทิตย์ในเดือนมีนาคม สดใสแต่ไม่แสบตา
เมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน เขาก็ยืดตัวบิดขี้เกียจ แล้วพูดเสียงเรียบว่า “แต่การสนับสนุนมาหลายปีคงไม่สูญเปล่าใช่ไหม? ก็นั่นมันเป็นเงินหลายร้อยล้าน ไม่ใช่แค่ไม่กี่หมื่น ถึงคนจะตายไปแล้ว แต่ก็ควรจะทิ้งอะไรไว้บ้างนะ”
“ฮ่า ๆ ๆ คนหนุ่มนี่ช่างใจร้อนจริง ๆ จะตกปลาตัวใหญ่ก็ต้องหย่อนเบ็ดยาว ๆ สิ มาดูนี่” ชายวัยกลางคนยื่นแฟ้มเอกสารหนาเตอะให้ชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรับมาแล้วรีบกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มพูดว่า “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่นึกเลยว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของคุณหมดแล้ว ผมคิดมากไปเอง”
ชายวัยกลางคนยิ้มบาง ๆ พูดอย่างสงบ “ในเมื่อมีคนยอมเป็นสะพานให้เรา เราจะรีบร้อนไปทำไม รอดูผลลัพธ์ก็พอแล้ว”
ชายหนุ่มหัวเราะร่าอย่างสบายอารมณ์ ท่าทางเห็นด้วยอย่างยิ่ง
……
รุ่งอรุณทางทิศตะวันออกได้กลบความมืดมิดของราตรีไปจนหมดสิ้น หานสาวที่เพิ่งสร่างเมาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำคือลูบเสื้อผ้าตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าชุดชั้นในยังอยู่ครบ ก็ถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งอก แต่ในดวงตากลับมีแววผิดหวังอยู่บ้าง
เธอลุกขึ้นนั่ง มองไปที่เหอเจ๋อที่นอนอยู่บนโซฟา แล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ตื่นได้แล้ว พระอาทิตย์ส่องก้นแล้วนะ!”
เหอเจ๋อพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง “ฉันตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากรบกวนเธอ อยากให้เธอนอนต่ออีกหน่อย เลยไม่ได้ลุกขึ้นมา”
“เชอะ! เสแสร้ง” หานสาวบ่น ก่อนจะพูดเสียงดุว่า “เอาเสื้อผ้าของฉันมาเดี๋ยวนี้”
เหอเจ๋อไม่อยากเถียงกับเธอ จึงเปิดหน้าต่างแล้วหยิบเสื้อผ้าที่แขวนไว้ข้างนอกเข้ามา
อากาศในทะเลทรายค่อนข้างแห้ง ประกอบกับเขาบิดน้ำออกแรงมาก น้ำจึงออกเกือบหมด เสื้อผ้าแห้งภายในคืนเดียว
หานสาวรับเสื้อผ้าที่สะอาดเอี่ยมมา รู้สึกอบอุ่นในใจ “ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า นายหันไปทางอื่นซะ”
“ฉันเห็นมาหมดแล้ว ยังต้องหันไปด้วยเหรอ” เหอเจ๋อทำปากยื่น บ่นพึมพำเบา ๆ แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หานสาวก็กลับมาเป็นสาวงามบริสุทธิ์อีกครั้ง เธอเดินจูงแขนเหอเจ๋อลงไปทานอาหารเช้าด้วยกัน
ในห้องอาหารมีคนอยู่ไม่น้อย พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามา ทุกคนก็ลุกขึ้นยืนทักทายอย่างนอบน้อม ทำเอาคนที่ไม่รู้เรื่องคิดว่าเป็นผู้นำลงมาตรวจงานเสียอีก
หลังจากปฏิเสธคำเชิญร่วมทานอาหารจากคนเหล่านั้นอย่างยากลำบาก ทั้งสองก็หามุมเงียบ ๆ นั่งลง เหอเจ๋อพูดอย่างหงุดหงิด “นี่มันอะไรกัน? ทำไมมีคนเชิญฉันกินข้าวเยอะแบบนี้ หรือว่าฉันหล่อจนสามารถอาศัยหน้าตากินข้าวได้แล้ว?”
“อย่าคิดมั่นหน้าไปหน่อยเลย” หานสาวชูนิ้วกลางใส่เขาพลางพูดอย่างดูถูก “เมื่อวานไม่รู้ใครเมาแล้วพูดเรื่องการพนันระหว่างนายกับซากาตะ ทาคาโยชิออกไป ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่านายไม่ใช่แค่ทายาทของบริษัทภาพยนต์เหอ แต่ยังเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย ต่อไปแค่นายกระทืบเท้าทีเดียว วงการบันเทิงของทั้งสองประเทศต้องสั่นสะเทือน ใครจะไม่ประจบนายล่ะ”
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” เหอเจ๋อพูดอย่างผิดหวัง “นึกว่าเสน่ห์ของฉันพุ่งพรวดขึ้นมาในชั่วข้ามคืนะอีก”
หานสาว “…”
ขณะที่ทั้งสองคุยเล่นไปพลางทานอาหารเช้าไป จู่ ๆ ห้องอาหารที่ครึกครื้นก็เงียบลง ทั้งสองคนตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองตามสายตาของทุกคน
ที่ประตูมีหญิงสาวผมยาวใส่แว่นตากรอบดำมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอสวมเสื้อสูทสีดำดูคล่องแคล่ว กระโปรงรัดรูปสีดำ ก้มตัวโน้มไปที่เคาน์เตอร์ตรงทางเข้า สะโพกอวบอิ่มทำให้คนอดใจไม่ไหวต้องมองหลายครั้ง
“ต้วนเจิง?”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่พูดออกมา หญิงสาวผมยาวหันกลับมา เหอเจ๋อถึงได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน เขาถึงกับอึ้งไป
รอบตัวเขาไม่ขาดสาวสวย ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้หญิงในบริษัทภาพยนต์เหอ แค่ผู้หญิงรอบตัวเขาก็พอแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงหานสาว เธอเป็นผู้หญิงในฝันของผู้คนมากมาย จางเหวินฉีได้ฉายาว่าเป็นกุหลาบในวงการธุรกิจ ได้รับเลือกเป็นดาวมหาวิทยาลัยหลายปีติดต่อกัน แม้แต่แม่ของเขา ถึงแม้ปกติจะดุหน่อย แต่ถ้าพูดถึงหน้าตาก็สวยเป็นอันดับหนึ่ง
คิดดูแล้ว เขาก็เคยเห็นสาวสวยมาไม่น้อย ตามหลักแล้วเขาควรจะมีภูมิต้านทานต่อสาวสวย แต่พอเห็นผู้หญิงคนนี้ การป้องกันทั้งหมดก็พังทลายลงทันที
ใบหน้ารูปไข่ ตาโต คิ้วเรียว จมูกโด่ง…
ดูเหมือนว่าบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้จะรวมความพยายามทั้งหมดของสวรรค์เอาไว้ จุดเด่นทุกอย่างสามารถมองเห็นได้บนตัวเธอ งดงามจนเหมือนไม่มีอยู่จริง
เมื่อได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ต้วนเจิงหันมามองดี ๆ แล้วยิ้ม “อ๋อ นักข่าวหลิวนี่เอง ไม่ได้เจอกันนาน ขอบคุณที่ตอนนั้นคุณกล้าพูดเพื่อฉันท่ามกลางแรงกดดัน”
ชายวัยกลางคนที่ผมบางเล็กน้อยตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก “ไม่เป็นไร แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”
ต้วนเจิงยิ้มน้อย ๆ ไม่พูดอะไรอีก กวาดตามองห้องอาหาร สายตาก็เป็นประกายทันที เดินช้า ๆ ไปยังมุมที่ไม่สะดุดตา
“คุณชายเหอ ฉันชื่อต้วนเจิง ผู้จัดการจางส่งฉันมาค่ะ”
เหอเจ๋อมองผู้หญิงที่ก้มตัวทักทาย ชั่วขณะหนึ่งเขาอึ้งไป ถูกหานสาวที่อยู่ข้าง ๆ บิดแรง ๆ ถึงได้สติ รีบพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สวัสดีครับ ผมเหอเจ๋อ”
ต้วนเจิงเอามือปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก เธอมองสำรวจเหอเจ๋อ แล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่นึกเลยว่าคุณชายเหอจะขี้อายขนาดนี้ น่าประหลาดใจจริง ๆ”
เหอเจ๋อมีสีหน้าเก้อเขินนิดหน่อย เขากระแอมเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณล้อเล่นแล้ว ขอบคุณที่ลำบากมาถึงที่นี่นะครับ”
MANGA DISCUSSION