เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 80: งานเทศกาลโลหิตมังกรที่แท้จริง (1)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 80: งานเทศกาลโลหิตมังกรที่แท้จริง (1)
< < 67Sec1 > >
คุณการ์ปสังเกตุร่างของผมไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเหนื่อยตก
“ทำไมร่างกายถึงกลับมาเหมือนเดิมได้ อย่างน้อยก็หน้าแกมันควรจะแหลกไปแล้ว..ใช้ลูกไม้อะไรกัน เก็บซ่อนพลังอะไรไว้กัน ดูถูกกันเกินไปแล้ว!”
“ไม่เคยคิดดูถูกเลยครับ”
“หนวกหู! ไอ้เวรเอ้ย จะฆ่าแกให้จบๆไปเดี่ยวนี้แหละ!”
กล่าวจบคุณการ์ปก็พุ่งเข้าใส่ผมด้วยความรวดเร็ว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะวิญญาณระดับเทพของเขาด้วยที่ช่วยรีดความเร็วสูงสุดออกมาได้
โชคดีที่ตอนนี้ร่างกายผมกลับมาดั่งเดิมทำให้-แข็งแรงพอจะสู้ต่อ
ผมร่ายเวทย์เพลิงสวนเข้าไป คุณการ์ปปัดมันทิ้งเอาง่ายๆ
การต่อกรกับคุณการ์ปที่ดีคือไม่โจมตีแบบโต้งๆตามที่ว่า
เช่นนั้นแล้ว-จำเป็นต้องลอบตี
ผมปา [แคนน่อนเอิร์ธ] ออกไป พร้อมกับติดเวทย์ลมเพื่อดีดกลับมา โจมตีย้อนกลับข้างหลังของคุณการ์ป เพียงแค่นี้ก็จะไม่อยู่ในระยะสายตาแล้ว
“ลูกไม้ตื้นๆ!”
คุณการ์ปหันหลังกลับไปปัดกระสุนหินของผม และพลิกตัวกลับมารับมือกับผมต่อ
นั่นช่วยยืนยันให้ว่าคุณการ์ปจำเป็นต้องเห็นเท่านั้น และมีระยะด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงโดนลากร่างไปแล้วแพ้เอาง่ายๆแล้วล่ะ
วิธีชนะคือต้องโจมตีในมุมอับสายตาของคุณการ์ป แค่นั้นแหละ
เขาเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆแล้ว-ผมพุ่งเข้าใส่และออกหมัดขวาใส่ คุณการ์ปหลบมันง่ายๆ และพยายามจะจับร่างผมไว้
ห้ามไปแตะ!
ผมกระโดดหลบ และใช้ข้อได้เปรียบในจังหวะที่คุณการ์ปพุ่งผ่านไปร่ายเวทย์เพลิงใส่
ครั้งนี้เองก็ไม่เป็นผล เพราะคุณการ์ปหันกลังกลับมาปัดเอาเสียง่ายๆ
ผมตั้งท่าคิดหาวิธีต่อไป-คุณการ์ปใช้เท้ากระทืบพื้นหนึ่งทีก่อนเป็นผืนดินที่พุ่งมากระแทกอัดร่างผม
“อึก!”
“เสร็จฉันล่ะ”
เห็นว่าได้โอกาสแล้ว คุณการ์ปพุ่งจากพื้นประหนึ่งจรวด–อีกไม่นานจะแตะตัวผมได้แล้ว
“—–ฮึยยยยยยย อะ อลานนนนนนน!!!!”
ผมตะโกนชื่อ ‘อลัน’ สุดเสียง
ทันทีที่ตะโกนออกไปร่างของผมก็เหมือนถูกโอบไว้ด้วยแขนขนาดยักษ์ ผมยิ้มมุมปากหันหน้ากลับไปหาคุณการ์ปและจ้องอีกฝ่ายตรงๆ
“—–ยูจิ!!!”
“ฮึย!!”
พวกเราแลกหมัดกัน หมัดของพวกเราได้ปะทะกัน ร่างของผมถูกควบคุมคงจะถูกควบคุมแน่นอนหลังการปะทะนี้ เช่นนั้นแล้วจะให้เกิดไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อการนั้นผมเลยต้องมี ‘อลัน’ ..คนที่คุณออร่าในฝันได้บอกมา
แขนสีเทาได้แหวกแขนของคุณการ์ปออกจนหมุนไปผิดรอบ
“เอ๊ะ?”
ผมลงพื้นอย่างปลอดภัยอย่างที่ไม่ควรจะเป็น กลับกันคุณการ์ปก็ได้รับความเสียหายหนักถึงขั้นแขนหัก
..ผลลัพธ์เปลี่ยนไปแล้ว
“..อะ..อลัน”
‘ครับ’
อลันขานรับผม ชายร่างยักษ์ที่มีผิวสีฟ้าและแขนสี่แขนปรากฏตัวออกมาข้างๆตัว เนื้อตัวของเขาปกคลุมไปด้วยสร้อยคอเครื่องสวมใส่ทองคำมากมาย บ้างก็เป็นเพชร บ้างก็เป็นทองสลับปนกันไป
เขาดูเป็นมนุษย์ชั้นสูง เป็นการคิดที่ดูถูกมนุษย์ด้วยกันไปมาก แต่ความจริงที่ว่าใครเห็นเขาจะเผลอคิดไปว่าเป็นมนุษย์ชั้นสูงนั้นไม่เกินจริง
ด้วยเหตุผลบางอย่างผมรู้สึกคุ้นชินกับเขาพิลึก แต่อย่างนั้นแหละดีแล้ว
“..ช่วยผมหน่อยได้รึเปล่าครับ”
‘ครับ’
กล่าวจบอลันก็หายไปและปรากฏแขนสีเทาออกมา ..แขนนี้มีคุณสมบัติในการ ‘หักล้าง’ มานา
เมื่อครู่ที่ผมหลบหลีกความเสียหายของคุณการ์ปได้ก็เป็นเพราะผมหักล้างการควบคุมของคุณการ์ป และการหักล้างนี้ก็แทรกแทรงเข้าร่างของคุณการ์ปจนส่งผลให้แขนมันบิดไปคนล่ะทางกับที่ผมกันไว้
ข้อมูลความสามารถของอลันทั้งหมดไหลเข้าสู่หัวผม การใช้รูปแบบอื่นๆจำเป็นต้องประยุกต์ใช้ต่อๆไปตามความถนัด
คุณการ์ปจ้องผมไม่วางตา เขาจับแขนที่หักผิดรูปของตัวเองและหัวเราะ
“วิญญาณระดับเทพล่ะ! ไอน์ ฉันได้เจอวิญญาณระดับเทพอีกตนแล้ว ..ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆ เท่านี้ก็จะได้พิสูจน์แบบแฟร์ๆสักที”
‘แหม่ จะว่าโชคดีรึโชคร้ายดีนะ’
ชายแก่ร่างเล็กในชุดทักชิโด้คุยกับคุณการ์ปอย่าหน่ายใจ ในใจของเขาคงคิดว่าต่อให้คุณการ์ปจะชนะหรือแพ้ อย่างไรก็ได้ทั้งนั้นจริงๆ
“พร้อมแล้วใช่มั้ยยูจิ มาตัดสินกันดีกว่า!”
“เข้าใจแล้วครับ”
คนที่เริ่มประเดิมก่อนคือคุณการ์ปเขาวิ่งเข้าหาผมและกระโดดลอยเหนือหัวผมไป—–จากนั้นพื้นดินที่ผมเหยียบอยู่ก็พากันยกขึ้น
พลังการควบคุม-แต่ว่าพื้นดิน แปลว่าคุณการ์ปไม่ได้อยู่บนฟ้า
ผมร่ายเวทย์น้ำอัดพื้นดิน พื้นดินยกทั้งผมและน้ำขึ้นโดยง่าย–จากนั้นคุณการ์ปก็ตามมาเขาแตะดินและเศษหินตามพื้น และใช้มันเป็นอาวุธ [กระสุน] ใส่ผม
กระสุนหินนับสิบพุ่งใส่ผมด้วยความรวดเร็ว ถ้าหากไม่มีแขนของอลันคอยหักล้างความเสียหายไว้ ร่างของผมได้เป็นรูเต็มไปหมดแล้ว
‘ท่านยูจิ พลังของผมไม่ได้มีไว้แค่ป้องกันนะครับ’
อลันเปิดปากคุยกับผมในหัว
“แต่ว่าต้องใช้ยังไงเหรอครับ?”
‘ในสถานการณ์เช่นนี้ ใช้หักล้างส่งตัวเองลงไปข้างล่างครับ’
ผมเอียงคอฉงน ก่อนจะเข้าใจ้ได้และทำตาม
แขนทั้งสองข้างแตะอากาศมันบีบอากาศและลากผมลงมาข้างล่างเหมือนกับโหนเชือก
“ระ รอดแล้ว ขอบคุณมากนะ”
‘ไม่หรอกครับ เป็นหน้าที่ของวิญญาณระดับเทพอยู่แล้วที่จะรับใช้’
“ยังไงก็ขอบคุณนะครับ แล้วก็เรียกผมว่ายูจิเฉยๆพอครับ”
..คิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ..ล่ะมั้ง?
‘จะเรียกตามนั้นนะครับ ยูจิ’
“ครับ! อลันช่วยแนะนำผมทีนะ”
‘ลำดับแรกรอรับการโจมตีชุดต่อไป’
การ์ปแตะดินและสาดเป็นกระสุนใส่ผมต่อ
‘ใช้หักล้างแตะพื้นดึงขึ้นมาป้องกันไว้ครับ’
อ่า!
ผมทำตามที่อลันว่า ยกพื้นขึ้นมากันการโจมตีไว้ ..ว่าแต่สุดยอดเลยแฮะ แขนของอลัน มีแรงมากพอจะยกพื้นเป็นแทบขึ้นมาได้เนี่ย
‘พลังของผมคือหักล้าง ไม่ว่าจะอะไรถ้าแขนของผมก็มีไว้เพื่อแตะเพื่อหักล้าง สิ่งของที่แตะมันไปซ้ายไปขวาไปบนได้ตามใจ แน่นอนว่าอาจจะคล้ายแต่ลักษณะพลังของผมแตกต่างกับควบคุมอยู่ ขอบเขตุพลังของการควบคุมมันจะเลิศกว่า เพราะควบคุมไประยะใกล้ได้ กลับกันทางผมได้แค่สุดแขนนี้’
แปลว่าเสียเปรียบเหรอ?
‘เปล่าครับ ในทางตรงกันข้าม การหักล้างของผมมันจะอยู่เหนือขั้นกว่าควบคุม ดั่งที่ได้เห็นตอนปะทะแลกหมัดกัน ..หักล้างของผมคือการหักล้าง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม การควบคุมเองผมก็สามารถหักล้างได้ แต่การควบคุมไม่สามารถควบคุมการหักล้างไว้ได้ เพราะพลังคือหักล้าง’
..งงแฮะ
‘ว่าโดยง่ายในโลกนี้ตามลำดับขั้นพลังคอนเซปต์แล้วผมไม่มีทางอยู่ต่ำกว่าใคร ข้อเสียมีแค่เรื่องระยะครับ ให้คิดว่าพลังของผมคือการมีแขนที่มีคุณสมบัติหักล้างมาล่ะกันครับ’
เข้าใจแล้ว ..ว่าแต่อ่านใจผมได้ด้วยสินะ ฮะๆ
เมื่อตะกี้ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยอลันก็ตอบได้หมด
‘ก็ครับ วิญญาณระดับเทพและผู้ใช้สามารถสื่อสารกันได้ผ่านโทรจิต’
เอ่อ แบบนั้นมัน..
“ค่อยคุยทีหลังนะครับ จำเป็นต้องรับมือกับศัตรูก่อน’
คะ ครับ เข้าใจแล้วครับ
ตอนนี้ใช่เวลามาคุยกันที่ไหนเล่า!
“ต้องทำยังไงต่อเหรอครับ”
‘เตรียมเวทมนตร์ที่แรงที่สุดไว้ จากนั้นก็ ..ขอโทษครับ หมดเวลาพูดของผมแล้ว’
ดะ เดี่ยวสิครับในเวลาแบบนี้?
‘ครับ วิญญาณระดับเทพมีขีดจำกัดในการพูดอยู่ครับ โลกนี้จะคอยตรวจจับระดับการพูด กฎของโลกครับ โดยเฉพาะกับเรื่องให้คำแนะนำยิ่งต้องห้ามเลยครับ ที่เหลือยูจิต้องจัดการเองแล้วครับ’
อะ เอ๊ะ? เอ่อ คุณอลันครับ ได้ยินรึเปล่าครับ!? คุณอลัน!!
ไม่ว่าจะตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ แต่สัมผัสจากพลังของคุณอลันยังอยู่ดี ผมสามารถใช้พลังของเขาได้ต่อ ทว่า..ใช้ยังไงถึงจะดีเนี่ยสิ
ผมกัดฟันกรามแน่นข่มใจตัวเองไว้
“เอาไงเอากัน!”
อลันพูดค้างไว้ว่าให้ร่ายเวทมนตร์ที่แรงที่สุด เพื่ออะไร?
“..หักล้าง..สายตา?”
เท่าที่รู้พลังของคุณการ์ปคือ ‘การควบคุม’ มีคุณสมบัติในการควบคุมสิ่งที่แตะต้องในระยะสายตา ข้อเสียคือจำเป็นต้องเห็นจึงจะควบคุมได้ และแพ้ทางหักล้างของผม
วิธีจะโจมตีให้ถึงตัวคือต้องโจมตีในมุมอับสายตา ถ้านั้นแล้วหากใช้หักล้างมาช่วยในการโจมตี อาทิเช่นการหักล้างเวทมนตร์ไปจุดอื่น?
คุณการ์ปจำเป็นต้องแตะก่อนจะควบคุมได้ ถ้านั้นแล้ว-พอรู้ทางชนะแล้ว
ผมตั้งมั่นใช้แขนของอลันอัดเข้าใส่พื้นหิน ผมเขวี้ยงใส่การ์ปสุดแรง
การ์ปที่ลอยอยู่บนฟ้าก็พุ่งมาหาผมพร้อมกับก้อนดินกระสุนรอบๆที่เตรียมพร้อมจะโหมใส่ผมถ้าเผลอปล่อยช่องว่าง
อีกไม่กี่วิพวกเราจะได้สู้กันในระยะประชิด ก่อนหน้านั้น
ท่าโจมตีที่แรงที่สุด? ..ไฟเยอร์บอล? ใหญ่ไป ที่สำคัญได้กลิ่นอายด้วย ถ้าอีกฝ่ายเห็นจะสามารถแก้ทางได้ แคนน่อนเอิร์ธ? ไม่ไหว ถึงจะแรงแต่ก็มีข้อเสียคือทำได้แค่แผลตรงๆ โดนถูกจุดอาจตายได้เลย เป้าหมายผมคือชนะอีกฝ่ายโดยไม่ฆ่าแต่ช่วยเขาแทน ..เกลียวสายลม? ไม่ได้เพราะควบคุมได้ยากไป อีกอย่างต้องใช้หมัดในการควบคุมด้วย
นึกไม่ออกเลย ใช้หักล้างโจมตีตรงๆไม่ได้ด้วยเนื่องจากระยะ ..นึกสินึก นึกให้ออก ..ท่าที่แรงพอจะชนะคุณการ์ปในทีเดียว และไม่ฆ่าเขา
“..นึกออกแล้ว”
ผมพยักหน้าให้ตัวเอง และพุ่งเข้ากลับ
“—ตายซะยูจิ!”
คุณการ์ปเห็นร่างผมก็อัดกระสุนดินใส่ผม ทุกนัดมีความรุนแรงทัดเทียมกับ [แคนน่อนเอิร์ธ] สุดยอดเวทมนตร์สำหรับฆ่าคน แน่นอนว่าร่างกายผมไม่ได้แข็งแรงพอจะรับเวทมนตร์นี้ ผมจึงใช้พลังหักล้างในการป้องกันหนึ่งข้าง และใช้แขนอีกข้างเพื่อลงมือเผด็จศึก
ในมือผมอีกข้างซ่อนเวทมนตร์ไผ่ตายไว้–เมื่อเข้าใกล้ได้ที่แล้วผมก็ลงมือใช้การหักล้างเพื่อส่งเวทมนตร์นั้นถึงตัว
ผมแผดเสียงออกมาเพื่อกระตุ้นใจตัวเอง—-
“— [ไลท์นิ่งบอล]”
เวทมนตร์ขั้นสูงที่ผมเคยเห็นผ่านตามาจากอาจารย์ ‘บลาซ’ ผสมกับ [หักล้าง]
บอลสายฟ้าหายไปจากบนมือผม มันไปโผล่ที่ข้างหลังของคุณการ์ปและตรงดิ่งเข้าใส่ตามทางเป้าหมาย——
“—อะ อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!”
ระเบิดสายฟ้าวูบขึ้นพร้อมกับร่างที่ขาดสติโดยทันทีของคุณการ์ป
ในทฤษฎีกล่าวไว้ถ้าเป้าหมายคือการทำให้ศัตรูสลบ วิชาเวทมนตร์ที่ดีที่สุดคือธาตุสายฟ้า เป็นเวทมนตร์ที่มีความนิยมต่ำในหมู่นักเวทย์เพราะความรุนแรงที่ไม่ได้แรงอะไรมาก ไม่คุ้มเสียกับเวลาที่แลกไปในการศึกษา แต่กลับกันในหมู่นักรบอาทิเช่นนักดาบหรือพลหอก เวทมนตร์สายฟ้าคือเวทย์ที่น่าเรียนทัดเทียมกับเวทมนตร์สายลมเลย เพราะมันสามารถช่วยซัพพอร์ตการต่อสู้ให้ตัวเองได้ระดับหนึ่งต่อให้ไม่เก่งเวทย์มาก
อย่างเวทมนตร์ลมก็ช่วยเพิ่มความรวดเร็วบางจังหวะให้ เวทมนตร์สายฟ้าก็ช่วยให้ชนะศัตรูง่ายขึ้น เป็นต้น
ผมเองก็คิดได้ตามทฤษฎีและใช้มันเป็นครั้งแรกนี่แหละ-ไม่คิดเลยว่าจะใช้ได้สำเร็จด้วย
ร่างของคุณการ์ปล่วงลงพื้น โชคดีที่อยู่ไม่สูงจากพื้นมากทำให้ไม่เป็นอะไร
แขนของอลันเก็บเข้าร่างของผมทันทีที่การต่อสู้จบ ..ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงเรียกออกมาได้ ไว้ค่อยถามคุณอลันล่ะกัน
“ทำไม ..ทำไม..ทำไมฉันถึงแพ้”
คุณการ์ปได้สติแล้ว เขาฝืนลุกขึ้นมาในสภาพร่างที่ดูโทรม สภาพเขาตอนนี้ไม่มีแรงพอจะสู้ต่อแล้วแน่ๆ
“..แกมีเวทมนตร์ขั้นสูงอย่างนั้นด้วยเรอะ”
“ไม่มีหรอกครับ แค่..ลองใช้ดูตามที่เห็น”
“ฮะ ฮะ ฮะ อัจฉริยะ? เรื่องตลกอะไรกันวะ!!-แค้กๆ!”
ระบบประสาทตอนนี้น่าจะรวนเพราะเวทย์สายฟ้าทำให้พูดอะไรที่ใช้แรงมากไม่ได้ คุณการ์ปทนไม่ไหวกับสภาพของตัวเองจนหยิบมีดในกระเป๋าขึ้นมาจะปาดคอตัวเอง
“เดี่ยวก่อนสิครับ!”
“อะไร?”
“..ทำไมคุณถึงตัดสินใจทำอย่างนี้ล่ะครับ”
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตัวเมืองฟัฟนิร์ที่ถูกบุกรุก คุณการ์ปมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน
“เพราะพวกแกไงล่ะ ..ชีวิตของฉันมันพังเพราะพวกแกทุกคน”
ไม่เข้าใจเลย ..ผมเกลียดตัวเองที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณการ์ปจริงๆ
“ตอนที่แกชนะฉัน รู้มั้ยว่าฉันต้องอยู่อย่างอับอายแค่ไหน ฉันถูกเพื่อนที่คบหาทิ้ง ถูกครูอาจารย์ทิ้ง ถูกคนในครอบครัวทิ้ง ถูกมองเป็นเพียงแค่เศษขยะ ..หลังจากนั้นก็คิดอะไรแพลงๆอย่างการทำให้ชีวิตของพวกแกบัดซบตาม แต่ก็พลาดโดนไอ้บ้านั่น ..เล่นจนครอบครัวฉันถูกริบตำแหน่งขุนนางและเป็นหนี้สินมากมาย จนสุดท้ายทุกคนก็พากันฆ่าตัวตายโดยการโดดน้ำ-เออ ที่ฉันยังไม่ตายก็เพราะว่าวินาทีสุดท้าย ฉันเลือกที่จะทิ้งให้ทุกคนตายแล้วรอดอยู่คนเดียวไง!”
…
“น่าอดสู่ใช่มั้ยล่ะ? ทำตัวเหมือนหมาขี้แพ้สุดๆไปเลยใช่มั้ย!? แม่งเอ้ย! รู้แล้วล่ะน่าว่าทั้งหมดทางนี้ผิด แต่ว่า ..ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้สักหน่อย”
คุณการ์ปร้องไห้ออกมา
“ความรู้สึกนี้ไม่เคยอยากได้สักหน่อย!”
..นั้นเองเหรอ
“ผมจะช่วยคุณ”
“หา?”
“ให้ผมช่วยคุณเถอะนะครับ”
ผมมันโง่ ผมรู้ดี แต่ว่า ..ในอกของผม บางอย่างบอกให้ช่วยเขาไว้
‘เศษเสี้ยวความทรงจำ’ บางอย่างมันไหลเข้ามาในหัว ผมจะเมินเฉยต่อสิ่งนั้นไม่ได้
ในฐานะผม ในฐานะ — จะทำเมินไม่ได้
ผมเดินเข้าหาคุณการ์ป เขาเห็นผมก็ถอยหลังหนีตามทุกก้าวที่ผมเดินเข้าไป
“ความผิดทั้งหมดของคุณ ผมไม่ให้อภัย แต่ผมจะให้ปรับปรุงครับ”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระนะเว้ย ทำตัวได้ขวางหูขวางตาเกินไปแล้ว ไสหัวไปซะ!”
“ไม่ครับ ..หน้าที่ของผมคือช่วยทุกคน”
ผมเดินเข้าไป คุณการ์ปหยุดถอยหลังเขายืนรอผมด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
ผมเดินไม่นานก็หยุดอยู่หน้าคุณการ์ป
“เชื่อในตัวผมเถอะครับ”
“..จะช่วยฉันจริงๆเหรอ ชีวิตของฉันพังตั้งขนาดนี้แล้วนะ
ผมยิ้มให้
“แน่นอนครับ”
“..คนดีของแท้เลยนะ ..”
…คุณการ์ปจ้องหน้าผม–
“เป็นไอ้โง่ของแท้เลยแกน่ะ!”
พูดจบคุณการ์ปก็ใช้มีดแทนทะลุอกผมเข้าไป ..เจ็บ
“ฮ่าๆๆๆๆ!! ชนะดีๆไม่ชอบรึไงวะ พ่อพระเอก!”
คุณการ์ปดึงมีดออก และแทงเข้าใส่รัวๆ รัวๆ—มันโดนหัวใจผมทำให้วงจรเวทย์ดับลงไปด้วย
หักล้างจะใช้รักษาได้มั้ยนะ? ไม่สิ สภาพผมตอนนี้เรียกอลันออกมาช่วยไม่ไหวหรอก ..ถ้าคนเราถูกทำลายหัวใจ วงจรเวทย์จะดับไปทันที เช่นนั้นแล้วต่อให้มีเวทย์รักษาที่ดีขนาดไหนหรือมีพลังที่สามารถรอดพ้นจากความตายดีแค่ไหน ก็ตายได้หมดถ้าเล่นงานตรงหัวใจ
คุณการ์ปน่าจะรู้ถึงจุดนี้เลยแทงมีดใส่หัวใจผมไม่ยั้ง ..
เลือดพุ่งออกจากปากของผม ..พึ่งจะรอดตายมาไม่นานเองเรา หาเรื่องให้ตัวเองตายอีกแล้วสิ อยากหัวเราะให้ตัวเองเหลือเกิน
ผมยิ้มออกมา คุณการ์ปที่เห็นผมยิ้มก็อึ้ง
“ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรเหรอครับ?”
“..ฉันกำลังฆ่าคนอยู่”
“..รู้สึกยังไงล่ะครับ”
คุณการ์ปหน้าซีดเผือก เขาเดินถอยหลังไปเนื้อตัวสั่นไปหมด
“ทำไมฉันต้องทำอะไรอย่างนี้ด้วย..มันไม่ใช่ฉันเลย..บ้าอะไรกัน..ทำไมล่ะ ทำไม เห้ ทำไมฉันต้องทำนายด้วย ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่าเลยไม่ใช่รึไง บ้าเอ้ย มันเกิดบ้าอะไรขึ้นฟร้ะ มันบ้าอะไรกัน”
คุณการ์ปเริ่มสติแตก-ผมเดินเข้าไปมา คุณการ์ปรู้สึกตกใจจนดูจากหน้าน่าจะอยากวิ่งหนีไปแล้ว แต่ขาแข็งไปหมดทำให้วิ่งไม่ได้
เป็นคนประเภทที่ถ้ากลัวจะวิ่งไม่ออก ต่างกับคนที่ถ้ากลัวจะมีแรงวิ่งเป็นพิเศษ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เจ็บ”
เหมือนกับตอนที่โดนต่อยนั่นแหละ มันไม่ได้เจ็บอะไรเลย แค่รู้สึกว่าใกล้ตายเฉยๆ
“..หยุดนะโว้ย..จะทำอะไร อย่านะ อย่าฆ่าฉันเลย จะเอาคืนใช่มั้ย อย่านะได้โปรด!”
ผมเดินไปและเข่าทรุดเองโดยไม่รู้ตัว-ร่างกายใกล้ถึงขีดสุดแล้วล่ะ
“..คุณการ์ป”
“อะไร!? อะไร!? มีอะไร!?”
คุณการ์ปต่อยหน้าผมจังๆหนึ่งที ..ผมนิ่งเฉยไม่ตอบโต้อะไร
“คุณยังอยากฆ่าผมอยู่รึเปล่า”
หน้าของคุณการ์ปเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวภายในใจ
“..ไม่..ไม่เอาแล้ว..ใครมันจะไปอยากฆ่าคนกันเล่า!”
งั้นเหรอ
“ช่วยได้แล้วล่ะ”
“หะ หา?”
“..ก็คุณตาสว่างแล้วนี่ครับ ว่าฆ่าคนน่ะไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น..หลังจากนี้ก็..พยายามใช้ชีวิต..เข้านะ..ครับ”
ร่างผมฟุบลงกับพื้น สติหายไปพร้อมๆกัน
ครั้งนี้ไม่มีโลกสีขาวคอยต้อนรับผม
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน..”
การ์ปบ่นพึมพำ เขาดูมือที่สั่นเทาของตัวเองและร้องไห้ออกมา
“ทำไมกันล่ะ ทำไมฉันถึงได้..เป็นบ้าอะไรไป..มันไม่ใช่ฉันสักหน่อย..แม่งเอ้ย..แม่งเอ้ย..ไม่เอาแล้ว..ความแค้นความกระหายทั้งหมดของฉัน..มันใช่ของฉันเองที่ไหน..ใครมันบังอาจ มันอาจทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ ใครกันฟร้ะ”
การ์ปเอาหน้าถูพื้น นอนคดตัวอย่างน่าสมเพซ
“เรนนนนนนนนนนนนนน!!!”
การ์ปตะโกนเรียกชื่อของชายต้นเหตุออกมา ..เวลานี้เรนคงจะนั่งหัวเราะอยู่ที่ไหนสักแห่งคนเดียวแน่นอน คงจะชมทิวทัศน์ที่เกิดขึ้นอย่างสุขสมใจแน่นอน
“อา..ยูจิ..ฉัน..ฉัน”
อยากจะขอโทษ-ทว่า
เบื้องหน้าของการ์ปมีสตรีผู้เลอโฉมอยู่
เลือนผมสีขาวอมทองปรากฎตรงหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นไปดูก็ได้พบกับ– ‘หนิง’
เช่นเดียวกับเส้นผมสีสวยงาม ใบหน้าของเธอเองก็งดงามเสมือนหลุดมาจากภาพวาด โดยเฉพาะดวงตาที่คล้ายคลึงกับ ‘มังกร’
“นี่”
“..”
“ยูจิตื่นได้แล้ว”
หนิงนั่งยองสัมผัสร่างของยูจิ ..
“..ทำไมหัวใจไม่เต้นล่ะ นี่”
หนิงสะกิดร่างที่ไร้ลมหายใจอย่างเรียบเฉย ใบหน้าของเธอนั้นเรียบเฉย ..
“อุตส่าห์รีบมาช่วยแท้ๆ..ยูจิ”
น้ำตาไหลออกจากใบหน้าที่เรียบเฉยนั่นของเธอ
“ตื่นสิยูจิ เร็วๆเถอะนะ วันนี้ไม่ใช่ว่านัดกันแล้วรึไง นัดกันแล้วใช่มั้ย ถึงฉันจะไม่ได้พูดชวนแต่ก็นัดกันแล้วนี่ว่าจะไปเดท ..ฉันยังไม่ได้ดูงานที่ยูจิจัดเลยนะ ไหงบอกว่าจะให้ฉันดูด้วยล่ะ อุตส่าห์ลุ้นว่าจะถูกปฎิเสธรึเปล่าเชียวนะ นี่รู้มั้ยว่าฉันต้องพยายามแค่ไหนถึงจะคุยกับยูจิได้แต่ล่ะครั้ง ..รู้รึเปล่าว่าฉันต้องอดทนแค่ไหนน่ะ กว่าจะหาทางให้ตัวเองมาเรียนที่วิทยาลัยเวทมนตร์ตามที่คุยกันไว้ได้น่ะ”
น้ำตาของหนิงหยดใส่หน้าของยูจิ หยดแล้ว หยดเล่า
“รอมาตลอดเลยนะ ตั้งใจรอตามคำสัญญามาตลอดเลย ถึงพวกนายจะจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้นะ ..คืนนั้นเป็นคนพาฉันไปแท้ๆ เป็นคนที่จูงมือฉันไว้แท้ๆ ตื่นมารับผิดชอบฉันเดี่ยวนี้นะ!”
หนิงทุบร่างของยูจิเบาๆ..เธอใช้สองแขนทุบอย่างอ่อนแรง
“..ตาย..ตายจริงๆ..สินะ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ ยูจิ”
เธอยังไม่ยอมแพ้ที่จะสัมผัสร่างของยูจิ พร้อมกับเรียกชื่อไปด้วย พยายามขอร้องให้ยูจิตื่นขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
“ขอร้องล่ะ..ตื่นทีเถอะ”
การ์ปรีบพุ่งเข้าไปเกาะร่างของหนิง เขาจับไหล่ของหนิงไว้และพูดทั้งน้ำตา
“ฉะ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ!!!”
“..ขอโทษเรื่องอะไร?”
หนิงมองการ์ปเยี่ยงแมลงสาบ การ์ปรู้สึกกลัวก็จริงแต่ตอนนี้เขาต้องพูดทุกอย่างออกมา
“ฉะ ฉันเป็นคน ..ฆะ ฆ่ายูจิเอง ..ขอโทษจริงๆ..ขอโทษ”
การ์ปร้องไห้ไม่หยุด ในใจเขาทั้งเศร้าใจกับการกระทำของตัวเองและรู้สึกกลัวหนิง เพราะตอนนี้ดวงตาของหนิงมันน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
“..เหรอ”
หนิงลุกขึ้นยืน เส้นผมสีขาวอมทองสะบัดไปตามแรงเคลื่อนที่ พร้อมกับดวงตาที่หรี่ลงมามองการ์ปอย่างดูถูกดูแคลน
“ทำไมต้องฆ่ายูจิด้วย ..ไม่สิ ถามไปก็เท่านั้น”
หนิงคว้าคอการ์ปขึ้นมา ร่างของการ์ปลอยอย่างไร้การป้องกันและคอแทบจะขาดเพราะแรงบีบที่มหาศาลทำให้คอของการ์ปมันมีเลือดไหลออกมา
“ฆ่าทิ้งเลยดีกว่า”
การ์ปพยายามดิ้นสู้และแผดเสียงออก
“วะ..ไว้ชีวิตฉันด้วย..ขอร้อง ..ขะ ขอร้องล่ะ ได้โปรด..ชีวิตนี้ฉันต้องรักษาไว้..ขอร้องล่ะ”
“ทำไม?”
“..ยูจิ..ช่วยฉันไว้..เพราะนั้นแล้วจะตายไม่ได้เด็ดขาด”
หนิงบีบคอแรงขึ้น—-การ์ปพยายามดิ้นสุดตัว
“ดะ ได้โปรด จะให้ยูจิตายสูญเปล่าไม่ได้เด็ดขาด ได้โปรด!”
หนิงสบตาการ์ป ทันใดนั้นเธอก็ผ่อยแรงลงและโยนการ์ปลงพื้น
ร่างของการ์ปกระแทกกับพื้นและมีเลือดไหลออกจากคอ
“..รีบไปได้แล้ว”
การ์ปรีบวิ่งตามที่สั่ง หนิงจ้องหลังของการ์ปและหันกลับมามองร่างไร้วิญญาณของยูจิ
“..ขอโทษนะยูจิ”
หนิงหันกลับไปมองหลังของการ์ปและ—ปล่อยเพลิงขนาดเท่าบ้านตามหลังการ์ปไป
ตู้ม!!! เกิดเสียงระเบิดเพลิงขึ้นข้างๆหนิง เธอมีสีหน้าที่เรียบเฉยในการฆ่าคน
“..พอที..โลกนี้พังมันทิ้งซะก็ดี”
เปลวเพลิงรามมาปกคลุมร่างของหนิง และปรากฏร่างที่แท้จริงออกมา
****
(มุมมองเรเซอร์)
ผมมองไปรอบๆก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“แก ลูซิเฟอร์สินะ”
ผมชี้นิ้วถามชายวันกลางคนที่แต่งตัวดูเบียวๆ-หมอนั่นพูดตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว รู้จักด้วยรึ”
“อ่า นิดหน่อย”
ลูซิเฟอร์หนึ่งในปีศาจมหาบาป ผู้ครองตำแหน่ง ‘ความเย่อหยิ่ง’ เอาไว้ หมอนี่ในเส้นเรื่องนิยายเป็นหนึ่งในตัวเด่นของพวกปีศาจ เพราะประวัติที่แต่ก่อนเคยเป็นข้ารับใช้ของเทพก่อนพรรณ์ตัวมาเป็นลูกน้องจอมมาร
ด้วยความที่มีเรื่องอดีตภูมิหลังให้เล่นเยอะนี่แหละ ซ้ำยังเป็นอดีตข้ารับใช้สูงสุดของพระเจ้าที่รู้เรื่องของโลกทุกอย่าง ตัวผู้แต่งเลยยัดบทให้มันมาอธิบายเรื่องต่างๆในโลกให้
ที่สำคัญคือลูซิเฟอร์ยังเปรียบได้ดั่งรองบอสของเรื่องที่พวกยูจิจะต้องก้าวผ่าน ถึงลูซิเฟอร์มันจะเก่งระดับกลางๆในหมู่มหาบาป แต่ความที่มันรู้เยอะเลยทำให้สู้ด้วยยากหรือหาทางรอดให้ตัวเองได้ตลอด
บทลูซิเฟอร์น่ะ เยอะยิ่งกว่าบทของจอมมารอีก-เพราะอย่างนั้นแล้ว ทั้งความสามารถและนิสัยของลูซิเฟอร์ผมรู้ดี
ยังไงเสียไอ้ลูซิเฟอร์นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวละครตัวโปรดของใครหลายๆคน รวมถึงผมด้วย
เลือกได้ผมก็อยากเข้าไปกอดหรือถ่ายรูปอยู่หรอกนะ แต่–สถานการณ์ตอนนี้มันต่างไป
“เล่นเพื่อนฉันซะยับเลยนะแก”
ผมเดินเข้าหาลูซิเฟอร์ หมอนั่นไม่มีทีท่าว่าจะถอยหนี กลับกันมันตั้งท่าจะสู้กลับ
เพียงไม่นานผมก็ก้าวเท้าเข้ามาถึงและปล่อยหมัดออกไป
ลูซิเฟอร์หลบได้ไม่ยาก
และเพียงพิบตาเดียวหมัดของผมก็กลับไปเข้าเบ้าหน้า พร้อมกับรอยกระจกแตกของการตัดมิติ
“–วิญญาณระดับเทพ”
ลูซิเฟอร์ก้าวถอยหลัง ผมไม่รอช้าเร่งเข้าใกล้และปล่อยหมัดใส่อีกครั้ง
ถ้าเป็นระยะประชิดไม่เกิน 1 เมตร ไม่มีใครที่สามารถหลบหมัดของผมได้หรอก ถ้าเกิดปล่อยหมัดไม่โดนหรือถูกหลบได้ ผมทำแค่ตัดมิติเปลียนวิทีหมัดของตัวเองให้โดนอีกฝ่าย
ยูนาเก่งที่สุดตอนศัตรูอยู่ระยะจู่โจมไม่เกิน 1 เมตร ต่อให้พวกปีศาจมหาบาปมีพลังอยู่ครบ แต่ถ้าคิดมาสู้กับยูนาในระยะประชิดก็เหมือนการฆ่าตัวตายดีๆนี่แหละ
ดวงตาของลูซิเฟอร์แดงก่ำขึ้นมา อีกไม่นาน [อำนาจมหาบาป]-[ความเย่อหยิ่ง] คงได้ทำงาน และกลับมาเหนือกว่าผมได้ชั่วขณะหนึ่ง
แน่นอนว่าจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด ผมจึงชิงตัดมิติก่อนที่อำนาจของลูซิเฟอร์จะสำริดผล
หมอนั่นเหว้าเหว๋อทันทีที่อำนาจมหาบาปของตัวเองไม่ทำงาน-เพราะเป็นระยะประชิดด้วย ทำให้ผมสามารถแก้ทางอีกฝ่ายได้ก่อน ถ้าไม่ได้อยู่ระยะโจมตีลูซิเฟอร์จะยกตัวเองเหนือกว่าผมได้แน่นอน
ลูซิเฟอร์ไม่ได้โง่ อย่างที่บอกไว้ว่าหมอนี่มันรู้เยอะกว่าชาวบ้านเขา ทำให้รอดได้หลายสถานการณ์
เพียงสู้กันไม่กี่จังหวะ ลูซิเฟอร์ก็ตัดสินใจจะสู้ระยะไกลกับผม-คิดอย่างนั้นอยู่แน่ๆ แต่อย่าหวังเลย
ในมือของผมปรากฏเปลวเพลิงที่รุนแรง—–ผมย่นระยะเข้าหาลูซิเฟอร์ และอัดเพลิงขนาดยักษ์เข้าใส่กลางหลังลูซิเฟอร์
“—-อึก!!”
ผมทำคอมโบต่อโดยการใช้ลมกระจายเพลิงให้ระเบิดใส่
ตู้ม!!!!!!!
ระเบิดเพลิงวูบหายไปพร้อมกับร่างที่มีกลิ่นไหม้ของลูซิเฟอร์
ลูซิเฟอร์หมดสติเรียบร้อย
..ดูจากสภาพที่แพ้ง่ายๆแล้ว ลูซิเฟอร์ตอนนี้พลังน่าจะมีอยู่แค่ หนึ่งในสิบไม่ก็สองในสิบเท่านั้น จากที่เดาไว้พวกมหาบาปน่าจะพึ่งเกิดใหม่แหงๆ ถ้าพวกนี้มีพลังอยู่ครบมันควรจะตึงมือระดับเดียวกับยัยเอลฟ์มหามังกรเทียมเมื่อครู่
เอาเถอะ ถือว่าเป็นบุญสำหรับผมไปล่ะกัน
ผมสะบัดแขนที่อัดเวทมนตร์จำนวนมหาศาลไปมาเพื่อคลายความร้อน และตรงไปดูอาการเคียวยะกับเรย์
“..ช้าไปสินะ”
“ยะ อย่าพูดเหมือนพวกฉันตายแล้วเซ้”
เรย์พึมพำขึ้นขณะที่นอนคว่ำ
“แล้วเคียวยะล่ะ”
“แค่สลบเฉยๆแหละ ..”
“เหรอ ..ยังไงฉันก็มาช้าไปอยู่ดี ขอโทษด้วย”
ทั้งๆที่ตอนแรกคิดจะควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างให้ดีแล้วแท้ๆ แต่ก็พลาดเพราะตัวแปรอื่นๆภายนอก
มหามังกรเทียม เจ้าพวกนี้เป็นตัวปัญหาของแท้เลย ความได้เปรียบด้านเวลาการต่อสู้ที่มากกว่าผม หรือระยะโจมตีที่ได้เปรียบผม ความสามารถที่แก้ทางพลังยูนาได้ ..สุดท้ายก็ความที่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมหามังกรเทียมด้วย ทำให้กว่าจะหาวิธีชนะได้ก็ช้าเกินไป จนพวกเคียวยะโดนลูซิเฟอร์เล่นงานยับเยิน
อีกทั้ง
ผมหันไปมองเบลลามีที่ยังจ้องลูซิเฟอร์ไม่วางตาด้วยแววตาที่ดูซับสน
ก่อนที่ผมจะมาถึง ลูซิเฟอร์น่าจะรู้ตัวจริงของเบลลามีและพูดคุยกับเธอไปแล้วแน่ๆ …จะว่าไป
“ยูจิอยู่ไหน?”
เบลลามีหันกลับมามองหน้าผมและชี้ไปทางรูโหว่ตามบ้านผู้คน
“ช่วยยูจิด้วย”
——–เวรเอ้ย!
ต้องรีบไป
ทันทีที่คิดจะวิ่งสุดตัวนั้นเสียงร้องของบางสิ่งก็ได้ดังขึ้น แย่งชิงเอาความสนใจของผู้คนภายในตัวเมืองไปจนหมด
ผมและทุกคนหันไปมองเสียงนั้นและหน้าถอดสีตามๆกันไปหมด เพราะสิ่งมีชีวิตที่ชูชันเหนือกว่าตึกเรียนทั้งหมดนั้นมี ‘มังกร’ สีแดงเข้มอยู่
ภาพลักษณ์นั้นตราตึงอยู่ในใจของผมและยูนาดี เรียกได้ว่าผมและยูนารู้จักมังกรตนนั้นดียิ่งกว่าใคร โดยเฉพาะกับยูนาที่มีแผนใจกับมังกรตนนั้นกว่าใครๆด้วยยิ่งแล้วใหญ่
ในมุมของยูนา มันคงเป็น ‘ขวัญหลงสงคราม’ ละมั้ง
มังกรที่พรากคนสำคัญและความรู้สึกที่สำคัญไปจากยูนา
‘–มหามังกรเพลิง?’
ใช่แล้ว มหามังกรเพลิงได้ปรากฏที่ใจกลางอาณาจักรฟัฟนินร์
ผมรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างนั่นคือใคร และพอจะเดาอะไรหลายๆอย่างได้ สิ่งเดียวที่ทำให้หนิงคลั่งถึงขั้นใช้ร่างมังกรได้มีแค่คนเดียว ..นั่นคือ ‘ยูจิ’
ช้าเกินไป..ผมช้าเกินไป ทุกอย่างมันมั่วไปหมดแล้ว..ทุกอย่างมันถูกเผาทิ้งจนหมด ความพยายามทั้งหมดของผมถูกเผาจนมอดเหมือนดั่งที่มหามังกรเพลิงเวลานี้กำลังจะเผาโลกใบนี้อีกครั้ง
ว่ากันว่า เทศกาลโลหิตมังกรเกิดจากวันที่มหามังกรได้พ่ายแพ้และถูกผนึกพลังไว้ เป็นเทศกาลยินดีกับคืนที่โลกสงบสุข ..แต่ในมุมของมังกร ความพ่ายแพ้ของพวกเขาสิ่งที่จะผุดออกมาคือความเจ็บใจ ความโศกเศร้า ความสิ้นหวังในตัวเอง ความรู้สึกด้านลบทั้งหมด
บางทีงานเทศกาลโลหิตมังกรปีนี้ ..อาจจะตรงตามชื่อกว่าปีไหนๆแล้วล่ะ