ตอนที่ 298 หมดหนทางเดิน
จางฉุ้ยเหลียนประเมินนิสัยคนต่ำเกินไป ถึงแม้ว่าหลังจากที่เช่าหวากลับไป คืนนั้นจะยังไม่ได้บอกใคร เช้าวันที่สอง หลิวกุ้ยเฟินไปโรงพยาบาลก็คงพบเองก็ตาม แต่เรื่องที่น่าประหลาดใจก็คือ ทั้งสองครอบครัวพากันเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คุณย่ารู้สึกหดหู่อยู่ในใจ หล่อนมักรู้สึกต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา กินก็ไม่กล้ากินเยอะ น้ำก็ไม่กล้าดื่มเยอะ ตงลี่หวาเห็นแล้วรู้สึกปวดใจไม่น้อย พยายามโน้มน้าวอันหลงให้ไว้หน้าหญิงชราอยู่บ่อยครั้ง
อันหลงโกรธตระกูลจางมากที่รังแกคนไร้ทางสู้ และก็เกลียดจางฉุ้ยเหลียนที่มักทำตัวเหมือนซาลาเปา ปล่อยให้คนอื่นเหยียบย่ำ ดังนั้นเมื่อเห็นแม่เฒ่าจางมีสภาพเช่นนั้นก็โกรธไม่ลง ถึงแม้ไม่ได้พูดจาถากถางเสียดสี แต่ก็ต้องไว้หน้าบ้าง
หลังผ่านการโน้มน้าวจากตงลี่หวาแล้ว ดูเหมือนอันหลงจะคิดได้บ้าง จางฉุ้ยเหลียนมีจิตใจดี อนาคตต้องไม่ลำบากอย่างแน่นอน เธอเป็นเด็กกตัญญูคนหนึ่ง ถ้าดีกับเธอ อย่างไรเธอก็ต้องดีตอบอย่างแน่นอน ตอนนี้สามีก็พึ่งพาไม่ได้ หากอยากได้ความมั่นคงต้องเกาะเด็กคนนี้ให้แน่นเสียแล้ว
อากัปกิริยาของอันหลงอ่อนโยนลง ใบหน้ายิ้มแย้มทำให้คนมองเบาใจมากทีเดียว นี่เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดสำหรับแม่เฒ่าจาง เมื่อจิตใจผ่อนคลายลงก็กล้าที่จะพูดมากขึ้น
ตงลี่หวามักพูดโน้มน้าวหญิงชราอยู่บ่อยครั้ง “มารดาเป็นทุกข์ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่คุณต้องคิดให้ดีนะ พวกเขาก็แค่โกรธกันเท่านั้น ถ้าพูดเยอะกว่านี้อาจสร้างปัญหาให้หลานสาวได้ ตอนนี้คงรู้แล้วว่าคุณมาอยู่กับจางฉุ้ยเหลียน พวกเขาคงจะวางใจ เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง ฐานะของหล่อนดีกว่าพวกนั้นเป็นไหน ๆ ”
ถึงแม้หญิงชราจะผิดหวังที่ลูกชายพึ่งพาไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ทนฟังคนอื่นพูดว่าร้ายลูกชายตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ได้เห็นและเข้าใจแล้ว เดิมทีความวุ่นวายของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่สะใภ้ทั้ง 2 คนหรอก แต่ลูกชายทั้งสองไม่ต้องการหล่อนแล้วต่างหาก บาปกรรมแท้ ๆ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หล่อนก็ไม่ได้อยากตาย ใครจะอยากตายกันล่ะ ? หล่อนไม่คิดว่าการที่ลูกชายทั้งสองปัดความรับผิดชอบในการดูแลแม่ที่กำลังป่วยนั้นคือปัญหาเรื่องการศึกษา และยิ่งไม่คิดว่าหล่อนบกพร่องหรือสั่งสอนลูกไม่ดีด้วย หล่อนคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ลูกสะใภ้พึงกระทำ
ตอนนี้แม่เฒ่าจางคิดได้อย่างช้า ๆ สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน หล่อนจึงรีบเข้าไปเก็บข้าวของลูกสะใภ้ทั้งสองคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเช่าหวาผู้ไร้ยางอาย ตอนแรกก็แกล้งทำเป็นร้องไห้และวิ่งมาตรงหน้าของหล่อน ไม่ว่าอย่างไรการตายของสามีก็ไม่คุ้มค่าที่หล่อนเกิดความคิดไม่ดีขึ้น เพื่อหาเงินชดใช้ให้ลูกชายและหลานชาย
หากมีเงินในวัยชราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน หลานชายคนโตเองก็เป็นคนมีความสามารถและมีความคิด และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลานสาวอย่างจางฉุ้ยเหลียนอีกด้วย อนาคตต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน หล่อนแค่อยากช่วยลูกชายคนเล็ก เขาเป็นลูกชายที่กลัวสะใภ้ที่สุดและเป็นเจ้าโง่คนหนึ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีลูกสาวที่เชื่อใจได้ แต่กลับกลายเป็นเหมือนศัตรูคู่อาฆาต หากไม่คิดหาทางสร้างเงินให้พวกเขา บั้นปลายชีวิตที่เหลือของลูกชายคนเล็กคงจะได้กินแต่ลมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะไม่มีอะไรจะกินแน่นอน
แต่นึกไม่ถึงว่าเงินจะมาหาถึงตัว หล่อนต้องลงไปรับโทษในนรก แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หล่อนก็ไม่ได้เป็นคนดีในสายตาของลูกสะใภ้ หล่อนยกขาขึ้นมาข้างหนึ่งและถีบออกไปอย่างสุดแรงด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้หล่อนเอาแต่ครุ่นคิดหาวิธีการเอาเงินจำนวน 30,000 หยวนกลับคืนมา เพื่อเอาไว้ติดตัวไปยังบ้านพักคนชรา!
เมื่อมีความหวังรำไรในการมีชีวิตต่อ ร่างกายก็ฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง หล่อนรู้ว่าห้องที่อยู่เป็นห้องดีที่สุดในบ้านหลังนี้ ต้องกินและดื่มอยู่บนเตียงตลอดเวลา บางครั้งเวลาที่จางฉุ้ยเหลียนไม่อยู่บ้าน ตงลี่หวาก็จะรับหน้าที่ดูแลแทน
คนไม่ใช่ต้นหญ้าตอไม้ หล่อนรู้สึกซาบซึ้งใจต่อคนเหล่านี้และเริ่มรู้สึกสนิทสนมมากขึ้น อาการป่วยของหล่อนไม่ได้ร้ายแรงนัก แต่เพราะสลบไปหลายวันและกลั้นถ่ายไม่อยู่จนทำให้สะใภ้ทั้งสองเกิดความกลัว คิดว่าหล่อนจะเป็นอัมพาตติดเตียง จึงไม่อยากปรนนิบัติรับใช้
เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเธอจึงปรนนิบัติแบบขอไปที ทำให้หญิงชราที่ร่างกายอ่อนแอแล้วยิ่งอ่อนแอไปอีก บวกกับสภาพจิตใจย่ำแย่ สารอาหารได้รับไม่เพียงพอต่อร่างกาย จึงทำให้หญิงชราวิงเวียนและสลบไปในที่สุด พอมีตงลี่หวาอยู่ด้วย อากาศก็ดี แสงแดดส่องถึง สารอาหารและโภชนาการถูกต้อง ไม่ได้ถูกเตรียมไว้เพียงแค่หล่อนคนเดียวเท่านั้น แต่ยังเตรียมไว้ให้คังคังเหมือนกันอีกด้วย เพื่อให้ดูดซึมได้ง่ายและย่อยง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ส่งผลให้ร่างกายของหล่อนค่อย ๆ ดีขึ้น สภาพจิตใจก็ดีขึ้นทุกวัน
ผ่านไปไม่กี่วัน อาหารกลั้นขับถ่ายไม่อยู่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น มีคนช่วยประคองเดินไปจัดการธุระในห้องน้ำ ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นอีกแล้ว สามารถเดินเล่นกับตงลี่หวาในสวนผักหลายรอบอีกด้วย
อากาศในช่วงนี้เริ่มร้อนระอุ ร่างกายของหล่อนฟื้นกลับมาเป็นปกติ สามารถปลูกต้นหอมและผักชีในสวนผักกับตงลี่หวาได้ จนกระทั่งหูจิ่นเหมิงปิดเทอมและกลับเข้าเมือง หญิงชราไม่รู้ว่าจะเอาไม้ไผ่มาสร้างเสาไม้เลื้อยได้จากที่ไหน
สามเดือนมานี้ จางกว่างฝูมาหาแค่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นการอาศัยโอกาสเอากระเป๋าเป้ให้คังคังในวันเด็กมาเยี่ยมหล่อนนั่นเอง เขาร้องห่มร้องไห้น้ำตาไหลพราก ขี้มูกไหลเยิ้มว่าตนนั้นยากลำบากแค่ไหน และยังใช้โอกาสนี้เตือนให้ลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วมาเลี้ยงดูเขา เพราะเขาเองก็ออกแรงเลี้ยงดูเธอมาเหมือนกัน
แม่เฒ่าจางผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเกลียดชังที่มีต่อเช่าหวามากจนเกิดความไม่พอใจต่อจางฉุ้ยจวินไม่น้อย ยังไม่ทันรอให้เอ่ยปากพูดเรื่องเงิน จางกว่างฝูก็ชิงพูดเตือนก่อนว่าลูกสะใภ้คนใหม่กำลังตั้งครรภ์ ช่วงนี้ต้องใช้เงินอย่างมาก เขาแบกรับภาระครอบครัวไว้เพียงคนเดียวไม่ไหวอีกต่อไป ในเมื่อมารดาได้มาอยู่สุขสบายกับจางฉุ้ยเหลียน ไม่ยอมกลับไปทุกข์ทรมานและหวังได้เสพสุขอยู่ที่นี่ไปจนตาย
คำพูดไม่กี่คำของจางกว่างฝูทำให้หญิงชราโกรธจนเกือบล้มป่วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ยังดีกว่าลูกชายคนโตมากทีเดียว
ลูกชายคนโตใจร้ายกว่าสัตว์เดรัจฉาน ทั้งสามีภรรยาไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็น ราวกับว่ามารดาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินเซี่ยจวินและตงลี่หวาพูดเช่นนี้ หลานชายคนโต จางฉุ้ยหลิน ก็พอมีมโนสำนึกอยู่บ้าง
เช้าวันที่สอง จางฉุ้ยหลินมาเยี่ยมคุณย่าถึงบ้าน เพียงแต่เขาเลือกจะไปโรงซ่อมรถที่อยู่ด้านหน้าก่อน เพื่อกล่าวขอบคุณเซี่ยจวิน พร่ำพูดแค่เพียงว่าตัวเองก็เป็นลูกชาย ยังทำแบบผู้อาวุโสทำไม่ได้เลย ร้อนใจไปก็เปล่าประโยชน์ จึงมากล่าวขอบคุณ พร้อมกับซื้อของที่บรรจุในกล่อง 2 ใบ มาแสดงความขอบคุณด้วย
จากนั้น เขาก็มักจะส่งผักที่ปลูกเองมาให้อยู่บ่อยครั้ง บางคราวก็แบกข้าว 1 กระสอบมาส่ง เขาปิดบังพ่อแม่และภรรยาของตนไว้ เจียดเอาของพวกนี้ออกมา บอกว่าเขาอยากตอบแทนคุณย่าบ้างแต่ไร้ความสามารถ ทำได้เพียงแอบเอาของเหล่านี้มาให้ ขโมยของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นของฝาก
เซี่ยจวินรู้สึกซาบซึ้งมาก จางฉุ้ยเหลียนเองก็ชอบพี่ชายคนนี้มากเหมือนกัน มีแค่คุณย่าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจว่าหลานชายที่หล่อนเลี้ยงดู เฝ้าทะนุถนอมอยู่ข้างกายมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตกำลังคิดสิ่งใดอยู่
หลังจากอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 เดือน คุณย่าก็เข้าใจสถานการณ์ในบ้านของจางฉุ้ยเหลียนในที่สุด หล่อนรู้ว่าตัวเองเพิ่งจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน บอกไม่ได้ว่าจางฉุ้ยเหลียนจะดูแลไปได้อีกนานแค่ไหน ถึงตอนนั้นหล่อนคงจะไม่มีเงิน และไร้ที่พักพิง ในเมื่อตงลี่หวาและเซี่ยจวินรับหล่อนมาอยู่ด้วยแล้ว ก็ไม่มีทางทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นแน่
หล่อนเพิ่งรู้ว่าพ่อแม่สามีของจางฉุ้ยเหลียนหย่าร้างกันแล้ว อันหลงถูกแม่สามีไล่ออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา อีกทั้งยังให้ลูกชายไปคว้าตัวผู้หญิงอายุไม่ถึ 40 ปีกลับมาอีกด้วย สะใภ้คนใหม่ที่อยู่ในบ้านของลูกชายก็โอหังอวดดีเป็นที่สุด
ถ้าบอกว่าไม่อิจฉา ใครบ้างไม่อิจฉา หล่อนเองก็เคยมีความคิดที่จะมีชีวิตแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้ผู้ชายของจางฉุ้ยเหลียนก็โดนดูถูกเหยียดหยามเพราะเรื่องพ่อแม่หย่าร้างกัน จึงบอกว่าเขาจะไปทำงานที่อื่น
แต่พ่อสามีไม่ยอม เพราะธุรกิจที่จางฉุ้ยเหลียนทำนั้นไม่ดี จึงสร้างผลกระทบต่อสามี ชีวิตในตอนนี้จึงค่อนข้างวุ่นวายปั่นป่วนมาก คุณย่าจำเป็นต้องหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองด้วย
ในที่สุดโอกาสก็มาถึง ลูกชายคนโตที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันก็พาสะใภ้ใหญ่มาหาถึงที่ บอกว่าจะมารับมารดาไปอยู่ที่บ้าน แต่สุดท้ายก็ถูกสองสามีภรรยาเซี่ยจวินไล่ตะเพิดกลับไป จากนั้นจางฉุ้ยหลินก็มาหาที่บ้าน และถือโอกาสตอนไม่มีใครอยู่มาพูดกับคุณย่า
ที่แท้ครอบครัวของลูกชายคนรองเกิดเรื่องนี่เอง หลิวกุ้ยเฟินจึงต้องการตัวหญิงชรา ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องสนใจครอบครัวของลูกชายคนรอง แถมยังเตรียมโลงศพไว้ให้หล่อนด้วยนะ พวกเขามารับหล่อนกลับบ้าน เพื่อดูและปรนนิบัติรับใช้จนหล่อนจากโลกนี้ไป
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมครอบครัวพี่ใหญ่คิดว่าจะไม่สละเงินมาปกป้องครอบครัวลูกชายคนรอง ? ถึงแม้ว่าเงินก้อนนั้นจะเป็นเงินจัดงานศพหลังการจากไปของหญิงชราก็ตาม แน่นอนว่าหล่อนยังไม่เคยได้แตะเงินก้อนนั้นสักครั้งด้วย
จางฉุ้ยหลินเองก็พูดไม่ชัดเจน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสะใภ้ใหม่เสียแล้ว
“คุณย่า มากกว่านี้ผมไม่รู้แล้ว ถึงอย่างไร ตอนนี้ในบ้านของคุณอารองก็เกิดปัญหาขึ้น ไม่รู้ว่าจะเรียกร้องเอาเงินเท่าไหร่ แถมยังเอาเด็กในท้องมาขู่อีกด้วย ขู่ว่าถ้าไม่เอาเงินมาให้ก็จะเอาเด็กออก ได้ยินมาว่าไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วรู้ผลเป็นลูกชายด้วย ! ” จางฉุ้ยหลินงึมงำด้วยความหงุดหงิดต่อว่า “แม่ของผมบอกว่า เพื่อหลานคนนี้ คุณย่ารักอารองคนนี้มาก ยอมเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีออกมาใช้ ต่อมาก็กลายเป็นคนโดดเดี่ยวที่ไม่เหลือใคร”
หญิงชราโกรธจนด่าออกไป “เหลวไหล หล่อนเอาเงินของฉันไปตั้ง 30,000 หยวน ฉันจะหาเงินจากไหนไปให้อีก ? ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จางฉุ้ยหลินก็เกิดความไม่ธรรมอยู่ในใจ คนที่อยู่ข้างนอกก็เอาแต่จ้องขูดเลือดขูดเนื้อพวกเขา แม้กระทั่งพ่อตาคนสนิทฝั่งนั้นก็ยังกล้า
เขาบอกว่าตัวเองไม่เคยได้รับเงินก้อนนี้ ยิ่งพยายามอธิบายมากเท่าไร ก็ยิ่งมีคนคิดว่าพวกเขาเป็นวัวสันหลังหวะมากขึ้นเท่านั้น กระทั่งมีคนเข้ามาพูดจาเยาะเย้ย บอกว่าคุณอารองมีภรรยาแสนประเสริฐและมีลูกสาวที่หาเงินเก่งตั้ง 1 คนแล้ว บ้านก็ให้ลูกสาวรีโนเวทใหม่เสียจนสวยเด่นสะดุดตา แต่ทำไมถึงได้เกิดเรื่องขึ้น ? มีคนบอกว่าผู้เฒ่าอยู่บ้านของพวกเขามานานหลายสิบปี ย่อมมีความสุขไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต ไม่สนใจเพื่อนข้างบ้างหรือแม้แต่ญาติสนิทมิตรสหาย ไม่เคยมีใครมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นมิตรอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินหญิงชราพูด จางฉุ้ยหลินก็อดพูดไม่ได้ “คุณย่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณย่าทำเอง คุณย่าต้องไปบอกกับญาติในครอบครัวของเราว่าเงินก้อนนี้เป็นของใคร พ่อแม่ของผมคงไม่โกรธจนกลายมาเป็นเช่นนี้หรอก คุณย่าไม่รู้ เพราะฉุ้ยเหลียนมีเงินมีทอง พวกเขาก็เลยจัดงานให้คุณอารองและป้าสะใภ้รองให้สมกับหน้าตา คนภายนอกไม่เชื่อว่าเงินก้อนนี้เป็นของอารอง มีอีกหลายคนบอกว่าพ่อของผมทำให้คุณปู่ต้องตายเพราะเงินก้อนนี้ คุณย่าว่า ถ้าเรื่องนี้ตกไปอยู่บนตัวของคุณย่า คุณย่าจะลำบากใจไหมล่ะครับ ? ”
หญิงชรานึกถึงช่วงเวลาที่กำลังเก็บพริกสดอยู่ในลานบ้าน ได้ยินบทสนทนาของจางฉุ้ยเหลียนดังออกมาจากในห้อง น้ำเสียงราวกับกำลังบอกว่าเธอต้องการปิดร้านและไปหาสามีที่ไหนสักแห่ง และยังบอกอีกว่าตอนนี้สมาชิกครอบครัวในค่ายทหารไม่สามารถทำธุรกิจได้
ถ้าหลังจากนี้จางฉุ้ยเหลียนไม่เหลือเงินแล้วล่ะ หล่อนสมควรเก็บเงินเพื่อตัวเองอีกไหม ? จะว่าไปแล้วถ้าเธอไปอยู่กับสามี ก็ยังไม่แน่ว่าจะพาคุณย่าคนนี้ไปด้วย
ดูท่าว่า หล่อนต้องถือโอกาสนี้ทำตามขั้นตอน ไม่อย่างนั้น คงจะไม่มีที่ไปจริง ๆ
MANGA DISCUSSION