ตอนที่ 290 ต้องการแต่งงาน
จางฉุ้ยเหลียนคิดว่าบ้านตระกูลจางเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพวกเขาเห็นแก่ตัวแค่กับเธอเท่านั้น เรื่องการแต่งงานของจางฉุ้ยจวิน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจางหรือเช่าหวาล้วนคิดเอาเงินของจางฉุ้ยเหลียนทั้งสิ้น
“คุณปู่เป็นมะเร็งไม่ใช่หรือ โรคนี้คงทำให้มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินครึ่งปี ครอบครัวของเราคงจะรั้งไว้ได้ไม่นาน ได้แต่ยื้อเวลาไปถึงวันไหนก็ไม่รู้ เงินของเราก็หมดเกลี้ยงแล้ว ยิงเจี๋ยก็ไม่มีเหมือนกัน” เช่าหวาใช้ผ้าเช็ดโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว พลางพูดเรื่องสัพเพเหระอย่างเบิกบานใจ
จางฉุ้ยเหลียนรู้สึกไม่ชินกับเช่าหวาที่เป็นแบบนี้ นี่คือแม่ที่วัน ๆ เอาแต่ขี้เกียจ ตะกละตะกลามและเจ้าเล่ห์ลื่นไหลคนนั้นหรือ ? แล้วเหตุใดในบ้านจึงดูสะอาดสะอ้านแบบนี้ เตาก็ถูกเช็ดจนใหม่แวววาวสร้างความประหลาดใจแก่ทุกคน
หลังกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามีหิมะปกคลุมหลังบ้านไปบางส่วนแล้ว ช่วงเวลานี้เช่าหวายังคงมีนิสัยเดิมไม่เปลี่ยน นั่นคือการวิ่งร้องห่มร้องไห้ไปหาจางฉุ้ยเหลียนที่เป็นคนรักหน้าตา เธอไม่อยากให้คนอื่นสร้างตราบาปให้เธอเด็ดขาด เพราะความจนปัญญาจึงควักเงินออกมาจ้างคนมากวาดหิมะที่ปกคลุมอยู่บนหลังคา โชคดีที่ ‘พ่อไม่อยู่บ้าน’ ไม่เช่นนั้นคงได้หาเหตุผลมาอ้างให้เช่าหวาควักเงินจ้างคนงานเองไปแล้ว
ในตอนที่กำลังซ่อมหลังคาบ้านนั้น จางฉุ้ยเหลียนก็คิดเรื่องซ่อมหลังคาในชาติที่แล้วขึ้นมาได้ ถ้าจางฉุ้ยเหลียนใจอ่อนคงเชื่อคำพูดของเช่าหวาไปแล้ว แต่เธอก็ช่วยออกเงินค่าซ่อมหลังคาบ้าน เพราะคิดว่าตอนนั้นจางฉุ้ยเหลียนไม่มีเงินแต่ก็ยังถูกคนในบ้านขูดรีดอย่างไม่ปรานี แล้วตอนนี้เธอมีเงินมากมาย เช่าหวาจะไม่จ้องเธอได้อย่างไร
เธอก็เลยถือโอกาสทาสีใหม่ทั้งภายในภายนอกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ปูกระเบื้องในห้อง ทุบเตาไฟเก่าทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่ ห้องครัวก็ปูกระเบื้องใหม่ ก่ออิฐสร้างตู้ใส่ถ้วยจานให้ด้วย
จางฉุ้ยเหลียนหาคนกลุ่มเดียวกันมาเซ็นสัญญา เตรียมความพร้อม อิฐที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นอิฐสีขาว ตู้ที่ก่อขึ้นมาก็ถูกทาด้วยสีขาว เห็นได้ชัดว่าสีขาวนั้นทำให้ห้องสว่างตามากยิ่งขึ้น การปูกระเบื้องและก่ออิฐใหม่ทั้งหลังได้สร้างความอิจฉาตาร้อนแก่คนที่อยู่ในละแวกเดียวกันเป็นอย่างมาก
เช่าหวามองไปทางบ้านที่ได้รับการตกแต่งใหม่อย่างภาคภูมิใจ ไม่มีบ้านหลังไหนดีกว่าบ้านหลังนี้แล้ว หล่อนมักเอาไปโอ้อวดกับคนอื่น แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเงินของลูกสาว ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเช่าหวาเอง ถึงจะดูเป็นเรื่องสนุก แต่จางฉุ้ยเหลียนก็ไม่ได้ออกเงินมากมาย ซึ่งถูกกว่าการซ่อมบ้านในชาติที่แล้วเสียด้วยซ้ำ โดยส่วนใหญ่จะเสียเงินไปกับการปูหลังคาและก่ออิฐ วัสดุไม้ที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็เป็นวัสดุที่ไม่รู้ว่าฟู่ซินไปเอามาจากไหน
ความต้องการของจางฉุ้ยจวินก็คือทุบทำลายเตาปูนในห้อง ซื้อเตียงนอนสำหรับสองคนและตู้สีขาวที่มีประตู สี่บานมาวางแทน นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์พร้อมลำโพงสองตัวซ้ายขวา จากนั้นก็ไปซื้อโซฟาที่ทำจากไม้สไตล์จีนมีความใหม่แปดส่วนจากตลาดมือสอง และโต๊ะน้ำชาไม้ที่ต่อขึ้นจากเศษไม้ที่เหลือทาด้วยสีขาวทั้งตัวเช่นเดียวกัน
ประกอบกับม่านหน้าต่าง 2 ชั้น หนา 1 ชั้น บาง 1 ชั้น ซึ่งจางฉุ้ยเหลียนรู้สึกเหมือนเป็นเรือนหออย่างไรอย่างนั้น ส่วนเช่าหวาก็มีความกระตือรือร้นอยากให้ลูกชายแต่งงานรับสะใภ้เข้าบ้านโดยเร็วที่สุดอีกด้วย
จางฉุ้ยเหลียนขับรถพาจางกว่างฝูกลับบ้าน กระทั่งได้เห็นแฟนสาวของจางฉุ้ยจวิน หล่อนมีหน้าตาธรรมดาไม่ได้สวยเด่น แต่ดวงตาของหล่อนสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นเด็กสาว พอเดินไปถึงเบื้องหน้า หล่อนก็อ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม “พี่สาว พี่มาแล้ว คงคิดถึงคุณป้ากับเสี่ยวจวินมากสิท่า ไอ้หยา คังคังไม่มาด้วยหรือคะ ? ”
มองเด็กโง่ที่กล่าววาจาสุภาพมีมารยาทและแสดงท่าทางสนิทสนมราวกับเพื่อนเก่าแล้วทำให้จางฉุ้ยเหลียนได้ค้นพบทั้งสองชาตินี้ เช่าหวามักจะมีวาสนากับเด็กผู้หญิงเจ้าเล่ห์และขี้เล่นมากทีเดียว
ยิงเจี๋ยในชาตินี้เป็นคนแบบเดียวกับหวังลี่ในชาติที่แล้ว หวังลี่มีความเฉลียวฉลาดแปะอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน บางครั้งก็เสแสร้งแกล้งพูดจาดี
ส่วนยิงเจี๋ยกลับดูเหมือนคนจริงใจ แสดงออกทางสีหน้าตามตรงเสียอย่างนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหล่อนมีความประจบประแจง จางกว่างฝูเดินเข้าไปข้างในบ้านโดยมีจางฉุ้ยเหลียนเดินตามหลังเข้าไป ในตอนนั้นเอง เช่าหวาก็รีบพูดขึ้น “ไอ้หยา ลูกสาวคนโตของฉันกลับมาแล้ว!”
จากนั้นยิงเจี๋ยก็เดินเข้ามา และตรงไปหาจางฉุ้ยเหลียนด้วยใบหน้ากระตือรือร้นทันที โดยไม่รอให้จางกว่างฝูถามไถ่ ไม่คิดจะแนะนำตัวกับเขาแต่อย่างใด ยิงเจี๋ยทำเพียงแค่กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานกับจางกว่างฝูเท่านั้น ก่อนจะแสดงท่าทีนิ่งเฉยต่อเขา ตรงกันข้ามกลับแสดงท่าทีสนิทสนมกับพี่สาวคนโตของบ้าน ราวกับกำลังต้อนรับแขกที่ควรค่าแก่การเคารพที่สุด
จางฉุ้ยเหลียนนั่งลงในบ้านที่เพิ่งตกแต่งใหม่ ก่อนจะยิ้มและถามขึ้น “เก็บกวาดบ้านเรียบร้อยขนาดนี้ ฝีมือของยิงเจี๋ยหรือ ? ”
เช่าหวาพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “จะใครอีกล่ะ ก็เด็กคนนี้น่ะสิ หล่อนทำความสะอาดบ้านเก่งมาก ตั้งแต่หล่อนย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพียงแค่ 2 เดือน ฉันก็ไม่ต้องทำอาหารตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา แถมหล่อนยังทำความสะอาดทุกวันเลยด้วย”
จางกว่างฝูเลิกคิ้วสูง จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อะไรนะ ? คุณกำลังจะบอกว่าหล่อนอยู่บ้านเราได้ 2 เดือนแล้วอย่างนั้นหรือ ? ”
เช่าหวาพูดอย่างลำพองใจมากกว่าเดิม “แน่นอน ก็เด็กคนนี้ตั้งท้องแล้วนี่”
เมื่อสองพ่อลูกได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาทันที จางกว่างฝูไม่อยากเชื่อและไม่อยากยอมรับ “พูดบ้าอะไร ? ท้องใหญ่ขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน คุณโง่หรือเปล่า ? ออกไปข้างนอกแบบนี้ไม่อายบ้างหรือไง ! ”
เช่าหวาถ่มน้ำลายใส่หน้าจางกว่างฝูทันที หัวคิ้วของหล่อนเลิกสูงขึ้น “คุณเข้าใจว่าอะไร ? ฉันคำนวณไว้แล้ว ถ้าท้องไม่ใหญ่จะเรียกสินสอดได้เท่าไหร่กันล่ะ ตอนนี้ครอบครัวฝ่ายหญิงก็เร่งเรื่องแต่งงานแล้ว ทางนั้นเขาไม่เรียกร้องอะไรแล้ว”
เห็นท่าทางเอาเปรียบของเช่าหวา จางฉุ้ยเหลียนก็อดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ “แม่ควรสอนแนวคิดนี้ให้เสี่ยวจวินนะคะ”
เช่าหวามัวแต่ภาคภูมิใจในตัวเองจนไม่ทันสังเกตถึงการดูถูกเหยียดหยามที่แฝงอยู่ในคำพูดของจางฉุ้ยเหลียน ตรงกันข้ามคือยิ่งลำพองมากกว่าเดิม ราวกับได้รับรางวัลโนเบลอย่างไรอย่างนั้น “ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นเขาจะหาสะใภ้ที่เลิศเลอแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ? ครอบครัวของยิงเจี๋ยเป็นคนมีฐานะ ถ้าไม่ใช้วิธีนี้จะได้หล่อนมาเป็นลูกสะใภ้หรือไง ถ้าพวกสอดรู้สอดเห็นถาม ก็แค่บอกว่าเอามารักษาอาการป่วยของคุณปู่ ก็จบแล้วนี่!”
หากคุณปู่เสียชีวิต ต้องไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก หลังจากครบ 200 วันพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว แต่ภายใน 1 ปีก็จะเกิดเรื่องไม่ดีและเรื่องที่มีความสุขปะปนกันไป จริง ๆ มันก็ไม่ค่อยดีหรอก ดังนั้นคนทั่วไปจึงจัดงานแต่งงานก่อนที่อาวุโสจะเสียชีวิต เพื่อให้ลูกหลานใช้ชีวิตคู่ได้ต่อไปอย่างราบรื่น และอยากให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นได้วางใจหลังจากได้เห็นลูกหลานเข้าพิธีแต่งงานซึ่งอบอวลไปด้วยความรัก
จางฉุ้ยเหลียนไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อการกระทำนี้ของเช่าหวาแต่อย่างใด จุดประสงค์ที่ตั้งใจให้เจ้าตัวท้องก่อนแล้วค่อยแต่งงานเข้าบ้านเป็นแผนการน่ารังเกียจที่สุด ยิงเจี๋ยเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง เหตุใดจึงตกหลุมรักจางฉุ้ยจวินผู้ไม่เอาไหนได้ ? ไม่มีเงิน ไม่มีงานทำ น่าเบื่อและไม่มีความรับผิดชอบ
บางทีอาจเป็นเพราะมองไม่เห็นจุดเด่นของตัวเองหรือไม่ ? จางฉุ้ยเหลียนแอบคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็ชำเลืองมองไปทางจางฉุ้ยจวินซึ่งในเวลานี้กำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างตื่นเต้นอยู่
จางกว่างฝูขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปถามเช่าหวา “พวกเขาว่าอย่างไรบ้าง ? ”
เช่าหวาเลิกคิ้วสูงพร้อมฉีกยิ้ม “จะว่าอย่างไรได้เล่า ก็ต้องอิจฉาแน่นอนอยู่แล้ว เฉินเฉี่ยวหยิงมีอะไรบ้างล่ะ? เห็นว่าทำธุรกิจอยู่ไม่ใช่หรือ พ่อของหล่อนทอผ้าฝ้ายส่วนแม่ก็ถักสานฟาง อวดป้าคนนั้นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ”
เมื่อจางกว่างฝูได้ยิน เขาก็รีบถามอย่างเป็นกังวลทันที “หล่อนไม่มีงานทำเลยหรือ ? ”
จางฉุ้ยเหลียนหลุดหัวเราะเสียงดังออกมา ลูกชายของบ้านนั้นไม่ยอมเข้าเรียน แถมก็ยังได้ยินมาว่าลูกสาวก็ไม่มีงานทำด้วย ไม่มีงานทำเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ คนไม่เอาการเอางานแบบจางฉุ้ยจวินจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงลูก
ไม่นานยิงเจี๋ยก็ยกน้ำเข้ามาเสิร์ฟ จางฉุ้ยเหลียนมองจานผลไม้ที่มีสีสันหน้าตาน่ารับประทานมาก ดูท่าทางจางฉุ้ยจวินคงจะมีความสุขก็งานนี้ หาสะใภ้ที่มีความสามารถในการทำงานอาหารได้ถึงขนาดนี้ เก่งจริง ๆ
ยิงเจี๋ยนั่งและกล่าวทักทายจางฉุ้ยเหลียนในฐานะเจ้าบ้านทั่วไป ประเดี๋ยวก็คีบเนื้อให้ ประเดี๋ยวก็คีบผักให้จางฉุ้ยจวิน ระหว่างนั้นหล่อนก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน แล้วหันกลับมาให้ความสำคัญกับร่างกายของจางกว่างฝู แล้วมองอนาคตแทนเช่าหวา
เท่าที่จางฉุ้ยเหลียนเฝ้าสังเกตเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีความเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบมากทีเดียว หล่อนสามารถพูดได้หมด หลอกล่อจางกว่างฝูจนหน้าแดงก่ำและยอมรับหล่อนโดยไม่รู้ตัว
ถึงตาของจางฉุ้ยเหลียน ไม่ว่ายิงเจี๋ยประจบสอพลอแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางยอมรับ หลังจากทานอาหารได้ครึ่งหนึ่งแล้ว จางฉุ้ยเหลียนก็วางตะเกียบลงและเริ่มถามถึงครอบครัวของยิงเจี๋ย ฟังจากที่หล่อนเล่ามา ครอบครัวของหล่อนนอกจากพ่อแม่แล้วก็ยังมีพี่ชาย 2 คน น้องชาย 1 คน และพี่สาวที่แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วอีก 1 คน หล่อนจึงเป็นลูกคนที่สี่ ฐานะทางบ้านก็พอใช้ได้
“พี่ชายใหญ่ทำงานอยู่ในโรงงาน เมื่อก่อนเป็นเพียงแค่เด็กฝึกงาน ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเต็มตัวแล้ว พี่รองรับงานต่อจากพ่อ เป็นเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการในโรงงานผลิตกระดาษ ส่วนน้องชายคนเล็กสุดยังเรียนอยู่ ครอบครัวของเราอยากให้เขาเรียนโรงเรียนตำรวจ พอเรียนจบก็จะได้เป็นตำรวจ แม่ของฉันเมื่อก่อนเป็นแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ทั้งคู่เปิดร้านขายของชำที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งกิจการรุ่งเรืองมาก !” จากที่ยิงเจี๋ยพูด หล่อนเองก็เป็นคนงานชั่วคราวอยู่ในแผนกเสบียงธัญพืช งานนี้ไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจสักเท่าไร จะเข้าทำงานหรือไม่เข้าก็ไม่มีผล
จางฉุ้ยเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็บ่นพึมพำขึ้นมาทันที เธอคุ้นเคยกับแผนกเสบียงธัญพืชแห่งนี้ดี มันอยู่ไม่ไกลจากร้านซ่อมรถของเซี่ยจวิน ถัดจากโรงเรียนสายอาชีพที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนมัธยม ก็เป็นพวกโรงงานผลิตอุปกรณ์ร้านทำผมอะไรทำนองนั้น
ทุกคนเป็นเจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการทั้งสิ้น ขนาดพ่อแม่เกษียณออกมาแล้วก็ยังแสดงศักยภาพที่คุกรุ่นออกมาอย่างเต็มที่ เหตุใดครอบครัวของพวกหล่อนจึงชื่นชอบในตัวจางฉุ้ยจวินด้วยล่ะ ขนาดจางกว่างฝูเองก็ยังทำงานเลย ถ้าไม่มีจางฉุ้ยจวินเขาก็คงจะกลายเป็นมอดที่นอนกินสบายอยู่บ้าน
ถึงจะพึมพำอยู่ในใจ แต่มุมปากกลับคลี่ยิ้มและพูดว่า “บ้านของเธออยู่ใกล้บ้านฉันนิดเดียวเอง”
ยิงเจี๋ยจึงรีบพูดคล้อยตาม “อื้อ คุณป้าเล่าเรื่องของพี่ให้ฉันฟังหมดแล้ว ตอนเด็ก ๆ บ้านพี่มีฐานะไม่ค่อยดี ต่อแต่นี้เราสองครอบครัวจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ฉันมั่นใจว่าจะเข้ากับพี่สาวได้ดี พี่สาว ต่อไปไม่ว่ามีเรื่องอะไร ไม่ต้องไปคุยกับคนข้างนอกนะ มาคุยกับฉันได้เลย ฉันมีอะไรก็จะพูดกับพี่ตรง ๆ เหมือนกัน ฉันเต็มใจช่วยเหลือพี่สาวเต็มที่ไม่มีปิดบังแน่นอน ! ”
เมื่อเห็นความใจกว้างของหล่อน จางฉุ้ยเหลียนยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ดูออกว่าจางกว่างฝูก็อึดอัดแต่ไม่กล้าพูดออกมา เช่าหวายอมเป็นคนโง่ ซึ่งจางฉุ้ยเหลียนได้กลายเป็นคนโง่เช่นเดียวกัน เธอหลงกลผู้หญิงที่หน้าตางดงามคนนี้จนกู่ไม่กลับแล้ว
เธอไม่แคร์ว่ามันเป็นเรื่องโกหก แม้ว่าต้องโง่จริง ๆ ก็คงจะดีกว่ายัยปีศาจสมองทึ่มอย่างหวังลี่ในชาติก่อนที่คิดแต่เรื่องเงิน ถ้าวันนั้นไม่ขัดสน เธอก็คงไม่ต้องจบชีวิตด้วยการกระโดดน้ำหรอก
“เธอมีฐานะดีถึงขนาดนั้น หน้าตาก็สวย การงานก็ดี ทำไมถึงมาชอบน้องชายของฉันล่ะ ? พ่อแม่ของฉันไม่มีงานทำด้วย เงินบำนาญไม่สามารถเลี้ยงดูบั้นปลายชีวิตได้อย่างมั่นคงหรอกนะ จางฉุ้ยจวินเองก็ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือ เธอชอบเขาที่ตรงไหน ? ”
ประโยคที่จางฉุ้ยเหลียนโพล่งออกมา เป็นการล่วงเกินทุกคนมากทีเดียว จางฉุ้ยจวินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เช่าหวาก็ไม่อาจยอมรับได้ จางกว่างฟูก็ได้แต่แสดงสีหน้าผิดหวัง
ตรงกันข้ามกับยิงเจี๋ยที่นิ่งสงบไม่สะทกสะท้าน หล่อนยังคงยิ้มและพูดว่า “ชอบใครคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลนี่คะ ครอบครัวของฉันไม่ได้มองคนที่ฐานะ แต่มองคนที่การปฏิบัติ จางฉุ้ยจวินดีกับฉัน รักเดียวใจเดียว ฉันเชื่อว่าคนแบบนี้จะต้องมีสักวันที่ประสบความสำเร็จแน่นอน”
MANGA DISCUSSION