——ฮึ้ย รู้สึกเหมือนสาวน้อยสายอวดดีที่ใช้สรรพนาม ‘โบคุ’ จะตื่นขึ้นมาแล้ว!
『พูดอะไรของท่านกันเจ้าคะ ท่านเจ้าของ』
ไม่รู้สึกเลยเหรอ คาคุโยมุคุง ฉันน่ะสัมผัสได้ถึงไออุ่นของคอนเทนต์… ใช่แล้ว รู้สึกเหมือนลมโชยแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ ของเหล่าสาวน้อยน่ารักพัดผ่านเข้ามาเลยล่ะ อ่อนโยนราวกับสายลมเอื่อยๆ แต่พร้อมกันนั้นก็กำลังประกาศแสดงตัวตนอันแน่ชัดออกมาอยู่นะ
『…งั้นรึเจ้าคะ』
เมื่อกี้แอบหยุดคิดไปสินะ ^^ เดี๋ยวทีหลังต้องโดนการลงโทษนะ♥
『เฮือก…』
ท่าทางหวาดกลัวก็น่ารักดีนะ ทั้งที่ตอนอยู่ที่บ้านนาทากิทำเป็นเก่งนักแท้ๆ
เอาล่ะ จะถามอีกครั้งนะ ไม่รู้สึกเลยเหรอ คาคุโยมุคุง
『…รู้สึกเจ้าคะ!』
อย่ามาพูดส่งเดชสิ!!! ทางนี้ไม่ได้พูดเล่นนะ!!!
『แล้วจะให้ทำอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ—!』
ต้องทำตามการชี้นำของคอนเทนต์สิ คาคุโยมุคุงในตอนนี้มีหน้าที่เป็นโลลิแนวเจ้าคะ นอกโลกคอยถามคำถามการ์เดนเนอร์จังอยู่ไม่ใช่เหรอ ดูสิ โลลิเจ้าคะน่ะไม่ค่อยรู้เรื่องทางโลกสักเท่าไหร่ (อคติส่วนตัว)
『ข-เข้าใจแล้วเจ้าคะ แต่ว่า เหตุใดท่านเจ้าของถึงยังคงแสร้งหลับอยู่เจ้าคะ ทั้งที่การต่อสู้ก็จบลงแล้ว และกลับมาอยู่บนเตียงแล้วแท้ๆ 』
หลังจากโค่นโซลเซียร่าไอดอลลงได้แล้ว ฉันก็อ่านสถานการณ์แล้วแกล้งทำเป็นล้มลงไป แล้วก็ถูกอุ้มมาส่งถึงเตียง ตอนนี้กำลังทำหน้าที่ส่งเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดเป็นระยะๆ อยู่ไงล่ะ
ว่าแต่ว่า พวกคุณโรคุฮาระปาติซิเย่น่ะ ดูเหมือนจะหมดหน้าที่แล้วก็เลยกลายเป็นกลีบดอกไม้หายไปซะแล้ว คอนเทนต์เสริมพิเศษที่อุตส่าห์ได้มาแท้ๆ …
『…อาการไม่เลวร้ายใช่ไหมเจ้าคะ? 』
แน่นอน! กลับกันแล้ว เพราะดูดซับแสงสว่างที่ออกมาจากโซลเซียร่าไอดอลเข้าไป ดูเหมือนว่าพลังที่ใช้ได้จะเพิ่มขึ้นมาอีกนะ
ฟังให้ดีนะคาคุโยมุคุง เรื่องแบบนี้น่ะนะ ตามธรรมเนียมแล้วโซลเซียร่าจะต้องโค่นคน 13 คนลงแล้วถึงจะเอากำลังดั้งเดิมกลับคืนมาได้นะ ฉันในสภาพนี้น่ะต้องเป็นเวอร์ชันแจกฟรีแน่ๆ ส่วนโซลเซียร่าร่างสมบูรณ์ที่เอากำลังกลับคืนมาได้แล้วต้องเป็นตัวลิมิเต็ดแน่นอน
『ธรรมเนียม… ฮึ้ย เคยได้ยินมาจากอาจารย์คาเมะแล้วเจ้าคะ! ไอ้ที่ว่าตอนก้มหัวแล้วตำราเรียนจะร่วงออกมาจากกระเป๋านักเรียนญี่ปุ่นบ้างล่ะ หรือทำเป็นอวดเก่งแต่พอตกกลางคืนก็นอนหลับปุ๋ยไปเลยบ้างล่ะสินะเจ้าคะ! ข้าฝึกฝนมาอย่างดีให้หลับตอนสองทุ่มตรงเป๊ะเลยนะเจ้าคะ!』
เนื้อหาการสอนของผู้ปกครองวิตถารนั่นมันลำเอียงไปหน่อยนะ… เอ้า แต่ถ้าพูดในความหมายของกระแสหลักของคอนเทนต์แล้วก็ไม่ผิดหรอกนะ
『สรุปคือ ต่อจากนี้ไปก็แค่ไล่ถล่มพวกท่านเจ้าของปลอมๆ นั่นไปเรื่อยๆ ก็พอสินะเจ้าคะ! ข้าน่ะ ถนัดเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วเจ้าคะ! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทรมานคนอ่อนแอให้ตายอย่างช้าๆ นี่มันช่างรู้สึกดีเสียจริงคะ…』
ถึงจะยังคงหลงเหลือความโหดร้ายจากเมื่อก่อนอยู่บ้างก็เถอะนะ แต่แบบนั้นแหละดีแล้วคาคุโยมุคุง
แล้วฉันในตอนนี้คือขั้นที่โค่นคนแรกแล้วดูดซับพลังมาแล้ว แต่ว่า การที่ฉันซึ่งเป็นคนแรกจะเดาเรื่องราวต่างๆ ออกแล้วลงมือทำอะไรเร็วเกินไปมันก็ดูจะลึกลับเกินไปจนน่าขยะแขยงนะ
ต่อให้จะเป็นสาวน้อยลึกลับแค่ไหน ความสามารถในการทำความเข้าใจก็สูงเกินไปแล้ว
『อย่างนี้นี่เอง…? 』
เพราะงั้นแหละ เธอถึงต้องไปรวบรวมข้อมูลต่างๆ ด้วยการซักไซ้ไล่เลียงการ์เดนเนอร์จังยังไงล่ะ ฉันจะเข้าไปร่วมวงสนทนาในจังหวะที่เหมาะสมพอดี แล้วทำเป็นว่าเพิ่งตื่นแล้วได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพอดี ตอนนั้นก็กะว่าจะสามารถหาคำตอบได้ในระดับหนึ่งจากเรื่องที่การ์เดนเนอร์จังเล่าแล้วล่ะ!
คำพูดแรกคือ “อย่างนี้นี่เอง… เป็นแบบนี้นี่เองสินะคะ” น่ะ!
『แต่ว่า ระหว่างทางก็ได้ถามไปแล้ว แต่การ์เดนเนอร์ก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลยนะเจ้าคะ บอกว่าเป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้เสียด้วย』
ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องของเหตุการณ์นี้ก็ได้ ถ้าช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถของการ์เดนเนอร์จัง หรือเรื่องของโลกกระจกเงามาให้ก็พอแล้วล่ะ แค่ความรู้จาก PV ก่อนปล่อยเกมโซเชียลน่ะ ดูเหมือนจะทำมูฟรอบรู้ทุกสิ่งไม่ได้นะ
ถ้าได้รู้เรื่องอะไรหลายๆ อย่างแล้ว เดี๋ยวทีหลังจะไปกุเรื่องจริงที่ดูเข้าท่าขึ้นมาเอง ^^
『เอ่อ…』
มีอะไรเหรอ ^^
『ตลอดมา… ท่านเจ้าของทำเรื่องแบบนี้มาตลอดเลยรึเจ้าคะ…? 』
ใช่แล้ว
『ผิดปกติแล้วเจ้าคะ…!』
ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยนะ ^^
『โกหกเจ้าคะ! ดูไม่เหมือนนักสำรวจที่ข้ารู้จักเลยสักนิด น่ากลัวเจ้าคะ…!』
ทำซะเถอะน่า
『เจ้าคะ…』
■
ข้างๆ โซลเซียร่าที่กำลังหลับใหลอยู่ เด็กสาวร่างเล็กขยับคอไปมาอย่างเบื่อหน่าย
“น่าเบื่อจังเลยหนอ”
รูปลักษณ์ที่พึมพำออกมานั้น แตกต่างไปจากภายนอกโดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นนักรบผู้ช่ำชองก็ไม่ปาน ลำตัวตะขาบที่เหมือนหูซึ่งติดอยู่ที่ศีรษะ กับลิ้นสีแดงสดที่ปลายแยกออกเป็นสองแฉกนั้น ดูไม่เหมือนมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
“เอ่อ… คาคุโยมุจัง… สินะ?”
“โฮ่ กล้าดีนี่นะที่มาทำเหมือนข้าเป็นเด็กเล็กๆ มนุษย์ตัวน้อยๆ ช่างอวดดีขึ้นเสียจริงหนอ”
แกร่ก ดวงตาสีแดงสดจ้องเขม็งไปยังการ์เดนเนอร์ แต่ทว่า การ์เดนเนอร์เห็นดังนั้นกลับแอ่นอกอย่างภาคภูมิใจ
“หึหึ ขู่แบบนั้นน่ะไม่ได้ผลหรอกนะ! เพราะอัญเชิญคนที่น่ากลัวกว่านั้นออกมาได้ยังไงล่ะ!”
“อัญเชิญ… ใช่แล้วสินะ ข้าต้องฟังเรื่องจากเจ้าสินะ เจ้าบอกว่าไม่รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้กลายเป็นสภาพนี้ได้อย่างไร แต่เรื่องพลังของตนเองล่ะก็อธิบายได้กระมัง?”
หนวดที่เหมือนตะขาบยืดออกมาจากชายชุดกิโมโนของคาคุโยมุ จิ้มแก้มโซลเซียร่า โซลเซียร่าเพียงแค่ครางออกมาอย่างเจ็บปวด ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย
“จ-จิ้มแรงๆ แบบนั้นจะดีเหรอ?”
“ผู้ที่ถามคือข้า จงเล่าเรื่องพลังของเจ้ามาซะ”
“ค่า ค่า… ถึงจะบอกว่าอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจขนาดนั้นหรอกนะ”
การ์เดนเนอร์นั่งลงบนเตียงฝั่งตรงข้ามแล้วยืดขาออก
“แรงค์ S คนสุดท้ายที่สภาสร้างขึ้นมา นั่นแหละคือฉันเองล่ะ สามารถอัญเชิญนักสำรวจออกมาจากโลกแห่งความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนได้นะ สุดยอดใช่ไหมล่ะ”
“ไม่เข้าใจเลยสักนิด ต่อไปจงอธิบายเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาซะ”
การ์เดนเนอร์ทำปากยื่นกับคำพูดที่เย็นชาของคาคุโยมุ แต่ก็เริ่มอธิบายทันที
“ที่นี่น่ะ คือสถาบันสำหรับคัดเลือกหกเทวทูตแห่งความพินาศซึ่งเป็นหายนะยังไงล่ะ มีหน้าที่แจ้งให้สภาทราบด้วยว่าเทวทูตที่ดูท่าทางอันตรายจะมุ่งหน้าไปยังเมืองแห่งการศึกษาเมื่อไหร่ นอกจากนี้ ก็ยังมีงานที่ต้องคอยฆ่าเทวทูตเพื่อปรับสมดุลไม่ให้พวกมันข้ามไปยังโลกฝั่งโน้นมากเกินไปด้วยนะ!”
“งั้นรึ”
“อืมม ถึงจะบอกว่าอธิบายก็มีแค่นี้แหละนะ”
“ช่างไม่น่าสนใจเอาเสียเลยหนอ ไม่ได้ต่างไปจากข้อมูลที่เด็กน้อยคนนั้นรู้เลยสักนิด”
“…นี่ ต่อไปช่วยเล่าเรื่องของโซลจังให้ฟังหน่อยสิ”
การ์เดนเนอร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบเช่นนั้น ทันใดนั้น คาคุโยมุก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม
“ไม่เอาหรอกน่า ความทุกข์ทรมานของแม่หนูนั่น เป็นของแม่หนูนั่นคนเดียวเท่านั้น หากข้าไปเล่าให้ผู้อื่นฟัง ความกลัดกลุ้มที่อุตส่าห์มีมาก็คงจะสูญเปล่าไปไม่ใช่รึไง”
“…โซลจัง มีเรื่องอะไรกลุ้มใจอยู่เหรอ?”
การ์เดนเนอร์เปลี่ยนจากท่าทีสบายๆ เมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิง เอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง เธอรู้ดีอยู่แล้วถึงบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ที่โซลเซียร่าแผ่ออกมา
เพราะฉะนั้นเอง ถึงได้คิดจะให้เด็กสาวตรงหน้าเล่าความจริงนั้นให้ฟัง แต่ทว่าคาคุโยมุกลับเพียงแค่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับมองทะลุความคิดนั้นออกไปแล้วเท่านั้น
“หากอยากจะรู้ล่ะก็ จงเอาข้อมูลที่สมน้ำสมเนื้อมาแลกสิ ให้ตายสิ ทั้งที่ไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากมายแท้ๆ แต่กลับโลภมากเสียจริงนะเจ้า”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ แต่ฉันก็เป็นเหมือนลูกจ้าง เพราะงั้นเรื่องละเอียดๆ น่ะไม่รู้หรอกน่า—! เวลาแบบนี้น่ะ ถ้าอาจารย์อยู่ด้วยก็คงจะดีแท้ๆ —!”
“…อาจารย์?”
“ใช่ อาจารย์ รักกะจัง แข็งแกร่งกว่าฉัน แล้วก็คงจะฉลาดกว่าด้วย คนคนนั้นน่ะอาจจะทำให้คาคุโยมุจังพอใจก็ได้นะ”
“งั้นรึ แล้วรักกะที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน”
ทันทีที่การ์เดนเนอร์กำลังจะส่ายหน้ากับคำพูดของคาคุโยมุนั่นเอง
“——ฉันอยู่นี่ไงล่ะ”
พอมองไป ก็เห็นเด็กสาวยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ ผมสีซากุระ ชุดนักเรียนสีขาวเหมือนชุดทหาร เด็กสาวผู้มีบรรยากาศอ่อนโยนราวกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลินั้น การ์เดนเนอร์เรียกชื่อนั้นออกมาด้วยความประหลาดใจ
“อาจารย์!?”
“เฝ้าบ้านขอบใจนะ”
“ทำอะไรอยู่คะ จู่ๆ ก็หายไป ตกใจหมดเลยนะคะ แล้วก็ หลังจากนั้นสาวน้อยน่ารักแท้ๆ ก็ตกลงมาอีก”
รักกะลงมายืนในห้อง แล้วมองโซลเซียร่าที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“กลับมาเพราะมีธุระกับเด็กคนนี้น่ะ… อ๊ะ พอธุระเสร็จแล้วเดี๋ยวก็จะออกไปอีกทันทีนะ”
“เอ๋!? อะไรกันคะ จะทิ้งฉันไปอีกแล้วเหรอคะ?”
“อย่าโกรธน่า—… แล้ว เจ้าตัวเล็กนี่คือใครกัน?”
“เจ้า… เรียกข้าว่าเด็กเล็กๆ งั้นรึ…?”
“เหอะ ปากดีนี่หว่า ฆ่าทิ้งสักทีดีไหม”
การ์เดนเนอร์รีบเข้าไปยืนขวางกลางระหว่างทั้งสองที่กำลังจะเกิดเรื่องขึ้น แล้วส่ายหน้าอย่างสุดกำลัง
“ไม่ได้ๆ! ห้ามทะเลาะกันนะคะ!”
“ค่า—”
รักกะพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงโซลเซียร่า
“ว่าแต่ว่า… สมกับเป็นผู้แสวงหาจริงๆ นะ ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีก”
“ผู้แสวงหา…?”
“ใช่ สมาชิกยุคก่อตั้งของสนธยาสีเงินผู้มีสมัญญาแห่งอุดมคติเด็กที่มีฝีมือรองจากศาสตราจารย์กับฉันเลยนะ”
ดวงตาของรักกะที่ลูบผมโซลเซียร่าอย่างอ่อนโยนนั้น ราวกับกำลังมองไปยังอดีตอันแสนไกล
“อาจารย์คะ อยากจะถามมาตลอดเลยแต่ว่า… สมัญญาคืออะไรเหรอคะ? บางที อาจารย์กับประธานกรรมการก็พูดถึงมันอยู่บ่อยๆ นะคะ”
กับคำพูดนั้น รักกะก็หลับตาลง แล้วพยักหน้าอย่างอ่อนโยน
“นั่นสินะ ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องบอกเธอแล้วล่ะมั้ง จริงๆ แล้วตั้งใจว่าจะจัดการกันเองแค่พวกเรา แต่ในเมื่อศาสตราจารย์ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วสินะ”
รักกะจ้องมองโซลเซียร่า
“ประกายแสงของสมัญญาในตัวเธอยังไม่ปั่นป่วน ต้องตื่นขึ้นมาในไม่ช้านี้แน่ๆ ถ้างั้น จะอธิบายเรื่องสมัญญาให้ฟังพร้อมกับเด็กคนนี้ก็แล้วกันนะ บางที ถึงจะเป็นผู้ที่มีสมัญญาเดียวกัน แต่แนวความคิดก็คงจะแตกต่างกันไปอยู่ดี เพราะงั้น ให้ฉันกับผู้แสวงหาสองคนช่วยกันอธิบายน่าจะดีกว่านะ”
“โซลจังเองก็ มีสมัญญาอยู่ด้วยเหรอคะ”
“ใช่แล้วล่ะ เป็นของที่แข็งแกร่งสุดๆ แล้วก็ขี้โกงมากๆ ด้วยนะ”
นั่นคือเสียงของรักกะที่การ์เดนเนอร์เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ราวกับเด็กน้อยที่กำลังตื่นเต้น ราวกับกำลังเล่าเรื่องฮีโร่
เป็นคำพูด น้ำเสียง และสีหน้าที่ไม่อาจจะจินตนาการได้จากเธอที่เคยเอาแต่จูงมือคนอื่นเดินไปข้างหน้า
“จะไม่ตื่นขึ้นมาเร็วๆ นี้เลยรึไงนะ—”
รักกะกล่าวเช่นนั้น ราวกับเด็กน้อยที่กำลังรอคอยของขวัญ
■
(ม-ม-ม-ม-แย่แล้ว! ฉันน่ะ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสมัญญาเลยแม้แต่น้อย!)
『ถ้างั้นก็บอกไปตามตรงสิเจ้าคะ』
(โซลเซียร่าจะไม่รู้เรื่องได้ยังไงกันเล่า! ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็อยากจะรู้ข้อมูลไว้บ้างสักหน่อยสิ!)
(อ๊าาาน!)
(ไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวคุง คาเมะคุง—!)
(ทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกันล่ะคะ—!)
『…? ท่านเจ้าของ หรือว่าท่านไม่ได้ตั้งใจจะแยกห่างออกไปรึเจ้าคะ? 』
(ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกน่า! จะปล่อยพวกวิตถารที่ไร้ซึ่งสามัญสำนึกแบบนั้นไว้คนเดียวได้ยังไงกันล่ะ!)
(บ้าเอ๊ย ถ้าอยู่ที่นี่ล่ะก็คงจะถามสองคนนั้นว่า ‘สมัญญา คืออะไร อธิบายมา’ ได้ทันทีแท้ๆ …!)
『ถ้างั้นก็ถามไปสิเจ้าคะ』
(ถ้าทำได้ง่ายๆ แบบนั้นก็ไม่ต้องลำบากแล้วสิ! ป่านนี้ คงจะหิวคอนเทนต์จนตาลายไปแล้วรึเปล่านะ… เป็นห่วงจัง)
『เอ่อ…』
(มีอะไรเหรอคะ คาคุโยมุคุง หรือว่า เธอจะรู้เรื่องสมัญญางั้นเหรอ?)
『ไม่หรอกเจ้าคะ เรื่องนั้นข้าไม่รู้ แต่ว่า ข้าน่ะ ถ้าเป็นกับอาจารย์คาเมะล่ะก็อาจจะติดต่อสื่อสารได้นะเจ้าคะ』
(เอ๊ะ!?)
『ทั้งข้าและอาจารย์คาเมะต่างก็สามารถเคลื่อนที่ในโลกต่างมิติได้ใช่ไหมล่ะเจ้าคะ? เพราะงั้น การจะติดต่อกันสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรหรอกนะเจ้าคะ』
(แต่ว่า ถ้างั้นทำไมคาเมะคุงถึงยังไม่ส่งข้อความอะไรมาเลยล่ะคะ! ถึงจะพูดเองก็เถอะนะ แต่ฉันน่ะเป็นลูกสาวสุดที่รักสุดน่ารักของคาเมะคุงเลยนะ!)
『…เอ๊ะ นั่นมันเรื่องอะไรกัน… ไม่ใช่สิ ดูเหมือนว่าโลกต่างมิติที่ท่านเจ้าของอยู่ตอนนี้น่ะ จะเป็นสถานที่ที่พิเศษเอามากๆ เลยนะเจ้าคะ พิกัดมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเลย ราวกับแมงกะพรุนที่ลอยอยู่ในทะเลก็ไม่ปาน เพราะฉะนั้น การที่ฝ่ายนั้นจะจับพิกัดที่นี่ได้คงจะยากกระมังเจ้าคะ』
(เห~ คาคุโยมุคุงนี่รู้เรื่องละเอียดดีจังเลยนะ เหมือนกับโลลิเจ้าคะตัวจริงเลยอ่า)
『ถึงจะดูเป็นแบบนี้แต่ก็มีชีวิตอยู่มาเกินร้อยปีแล้วนะเจ้าคะ ความรู้ก็พอจะมีอยู่บ้างเล็กน้อยเจ้าคะ』
(ร้อยปีสำหรับโลลิเจ้าคะมันยังเด็กไปหน่อยรึเปล่านะ)
『ขออภัย ความรู้นั้นไม่มีเจ้าคะ (ยืนยันหนักแน่น) เอาเป็นว่า หากท่านเจ้าของต้องการจะพูดคุยกับอาจารย์คาเมะล่ะก็ ทางนี้จะทำการเชื่อมต่อให้เองเจ้าคะ ทางโน้นพิกัดมันคงที่อยู่แล้ว การสื่อสารจึงง่ายดายเจ้าคะ』
(จ-จริงเหรอ!?)
『อา ท่านคิดว่าข้าเป็นใครกันรึเจ้า』
(ไอเทมเสริมพลังโลลิเจ้าคะ)
『ข้าที่ไปถามนี่มันโง่จริงๆ เลยนะเจ้าคะ』
(อะไรกัน ไม่พอใจเหรอ?)
『เฮือก… ม-ไม่มีความไม่พอใจใดๆ ทั้งสิ้นเจ้าคะ! ข้าน่ะ ชอบเรื่องแบบนั้นมากๆ เลยเจ้าคะ!』
(เอาล่ะ งั้นรีบจัดการเลยนะคาคุโยมุคุง! ฉันน่ะ คิดว่าอีกไม่กี่นาทีก็คงจะต้องตื่นขึ้นมาแล้วอธิบายเรื่องสมัญญาแล้วล่ะค่ะ!)
『จะเริ่มทำการเชื่อมต่อสติกับอาจารย์คาเมะแล้วนะเจ้าคะ! มุ มุ มุ มุ…』
(ลุ้นๆ …)
『มุ มุ มุ มุ…!』
(โซล โซล…)
『หืม เชื่อมต่อ——』
『โอ้! คลื่นพลังงานนั่นคือมายลอร์ดลูกสาวฉันไม่ใช่รึไง!』
(…อ๊ะ เอ่อ อาจารย์คาเมะ)
(เสียงนี้ คาเมะคุงนี่นา!)
『คู่หู—!』
(ค-เสียงนี้คือไม้เท้าพยากรณ์ดวงดาวคุง!)
ทันใดนั้น ก็รู้สึกเหมือนในสมอง ฉันถูกเติมเต็มขึ้นมา ช่องว่างของคนสองคนถูกเติมเต็ม เปี่ยมล้นไปด้วยความรักต่อสาวน้อยน่ารัก…
『มายลอร์ด!』
『คู่หู!』
(ทั้งสองคน—!)
『『จุ๊บ♥ จุ๊บๆๆๆๆๆๆ ——』』
『เฮือก…』
(พวกพ้องหน้าเดิมครบทีมแล้วนะ!)
(ไม่รู้สึกว่าจะแพ้อีกต่อไปแล้ว!)
『พวกพ้องหน้าเดิม…? ข้า ถูกนับเป็นสมาชิกหน้าเดิมของกลุ่มนี้ไปด้วยแล้วรึเจ้าคะ…? 』
MANGA DISCUSSION