เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก - ตอนที่ 127
ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ หญิงสาวทั้งสามคนยังคงนั่งรอคอยการกลับมาของชายหนุ่มเจ้าของฟาร์ม แต่พวกเธอไม่ได้เพียงนั่งอยู่เงียบๆเนี่ยสิ
“ตอบข้ามาตามตรงเถอะวานีล” มีอาที่ตั้งคำถามตรงๆกับเพื่อนสนิทของเธอต้องถามย้ำอีกครั้ง เมืองหญิงสาวผมยาวสีแดงยังเงียบไม่ตอบสักที
“พี่มีอาพอก่อนเถอะเจ้าค่ะ พี่วานีลทนไม่ไหวแล้ว” เมโลเอ้ที่เป็นคนกลางระหว่างหญิงสาวทั้งสองต้องเข้าไปปลอบกอดพี่สาวตัวเองที่เอาแต่ก้มหน้า และเริ่มสั่น เธอคิดว่าวานีลเริ่มจิตตกจนทนไม่ไหวที่ถูกกดดัน
“หืม? เมโลเอ้ เจ้ายังคงไม่รู้จักพี่สาวตัวเองดีพอสินะ ข้าขอแนะนำให้เจ้าออกห่างจากตัวนางในตอนนี้จะดีกว่า” แม่ค้าสาวหันมาส่งสายตาจริงจังให้กับเด็กสาวที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อยู่ๆเมโลเอ้ก็สัมผัสการเคลื่อนไหวของพลังเวทย์รอบกายพี่สาวตัวเอง นั่นจึงทำให้เธอนึกภาพเหตุการณ์เมื่อวันก่อนขึ้นมาได้
“จะ…ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะพี่วานีล!” ก่อนที่ตัวเองจะพูดจบเมโลเอ้ก็ผนึกพลังเวทย์ไปที่ขาแล้วถีบตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ทันพอดีที่คลื่นพลังเปลวเพลิงระเบิดออกมารอบตัวของวานีล
ตอนนี้รอบตัวของอดีตครูสาวแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ปรากฏพายุเพลิงล้อมรอบตัวเองเอาไว้ แววตาของหญิงสาวผู้อ่อนโยนกลายเป็นสีแดงฉานเปล่งประกายแรงกล้าดุจดั่งแสงไฟซีนอนหน้ารถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ จนมีอาที่ยืนประจันหน้าอยู่ต้องยกมือขึ้นป้องแสงเอาไว้
มีอาที่เรียนจบด้านการเป็นนักปรุงยาไม่ได้มีพลังเวทย์มหาศาลอย่างเช่นวานีล แต่เธอกลับไม่มีท่าทีเกรงกลัวพลังของเพื่อนสนิทคนนี้เลยสักนิดเดียว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอในตอนนี้เหมือนกับบ่งบอกว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแผนการที่ได้วางเอาไว้แล้ว
และก็เป็นจอมเวทย์แห่งไฟผู้คุ้มคลั่งได้ลงมือก่อน เธอไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาใดๆเพียงพุ่งตัวไปด้านหน้าสู่เป้าหมายด้วยความสูงพร้อมกับกางฝ่ามือทั้งสองไปด้านหน้า ลูกไฟขนาดเท่าลูกบอลนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านวงเวทย์แสงสีแดงไร้อักขระไปยังมีอาที่ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ
ท่าทางการกระทำทุกอย่างของวานีลอยู่ในสายตาของมีอา แม่ค้าไวน์วิเคราะห์สิ่งที่เห็นอย่างละเอียดด้วยหัวสมองที่แล่นอย่างฉับไว แล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
‘ที่ผ่านมาเจ้าไม่ได้อยู่ที่ฟาร์มเพื่อปลูกผักไปวันๆสินะ สามารถพัฒนาตัวเองจนใช้วงแหวนแห่งภูติโบราณได้เช่นเดียวกับท่านภาม ข้าต้องนับถือในความพยายามของเจ้าจริงๆ แต่ยังไงเจ้าก็ชนะข้าไม่ได้หรอก ถึงตัวข้าจะไม่ได้เดินตามเส้นทางที่ฝันไว้แต่ก็ไม่เคยหยุดการพัฒนาตัวเองเช่นกัน’ เหมือนจะยืดยาวแต่สิ่งที่มีอากล่าวกับตัวเองในใจนั้นมันเป็นเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเท่านั้น
ลูกบอลเพลิงที่พุ่งมาถึงตรงหน้าของมีอาด้วยความเร็วสูง แต่เธอก็ยืนนิ่งเฉยไม่หลบแม้แต่น้อย เมื่อลูกไฟถึงระยะหนึ่งช่วงแขนของเธอมันก็กระจายแยกออกซ้ายขวาจนไปตกกระทบระเบิดเสียงดังห่างไปไกลที่ด้านหลัง เสียงครึกโครมจนสรรพสัตว์ในทุ่งหญ้ากว้างต่างตกใจวิ่งหนีกันชุลมุนวุ่นวาย
“พี่มีอา!!!!” เมโลเอ้ร้องลั่นเมื่อภาพที่เธอเห็นคือร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนลูกไฟมหาศาลพุ่งเข้าถล่ม แต่ภาพที่เปลี่ยนไปนั้นฉับไวมากจนเด็กสาวยังไม่ทันร้องสุดเสียงกลายเป็นทุ่งหญ้าด้านหลังระเบิดขึ้นแทน
แต่การโจมตีด้วยลูกไฟที่โถมมาราวกระสุนปืนกลรัวไม่ยั้ง พร้อมกับที่เจ้าของพลังพุ่งตัวตามมาติดๆ นักปรุงยาสาวมีแต่ต้องเตรียมตัวเข้าปะทะกับเพื่อนสนิทของตัวเองที่คุ้มคลั่งไปแล้ว แต่มีอาก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเยือกเย็น
เมื่อกรงเล็บเปลวเพลิงของวานีลเข้ามาในระยะช่วงแขนของแม่ค้าไวน์เท่านั้น มันก็พลาดเป้าทำให้แม่มดเปลวเพลิงเสียหลักไถลไปตามม่านพลังล่องหน จนล้มหน้าคว่ำคลุกฝุ่นกับพื้นแล้วแน่นิ่งไปในที่สุด
เหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่วานีลเริ่มโจมตีจนตัวเธอต้องลงไปนอนกับพื้นนั้นผ่านไปเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น แต่สำหรับเมโลเอ้ที่จดจ่อกับเรื่องตรงหน้านี้รู้สึกอย่างกับว่ามันผ่านไปเป็นชั่วโมงอย่างไรอย่างนั้น
“พี่วานีล!!!!” เป็นอีกครั้งที่เด็กสาวร้องออกมาเมื่อเห็นพี่สาวของตนหน้าทิ่มไปกับพื้นอย่างชัดเจนหลังจากฝุ่นละอองจางหายไป
เด็กสาวผมสั้นรีบพุ่งไปหาพี่สาวที่นอนพับอยู่ทันทีด้วยความเป็นห่วง เธอต้องการใช้เวทย์รักษาให้วานีลอย่างเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้อาการทรุดหนักจนร่างกายบาดเจ็บเรื้อรัง
“เมโลเอ้อย่าเพิ่งเข้าไป!!!” มีอาที่สัมผัสได้ว่าพลังไฟอันคลุ้มคลั่งของเพื่อนสนิทยังไม่สงบลง รีบร้องเตือนเด็กสาวทันทีแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการเสียแล้ว
“ย้าก!!!!!!!!!” แม่มดเพลิงสะบัดหัวออกมาจากกองดินที่จมอยู่พร้อมร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พายุเพลิงระเบิดออกมารอบกายอันสะบักสะบอมนั้นอีกครั้ง แล้วดวงตาแดงฉานดุจไฟสูงหน้ารถยนต์ก็จ้องมองไปยังร่างเหยื่อที่พุ่งเข้ามาหาเธอ
“อ้ะ! ไม่นะ!” เมโลเอ้ต้องชะงักทันทีด้วยความแสบตาจากแสงสีแดง เด็กสาวหยุดอยู่กับที่ เธอทำได้เพียงหลับตาแน่นแล้วยกแขนขึ้นมาบังแสงเท่านั้น
วานีลที่คุ้มคลั่ง และยิ่งโกรธแค้นเข้าไปใหญ่ที่พลาดท่าไปเมื่อครู่ ตอนนี้เธอพุ่งตัวเข้าหาน้องสาวของตัวเองพร้อมกับกางกรงเล็บเพลิงเตรียมสังหารสิ่งที่ขวางทางให้พ้นไป จังหวะนั้นมีอาอยู่ห่างเกินไปไม่อาจเข้าไปช่วยได้ทัน ส่วนเมโลเอ้ที่หลับตาแน่นก็ไม่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวของพี่สาวสักนิด
ในขณะที่มีอากำลังพุ่งตัวไปหาเมโลเอ้สุดแรง ด้วยเวทมนตร์เสริมพลังแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลเกินไปก็ตาม แต่แล้วจู่ๆดวงไฟสีขาวสว่างจ้าก็พุ่งตกลงคั่นกลางระหว่างสองพี่น้องตระกูลมูเน่ได้อย่างพอดิบพอดีเป๊ะ
“ผึ่ง! งึงๆๆๆๆๆๆ” เสียงของดวงไฟที่แตกกระจายออกเป็นวงกว้างหลายร้อยเมตรก้องอยู่ในหัวของหญิงสาวทั้งสาม ซึ่งมันทำให้พวกเธอรู้สึกมึนงง อ่อนล้า วานีลหยุดการโจมตีแล้วล้มลงหน้าทิ่มพื้นไปอีกครั้ง ส่วนเมโลเอ้ที่หลับตาอยู่ก่อนนั้นได้เสียการทรงตัวแล้วหงายหลังล้มลงไปด้วยเช่นกัน
แต่ก่อนที่สติจะดับวูบลงไปนั้นมีอาที่พุ่งตัวมาจนล้มกระแทกพื้น ได้เห็นร่างมอนสเตอร์งูยักษ์สีเขียวตัวยาวใหญ่จนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าก่อนที่ภาพนั้นก็ตัดไปมืดมิดไร้ซึ่งสรรพสิ่ง
ท่ามกลางความมืดมิด เบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างจุดเล็กๆสาดส่องดุจดั่งแสงไฟนำทางชาวประมงเพื่อเดินเรือเข้าฝั่ง จากประภาคารริมทะเลคลั่งยามราตรีที่ไร้ดาว เพียงแต่รอบข้างกลับแผ่วเบาไร้ซึ่งสายลมร้ายฟ้าคำรามจากพายุคลั่ง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเหยียบย่ำพื้นกรวดหยาบอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
เพียงไม่นานแสงสว่างจุดเล็กๆก็ขยายใหญ่ขึ้น เห็นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่กลางหุบเขาลึก บ้านแต่ละหลังสร้างด้วยไม้กับกระดูกสัตว์ และมุงด้วยหนังสัตว์รอบด้าน มันไม่ควรจะเรียกว่าบ้านสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นกระโจมเสียมากกว่า
‘นี่มัน หมู่บ้านออร์คอย่างนั้นเหรอ’ ชายหนุ่มผมดำที่แอบอยู่หลังก้อนหินในถ้ำชะโงกหน้าไปมองดูสภาพภายนอกถ้ำ ซึ่งเห็นชัดเจนว่ามันคือหมู่บ้านของกองทัพออร์คที่เขาตามมานั่นเอง แต่การจะเข้าไปในหมู่บ้านโดยที่ไม่มีใครเห็นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะยามออร์คนับสิบยืนเฝ้าที่ปากถ้ำไว้อยู่
สำหรับภามเองนั้นไม่ได้เกรงกลัวการมีอยู่ของพวกออร์คแม้แต่น้อย เพราะฟาร์มของเขากับหุบเขาแห่งนี้ก็ห่างไกลกันมากพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มจากต่างโลกพอจะรู้เกี่ยวกับออร์คจากหนังสือคู่มือมอนสเตอร์ก็คือพวกมันจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆไม่อยู่ที่ไหนนาน
‘เมื่อดูเส้นทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้านเหมือนกับว่าพวกมันได้แผ้วถางรอเอาไว้แล้ว อย่างกับว่าออร์คพวกนี้ตั้งใจที่จะเดินทางลงใต้ และถ้าจำไม่ผิดทางใต้ของอาณาจักรกำลังมีสงครามไม่ใช่เหรอ?’ ภามได้แต่คิดวิเคราะห์อยู่ในใจ เขาที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกนี้มากนักก็ได้แต่คาดเดาเท่านั้น