หลังจากลากโคมาริมานั่งข้างตัวผมได้สำเร็จ ฮิเมมิยะซังก็โน้มตัวไปข้างหน้าบนโต๊ะด้วยสายตาเปล่งประกาย[ ยินดีที่ได้รู้จักนะ โคมาริซัง อันนะบอกฉันเรื่องของเธอเยอะเลย ได้ยินว่าเธอเขียนนิยายด้วยใช่มั้ย? ][ อุ-เอะ…อ-อา… ]สายตาเป็นประกายระยิบระยับของฮิเมมิยะทำเอาโคมาริถึงกับตัวแข็งพอรู้ตัวว่ากำลังทำให้โคมาริเกร็ง ฮิเมมิยะซังก็แลบลิ้นพลางหัวเราะอย่างขี้เล่น[ ขอโทษนะ คุยยาวไปหน่อย มาเริ่มกันด้วยการชนแก้วดีกว่า! ชนแก้ว! ][ อ-อา…] มือที่สั่นเล็กน้อยของโคมาริยกแก้วขึ้นชนก่อนจะแข็งค้างไปอีกครั้งสองคนนี้…ดูแล้วเข้ากันไม่ค่อยได้เท่าไหร่[ คาเรนจัง โคมาริจังดูท่าจะกลัวเธอนะ…ขอโทษที่เรียกมาแบบไม่ทันตั้งตัวนะ โคมาริจัง ]ยานามิแทรกขึ้นมากลางวงสนทนา โคมาริพยักหน้ารัวๆ แล้วชูหน้าจอโทรศัพท์ให้ยานามิดู<ต้องการอะไร?> [ …เอ๋? โคมาริจัง ทำไมเธอถึงคุยผ่านโทรศัพท์ล่ะ? ]ผมยกกาแฟขึ้นจิบพลางมองดูยานามิที่ยังคงทำคะแนนความน่ารักต่อหน้าคนอื่นได้ติดลบเหมือนเดิม[ จริงๆ แล้ว ที่เราเรียกเธอมาเพราะมีเรื่องที่ต้องการให้ช่วยน่ะ โคมาริจัง พวกเรากำลังจะเปิดศาลไต่สวนนุคุมิซึคุง ] [ เดี๋ยวก่อน ยานามิซัง เรื่องที่ไปกับยากิชิโอะ ก็แค่ไปให้คำปรึกษา ไม่ได้มีอะไรไม่ดีเลยนะ! ]ผมรีบเปิดเกมอธิบายก่อนที่ยานามิจะได้โอกาสโจมตี แต่เธอกลับไม่สนใจและแค่นเสียงออกมา[ อืมๆ ให้คำปรึกษาๆ ฟังดูใสซื่อจังนะ แต่สุดท้ายก็เหมือนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอยู่ดี ไม่ทราบว่าปรึกษาเรื่องอะไรเหรอ? ]อะไรน่ะ ยานามิจมอยู่กับความทรงจำแย่ๆ รึเปล่า?แล้วจู่ๆ ฮิเมมิยะซังก็พึมพำขึ้นมาขณะมองไปอีกทาง[ …อันนะ ตอนนั้นมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ ][ ฉันรู้ เธอไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกคาเรนจัง …ไม่มีทาง… ]ขอร้อง อย่าทำบรรยากาศให้กลายเป็นหนังผีเถอะโคมาริที่นั่งข้างๆ กำเสื้อแจ็กเก็ตของผมแน่นจนมือสั่น[พอทีได้มั้ย กลับมาคุยเรื่องยากิชิโอะดีกว่า ที่เรามารวมตัวกันนี่ก็เพราะเรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ? ]พวกเขามองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยทำไมคนที่โดนกล่าวหาอย่างผมต้องเป็นฝ่ายคอยรักษาบรรยากาศด้วย….[ ทุกอย่างมันเริ่มจากนายเองนะ นุคุมิซึคุง แอบไปคุยอะไรกับเลม่อนจังในห้องเรียนเหรอ? ก่อนที่เราจะตัดสินว่านายมีความผิด อยากจะพูดอะไรมั้ย ? ]ยานามิพูดพลางพิมพ์อะไรบางอย่างลงในแท็บเล็ตสำหรับสั่งอาหาร[ เรื่องมันเริ่มเพราะยากิชิโอะอยากปรึกษาเรื่องสำคัญน่ะ…หรือบางทีอาจจะเสนออะไรบางอย่างก็ได้ เอ่อ พูดง่ายๆ ก็คือ- ]น้ำเสียงขี้อายของยากิชิโอะที่ขอให้ผมเข้าชมรมกลับบ้านยังคงก้องอยู่ในหัวแน่นอนว่าผมไม่ได้มีแผนเลิกทำชมรมของตัวเอง เพราะงั้นประเด็นก็คือ[ พูดตรงๆ เลยแล้วกัน ยากิชิโอะตั้งใจจะลาออกจากชมรม ]ผมคิดว่านี่น่าจะอธิบายทุกอย่างได้ชัดเจนแล้วแต่ตรงกันข้าม ยานามิกลับมองผมด้วยสายตาจริงจัง[ …นุคุมิซึคุง นายทำอะไรลงไป? ][ เอ๋? บอกแล้วไง แค่ให้คำปรึกษา—เดี๋ยวก่อนโคมาริ หยุดเตะก่อน……เธอคิดจะลาออกทั้งชมรมวรรณกรรมทั้งชมรมกรีฑา ]ยานามิทำตาโตด้วยความตกใจ[ เดี๋ยวสิ ลาออกจากชมรมวรรณกรรมยังพอว่า แต่เธอจะลาออกจากชมรมกรีฑาไม่ได้ ! ][ ช-ใช่! นายต้องรับผิดชอบด้วย นุคุมิซึ! ]ทำไมผมโดนโทษหนักกว่าเดิมอีก ?ฮิเมมิยะซังที่นั่งมองเหตุการณ์อย่างสงบก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูน่ารักเหมือนเดิม[ อืม ฉันไม่รู้รายละเอียดนะ แต่ได้ยินว่าเธอวิ่งเร็วมากเลยใช่มั้ย? ถ้าเลิกไปก็น่าเสียดายออก ]นี่สิ ความเห็นที่ดูสมเหตุสมผลที่สุดแต่สายตากังวลของยากิชิโอะเมื่อวานยังคงทำให้ผมสงสัย[ …ก็พูดถูก แต่ถ้ายากิชิโอะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมก็ไม่อยากพูดอะไรที่บังคับเธอหรอก ]บรรยากาศเงียบลง แต่รอยยิ้มอ่อนโยนของฮิเมมิยะซังก็ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายขึ้น[ ใช่เลย ถ้าไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังก็อย่าเพิ่งพูดอะไรมากดีกว่า ]คุยกับเธอง่ายกว่าสมาชิกชมรมวรรณกรรมอีก เธอเป็นแค่คนนอกแท้ๆขณะที่กำลังคิดว่าจะตอบเธอกลับยังไงดี ข้อความจากโคมาริก็เด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ของผม<เธอมาทำอะไรที่นี่?>อ่าใช่ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน พอพิมพ์ตอบไปได้แค่ครึ่งเดียว—[ นี่ค่ะ ข้าวจานพิเศษที่สั่งไว้! ]พนักงานเสิร์ฟที่ดูอารมณ์ดีวางจานข้าวเท่าภูเขาลูกใหญ่ลงบนโต๊ะก่อนจะเดินจากไป…นี่มันอะไร?[ ยานามิซัง เธอสั่งเหรอ? ][ …ฉันสั่งผิดน่ะ ]ยานามิหยิบเกลือบนโต๊ะขึ้นมาหลังจากพึมพำเบาๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ◇ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อเราออกจากร้านอาหารและแยกย้ายกันไปสุดท้ายพวกเราตกลงกันว่าแต่ละคนจะลองคุยกับยากิชิโอะ ส่วนยานามิ… ก็ดูเหมือนจะสนุกกับข้าวจานใหญ่พิเศษนั่นจนหมด เธอบอกว่าซอสทาบาสโก้เข้ากับมันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อผมตามเดินลำพังผ่านย่านที่พักอาศัยไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะมีจักรยานคันหนึ่งวิ่งมาจากด้านหลังและหยุดอยู่ข้างๆผม[ นุคุมิซึคุง ขอเดินกับนายด้วยได้มั้ย— เดี๋ยวสิ จะวิ่งหนีทำไมอะ !? ][ คิดว่าอาจจะโดนลากไปยุ่งเรื่องอะไรอีกน่ะสิ ]ยานามิบ่นพลางลงจากจักรยานและเดินจูงมันตามหลังผมมาผมรู้สึกไม่ดีเลยเร่งฝีเท้า แต่ยานามิก็ยังตามมาได้แบบไม่มีสะดุด[ เอ่อ… มีอะไรอยากพูดหรือเปล่า? ][ นุคุมิซึคุง ยังมีเรื่องที่นายไม่ได้บอกใช่มั้ย? ]ผมยักไหล่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง[ ก็พูดทุกอย่างไปหมดแล้วนี่ ยากิชิโอะเครียดเรื่องลาออกจากชมรมจนเราทำได้แค่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ][ แล้วที่พวกนายสองคนคุยกันในห้องเรียนล่ะ? ][ อืม… นั่นมัน… ]ผมอ้ำอึ้งก่อนตอบ[ ก็…..โดนชวนให้ไปเข้าชมรมกลับบ้านด้วยกันน่ะ ][ ด้วยกัน? มันไม่มีชมรมกลับบ้านนะ ชวนให้เข้าด้วยกันนี่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล— ]ยานามิหยุดพูดและเบิกตากว้าง [ เดี๋ยวนะ เลม่อนจังพูดแบบนั้นจริงเหรอ? นุคุมิซึคุง นายเข้าใจความหมายของมันใช่มั้ย? ]เข้าใจความหมายเหรอ? ดูถูกกันจริง[ ก็หมายความว่าเธออยากให้ผมลาออกจากชมรมวรรณกรรมด้วยน่ะสิ ยากิชิโอะคงรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะลาออกคนเดียวใช่มั้ยล่ะ ? ]ยานามิทำหน้าแปลกใจเมื่อผมตอบอย่างมั่นใจ[ หา… นั่นคือสิ่งที่นายคิดเหรอ? ][ ก็ใช่ แล้วจะคิดถึงอะไรได้อีก ? อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้คิดจะลาออกจากชมรมวรรณกรรมอยู่แล้ว ]ยานามิพยักหน้าด้วยสีหน้าที่โล่งอก[ อืมๆ เป็นตัวนายแบบนี้แหละดีแล้ว นุคุมิซึคุง ]…รู้สึกเหมือนโดนเหน็บแหนมยังไงไม่รู้ถึงจะรู้สึกแบบนั้น แต่ยานามิก็ยังยิ้มแย้มสดใสดูขี้เล่นหน่อยๆ[ แต่ยังไง นายก็คงรู้สึกอะไรกับเลม่อนจังบ้างล่ะสิ ? ][ อืม ก็ใช่ ไม่ค่อยชินกับการไปเดทหรืออะไรแบบนั้นหรอก ][ จริงเหรอ? เลม่อนจังน่ารักขนาดนั้น จะรู้สึกตื่นเต้นบ้างก็ไม่แปลกหรอก จะถือว่าปล่อยผ่านแล้วกัน ]ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกัน ? [ หมายถึงอาจจะตื่นเต้นอีกประมาณ 10 , 20 ครั้ง— ][ เยอะไปปะ !? ]ยานามิมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ[ จำนวนมันเกี่ยวด้วยเหรอ ? ][ เกี่ยวสิ! หมายความว่านายตื่นเต้นตลอดเวลาเลยน่ะสิ! แบบนี้มันไม่เหมาะสมเลยนะ ]เดทของผมกับยากิชิโอะมันเป็นเรื่องของส่วนรวมแล้วเหรอ ?[ ไม่ใช่ว่ายากิชิโอะมองผมในเชิงโรแมนติกซะหน่อย ยังไงก็เป็นยากิชิโอะกับผมด้วย ][ …ก็จริง นั่นมันเลม่อนจังกับนุคุมิซึคุงนี่นา ]ดีใจที่เธอเข้าใจ แต่ปฏิเสธให้แรงกว่านี้สักหน่อยก็ได้ยานามิขึ้นจักรยานอีกครั้งพร้อมอารมณ์ที่ดูดีขึ้น[ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ฉันจะช่วยจับตาดูเลม่อนจังให้ด้วย ][ อืม เจอกันพรุ่งนี้ ]…ยานามิไม่พอใจอะไรอยู่ ? แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอารมณ์ดีขึ้น?…แต่ก็เป็นยานามิน่ะนะ ช่างมันเถอะ ผมรีบก้าวเท้าไปที่สถานีอย่างรวดเร็ว
MANGA DISCUSSION