บทที่ 96 เลียแข้งเลียขาอย่างน่าสมเพช
“คุณสวี่ ช่วยเลิกตามฉันสักทีจะได้ไหมคะ?!”
เสียงของหญิงสาวผู้เลอโฉมดังขึ้น
ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็เดินเข้าประตูมาด้วย
ใบหน้าเยาว์วัยแสดงให้เห็นว่าเธอน่าจะอายุราว ๆ ยี่สิบปี ควบคู่ไปด้วยเรือนร่างอันงดงาม ผิวขาวดุจหิมะทำให้เธอค่อนข้างเด่นสะดุดตา แววตากลมโตประดับใบหน้านั้นเปี่ยมมนต์เสน่ห์เย้ายวน หากใช้สบตามองชายคนไหนก็ยากที่อีกฝ่ายจะเมินได้
แต่ในตอนนี้ ใบหน้าสะสวยกลับกำลังหมดอาลัยตายอยาก
ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีทองกำลังเดินมาด้านหลังเธอ พร้อมกับพูดด้วยถ้อยคำหวานจ้อย “อี้ฉวง เธอยังไม่เข้าใจเจตนาของฉันอีกเหรอ? ที่ตามเธอมาขนาดนี้ ก็เพราะชอบเธอมาก ๆ เลยนะ!”
“ฉันจริงใจกับเธอ ตราบใดก็ตามที่สัญญาว่าจะอยู่กับฉัน ฉันสามารถหาทุกอย่างมาให้เธอได้! อ๊ะ จริงสิ หอการค้าหยกแก้วนี่ถือเป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในฐานจินหลิงแล้ว เธออยากได้อะไรไหม? เพียงแค่พูดมา เดี๋ยวฉันจะซื้อให้เดี๋ยวนี้เลย!”
ในตอนท้าย ชายหนุ่มยืดอกพูดพร้อมกับทุบอกด้วยความอวดดี
“คุณสวี่คะ ฉันซาบซึ้งน้ำใจของคุณนะ แต่พวกเราไม่เหมาะกัน! สิ่งเดียวที่ฉันต้องการตอนนี้คือ อยากให้คุณช่วยเลิกตามฉันได้แล้ว!”
เจียงอี้ฉวงหมดความอดทน ขณะที่พูดออกไปอย่างนั้นสีหน้าของเธอก็ดูร้อนใจ
ถึงแม้ว่าตระกูลเจียงจะเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ในฐานจินหลิง แต่เจียงอี้ฉวงถูกถือว่าเป็นดอกไม้งามบนยอดเขาสูง ด้วยรูปลักษณ์งดงามของเธอเอง ดังนั้นแล้วแทบจะทุกวัน หญิวสาวจึงต้องรับมือกับเหล่าชายหนุ่มภายในฐานที่แวะเวียนมาจีบจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจ
แม้ตอนแรก อี้ฉวงจะยังไม่กล้าปฏิเสธอะไรมากนัก แต่นานวันไป ความมั่นใจก็เพิ่มมากขึ้นจนกล้าที่จะปฏิเสธคนอื่นอย่างตรงไปตรงมา
ส่วนชายที่อยู่ตรงหน้านี้คือ สวี่หมัว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นทายาทตระกูลสวี่ที่ถือเป็นหนึ่งในสี่กองกำลังหลักของฐานจินหลิง แต่เนื้อแท้นั้นเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แถมด้วยนิสัยขี้ขลาดกับความสามารถที่ไม่ได้สูงส่ง เธอจึงไม่ประทับใจในตัวเขาสักเท่าไร
หากคนที่อยู่ตรงนี้เป็นพี่ชายของเขาที่เป็นคุณชายใหญ่ นายน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูล เธออาจจะตกลงปลงใจไปแล้วก็ได้!
อันที่จริง…
เหตุผลที่ทำให้เจียงอี้ฉวงคอยปฏิเสธสวี่หมัวตลอดก็เพราะอยากจะเก็บโอกาสนั้นไว้เข้าหาคุณชายใหญ่คนเก่งแห่งตระกูลสวี่นั่นแหละ
ทว่า…
สิ่งหญิงสาวไม่คาดคิดเลยก็คือ ไม่ว่าจะปฏิเสธชายคนนี้ไปมากขนาดไหน สวี่หมัวยังคงคอยตามรังควานเธอไม่หยุด จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่เธอรู้สึกรำคาญอย่างที่สุด
แต่เพราะภูมิหลังของสวี่หมัวที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะขัดใจเขามากนัก ทำได้แค่เพียงรักษาระยะห่างเอาไว้เท่านั้น
ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงให้เกิดเรื่องอื้อฉาว อันเป็นเหตุที่อาจจะทำให้หญิงสาวหมดโอกาสเข้าใกล้ตระกูลสวี่ในอนาคต
ทว่าในขณะที่เจียงอี้ฉวงคิดได้เช่นนั้น สวี่หมัวก็รู้สึกโกรธขึ้นมาพอดี เขาอดไม่ได้ที่จะพูดถามไปตรง ๆ “อี้ฉวง ทำไมเธอถึงเอาแต่ปฏิเสธฉันตลอดเลย! มันเป็นเพราะอะไรกัน!”
“ก็เพราะฉันมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังไงล่ะ!”
สถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้หญิงสาวตัดสินใจพูดออกไปด้วยความเหนื่อยหน่าย
“อย่ามาโกหกฉันนะ อี้ฉวง!”
สวี่หมัวส่ายหน้าและพูดต่อ “ฉันสืบมาหมดแล้ว เรื่องของเธอน่ะ ตระกูลเจียงยังไม่ได้ให้เธอหมั้นหมายกับใครทั้งนั้น เพราะงั้นจะมาบอกว่ามีคู่หมั้นแล้วได้ยังไง! ฉันไม่เชื่อ! เว้นเสียแต่ว่าเธอจะเรียกไอ้ผู้ชายคนนั้นมาตอนนี้เลย! ถ้าเธอพูดจริง ฉันจะยอมปล่อยไปโดยที่จะไม่กลับมารังควานเธออีก!”
เขาพูดออกมาอย่างเด็ดขาดแน่วแน่ เพราะรู้ดีว่าเจียงอี้ฉวงนั้นไม่มีคู่หมั้นจริงอย่างที่กล่าวอ้างแน่นอน
“ฉันมีคู่หมั้นอยู่แล้วจริง ๆ นะ!”
เจียงอี้ฉวงยืนยันคำเดิม
หลังจากที่พูดไปเช่นนั้น สาวเจ้าก็หันมองไปรอบ ๆ หอการค้าหยกแก้ว และทันใดนั้น เธอก็พบเห็นฉู่โม่วที่นั่งอยู่ในเขตพักผ่อน แววตาของเธอลุกวาวและพูดขึ้นมา “นั่นไง คู่หมั้นของฉัน!”
“ว่ายังไงนะ!?”
สวี่หมัวหันมองตามที่เจียงอี้ฉวงชี้ แล้วก็พบชายคนหนึ่งนั่งทำตัวสบาย ๆ อยู่ที่เก้าอี้ในเขตพักผ่อน ผู้ที่มีรูปร่างดี หล่อเหลาและดูแข็งแกร่ง
แม้ภายในใจสวี่หมัวจะไม่อยากจะเชื่อ
แต่หลังจากที่ได้เห็นรูปร่างและท่าทีของฉู่โม่ว มันก็ทำให้คุณชายตระกูลสวี่ลังเลขึ้นมาบ้างแล้ว
“ร… เรื่องจริงงั้นเหรอ?”
สีหน้าของเขาเริ่มแสดงความอาฆาต
เจียงอี้ฉวงรีบเดินตรงไปหาฉู่โม่ว ก่อนจะคล้องแขนชายหนุ่มไว้ขณะก้มหน้าพูดข้าง ๆ หูเขาด้วยเสียงแผ่วเบา “ผู้ชายคนนี้พยายามตอแยฉันทุกวิถีทางเลยค่ะ ช่วยทำตามที่ฉันพูดหน่อยนะคะ แล้วเดี๋ยวจะตอบแทนให้อย่างแน่นอน!”
ถึงจะเป็นการเข้าหาชายที่ไม่รู้จักมาก่อนเพื่อขอให้ช่วย
แต่ด้วยความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง อี้ฉวงปักใจเชื่อว่าไม่มีชายคนไหนกล้าจะปฏิเสธเธออย่างแน่นอน
ทว่า…
เมื่อเห็นเจียงอี้ฉวงพยายามคล้องแขนตน ฉู่โม่วก็ขมวดคิ้วและรีบก้าวถอยหลังออกมา ปล่อยให้เธอคว้าอากาศไปแทน
“เธอ… จำผิดคนแล้ว”
ฉู่โม่วพูดอย่างใจเย็น
และทันใดนั้น
มันก็เป็นฝ่ายเจียงอี้ฉวงที่ตระหนักได้ถึงความหนาวสั่นไปทั้งตัวแทน
ตอนนั้นเอง…
มีพนักงานสาวหลายคนอยู่บริเวณนั้น และสีหน้าของพวกเธอทุกคนก็แสดงความประหลาดใจกันทั้งสิ้น
เมื่อตระหนักได้ถึงสายตาคับข้องใจที่มองมาทางตน เจียงอี้ฉวงแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเลย ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวไปหมด!
อี้ฉวงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะกล้าปฏิเสธคำขอจากเธอ!?
หมอนี่… ปฏิเสธฉันจริง ๆ เหรอ!?
ขณะที่เจียงอี้ฉวงกำลังผงะอยู่นั้น สวี่หมัวก็เดินเข้ามา เขามองหญิงสาวผู้นิ่งงันไป ก่อนจะหันไปทางฉู่โม่วด้วยความสงสัย “พ่อหนุ่ม นายเป็นคู่หมั้นของอี้ฉวงจริง ๆ หรอ?”
“ฉันไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ…”
ฉู่โม่วตอบเสียงเอื่อย
“ไม่รู้จักเลยงั้นเหรอ?”
สวี่หมัวผงะตามไปอีกคนหนึ่ง แต่ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรต่อ เจียงอี้ฉวงที่ได้สติขึ้นมาก่อนก็ชิงพูด “ที่รัก ทำไมถึงบอกว่าเราไม่รู้จักกันละ? คุณลืมสัญญาที่เราให้ไว้ตอนกำลังอี๋อ๋อกันเมื่อสองเดือนที่แล้วเหรอ? คุณสัญญากับฉันแล้วนะ คำสัญญาที่เราสองมอบให้กัน ทั้งที่คุณพูดออกมาด้วยตัวเองแท้ ๆ…”
ระหว่างที่พูด หญิงสาวก็ยังพยายามขยิบตาให้ฉู่โม่วตลอดเวลา โดยที่ไม่ให้สวี่หมัวรู้
ชายหนุ่มที่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
และในตอนที่เจียงอี้ฉวงกำลังพูดและพยายามมาเกาะแขนเขาอีกครั้ง ฉู่โม่วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ไม่คิดเลยแฮะ…”เขาถอนหายใจ “ว่าแค่มาหอการค้าทำไมต้องมาเจอกับปัญหาอะไรแบบนี้ด้วย!”
ทันใดนั้นเอง
ฉู่โม่วยกมือขึ้นก่อนจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของเจียงอี้ฉวงจัง ๆ
เพียะ!
เสียงของฝ่ามือกระทบหน้าดังกังวาน และมันทำให้ใบหน้าของเจียงอี้ฉวงบวมขึ้นมาข้างหนึ่งในทันที
ด้วยเสียงนั้น
ทั่วทั้งหอการค้าหยกแก้วเงียบสงัดราวกับฝูงชนหายไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นสวี่หมัว พนักงานขายหรือแม้แต่ลูกค้าที่เข้ามาหาซื้อของ ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ต่างพากันเงียบกริบ เพราะไม่คาดคิดว่าฉู่โม่วจะตบหน้าเจียงอี้ฉวงเช่นนี้
พวกเขาตกตะลึง!
โดยเฉพาะเจียงอี้ฉวงที่โดนตบ เธอถึงกับทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งเงียบไปพักใหญ่อยู่กับที่
หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะโดนกระทำเช่นนี้
ทั้งที่เธอขอเขาเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น แต่ชายตรงหน้าไม่ใช่แค่ไม่แยแส เขากลับตบหน้าเธออีกด้วย!
หมอนี่… ทำไมถึงเป็นคนน่ารังเกียจได้ขนาดนี้นะ!
“เธอจะใช้ฉันเป็นโล่ เคยคิดบ้างไหมว่าฉันต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง? ไม่กลัวว่าฉันจะโดนตามล้างแค้นบ้างหรือไง?”
“อ้อ… อย่างเธอคงสนใจหรอกมั้ง”
“ยังไงซะ ผู้หญิงร้ายกาจที่มักง่ายอย่างเธอก็คงคิดว่าทั้งโลกคงจะคอยหมุนอยู่รอบตัวเธอ แล้วผู้ชายทุกคนคอยเชื่อฟังคำสั่งโดยไม่มีเงื่อนไขสินะ? ไม่เห็นหัวคนอื่น ไม่คิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเองแล้ว ในสมองก็ไม่มีใครอื่นอีกเลย!”
“มีอย่างเดียวที่ผู้หญิงอย่างเธอสมควรจะได้รับ…” พูดถึงจุดนี้ ฉู่โม่วก็เหลือบมองเจียงอี้ฉวงอีกครั้ง ก่อนจะตบเธอไปอีกฉาด“นั่นคือการสั่งสอนไงล่ะ!”
เพียะ!
ใบหน้าอีกฝั่งหนึ่งของเจียงอี้เฉิงบวมแดงขึ้นมาทันที
ความเจ็บปวดจากบนใบหน้า ควบคู่ไปกับถ้อยคำภาษาของฉู่โม่วที่ไม่เห็นหัวเธอเช่นนี้ มันทำให้เจียงอี้ฉวงสั่นไปทั้งร่าง เธอรู้สึกราวกับตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์
จากนั้นแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อก็หันกลับมามองฉู่โม่ว
“นี่นายตบฉันงั้นเหรอ?”
“กล้าดียังไงมาตบหน้าฉันห้ะ!”
หญิงสาวเริ่มสติแตกใส่เขา
อี้ฉวงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายที่ดูหล่อเหลาและเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้จะกล้าแสดงกริยาต่ำทรามกับเธอ!
ต่อให้ไม่คิดจะช่วยเหลือคนที่มาขอให้ช่วย… ก็ไม่จำเป็นต้องตบกันหรือเปล่า?
ทำไมเขาถึงกล้าเริ่มลงมือก่อนแบบนี้?
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
“นาย… นาย… ฮึ่ม! ฉันจะฆ่านาย!”
ด้วยความโกรธที่สั่งสมมานาน มันระเบิดออกจนร่างของเจียงอี้ฉวงสั่นไปหมด
เธอไม่สามารถยืนเฉย ๆ ได้อีกต่อ สาวเจ้าตัดสินใจพุ่งเข้าใส่ฉู่โม่วหมายจะฆ่าเขาเสีย
เจียงอี้ฉวงชักเอากระบี่ยาวออกมาจากถุงเก็บของ และปาดเข้าที่ส่วนหัวของฉู่โม่วอย่างแม่นยำ!
กระบี่ปลดปล่อยพลังของมันออกมาราวกับมีชีวิต เช่นเดียวกับแรงที่ฟาดฟันมัน
เห็นได้ชัดเลยว่าหญิงสาวคนนี้คิดจะฆ่าฉู่โม่วให้ตายในกระบี่เดียว
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่กระบี่ถูกชักออกมา แสงสีเงินก็ปรากฏขึ้นด้วยความเร็วมากกว่า เจียงอี้ฉวงรับรู้เพียงแรงมหาศาลที่พุ่งผ่านแขนเธอไป รู้ตัวอีกทีหนึ่ง กระบี่ยาวของเธอก็กระเด็นหลุดจากมือไปแล้ว
พริบตาต่อมา กระบี่เหล็กในมือฉู่โม่วเป็นฝ่ายจ่อคอของหญิงสาวแทน โดยไม่มีใครมองทันเลยด้วยซ้ำ
“ใครก็ตามที่ไม่ทำตาม เธอก็จะโวยวายแล้วฆ่าเขางั้นเหรอ? นี่เห็นชีวิตคนเป็นอะไรกัน?… จองหองแบบนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนอะไรเลยบ้างหรือไง?”
น้ำเสียงของฉู่โม่วเย็นชาพอ ๆ กับเวลาไล่ล่าสัตว์อสูร
“น น นาย…”
ฟังถ้อยคำพูดของชายหนุ่มแล้ว สีหน้าของเจียงอี้ฉวงก็ซีดเผือด ของเธอสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
ในฐานะที่เป็นดอกไม้งามบนเทือกเขาสูงแห่งฐานจินหลิง หญิงสาวถูกชายหนุ่มมากมายเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามเช่นนี้ ไม่มีใครกล้ปฏิบัติกับเธออย่างฉู่โม่วมาก่อนเลยตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน!
ไม่แม้แต่จะมีคนกล้าพูดอะไรแบบนี้กับเธอด้วยซ้ำ!
ส่วนเรื่องที่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจชีวิตคนอื่น…
ก็ในเมื่อคนที่ถูกฆ่าพวกนั้นเป็นแค่คนชั้นต่ำ ไม่ต่างอะไรกับมดหนอน… ทำไมเธอต้องมาสนด้วยว่าทำอะไรลงไป?
จะมีใครกล้ามามีปัญหากับเธอหรือยังไง?
ทว่าตอนนี้
ทำไมคนตรงหน้าถึงกล้ามาต่อว่าเธอแบบนี้ได้กัน?!
“ไปตายซะ… ไปตายซะ… จะฆ่าให้ตายเลย… สวี่หมัว! ตราบใดก็ตามที่นายสามารถฆ่าหมอนี่ได้! ฉันสัญญาเลยว่าจะให้ทุกอย่าง! ไม่ว่าจะขออะไรก็ตาม! ฉันสัญญา!”
เจียงอี้ฉวงสติแตกโดยสมบูรณ์แล้ว เธอในตอนนี้ต้องการเพียงแค่ได้เห็นฉู่โม่วถูกฆ่าเท่านั้น
พลันเมื่อสาวเจ้าลั่นวาจาออกมา
สวี่หมัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตาลุกวาว แล้วพูดออกมาทันที “ไม่ต้องห่วง! หมอนั่นไม่มีชีวิตรอดกลับไปแน่ ๆ!”
พูดจบ
ชายที่เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรกก็หันกลับไปมองฉู่โม่วด้วยสีหน้าดุดัน “ไอ้หนุ่ม ในเมื่อแกกล้าทำร้ายอี้ฉวง มันก็ไม่ต่างอะไรกับทำร้ายฉันไปด้วย! คนที่มีความรับผิดชอบเขาจะชิงสละชีวิตตัวเองเพื่อแทนคำขอโทษกันนะ!”
“แต่ถ้าแกไม่ทำ…”
“ฉันก็ช่วยปลิดชีพแกให้เอง!”
ฉู่โม่วส่ายหน้า
มีอะไรให้พูดอีกงั้นเหรอ?
แววตาที่ไร้อารมณ์นั้นกำลังมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความเหยียดหยาม
เป็นบุรุษเสียเปล่า แต่กลับเลียแข้งเลียขาเก่งเป็นหมาแบบนี้ น่าสมเพชชะมัด!
สวี่หมัวมองฉู่โม่วด้วยความไม่แยแส ผิดกับภายในใจที่ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ “ดูเหมือนแกจะเลือกให้ฉันช่วยปลิดชีพแกให้สินะ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะจับแกตัดมือตัดขามาขอโทษต่อหน้าอี้เฉิงแล้วค่อยฆ่าแกก็แล้วกัน…”
เสียงนั้นเงียบลง
กำปั้นของสวี่หมัวก็ซัดเข้าที่ใบหน้าของฉู่โม่วตรง ๆ
หมัดนี้หวังให้อีกฝ่ายตระหนักได้ว่าตนไม่ควรจะทำเช่นนี้กับเจียงอี้ฉวง!
“บนโลกนี้ มนุษย์มักให้คุณค่ากับคนที่ตัวเองชื่นชอบเป็นหลัก… ชอบแบบไม่ลืมหูลืมตาก็จะกลายเป็นคนโง่ที่หลงมัวเมาแบบนี้แหละ!”
แววตาของฉู่โม่วเปล่งประกายแสง พลันเมื่อเขาสะบัดมือ พลังอันมหาศาลก็แผ่ซ่านออกมา
หมัดเพลิงสะท้านภูผา!
ตู้ม!
กำปั้นที่เปลวไฟลุกโชนปะทะกับเป้าหมายจนเกิดเสียงระเบิดดัง
สวี่หมัวรับรู้ได้ถึงหมัดที่เข้าปะทะก่อนจะตามด้วยแรงระเบิดอันมหาศาล เขายังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเสียด้วยซ้ำ ก็ต้องกระเด็นลอยออกไปพร้อมกระอักเลือดออกมาราวกับน้ำพุ
เมื่อร่างนั้นร่วงไปกองกับพื้น อกของเขาก็จมหายเป็นรอยยุบไปเรียบร้อยแล้ว
หลุมยุบนั้นทำให้สวี่หมัวไม่อาจหายใจได้อีกต่อไป!
MANGA DISCUSSION