บทที่ 106 อสูรกายใต้โพรงไม้ เสือดาวทองคำตัวฉกาจ!
“เร็วเข้า! รีบตัดต้นไม้บ้าพวกนี้ทิ้งเร็ว ๆ!”
“พวกเราจะต้านไว้ไม่อยู่แล้ว!”
ถึงแม้ว่าผู้ปลุกพลังเหล่านี้จะเป็นผู้ที่มีพลังกายมหาศาล แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับต้นไม้อสูรเหล่านี้ การโจมตีของพวกเขากลับทำไม่ได้แม้กระทั่งความเสียหายบนแส้ไม้เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ มันเลยทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายที่ถูกต้อนจนมุมแทน
ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน
ฟุบ!
ขณะนั้นเอง แส้ไม้เถาหนึ่งฟาดเข้าหาฉู่โม่ว
เขากระตุ้นพลังของธาตุลมโดยเร็ว ร่างของเขาหายออกจากจุดนั้นในพริบตา ไม่เพียงเท่านั้น กระบี่เหล็กกล้ายังถูกชักออกมาในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งร่างของฉู่โม่วปลดปล่อยแรงสั่นสะเทือนพร้อม ๆ กับเจตจำนงแห่งกระบี่อันแรงกล้า
กระบี่วายุอสนีบาต!
กระบวนท่ากระบี่ถูกแสดงออกมา สายลมรอบตัวฉู่โม่วพัดหวนรุนแรงราวกับว่าตัวเขาอยู่ท่ามกลางพายุสลาตันลูกใหญ่ คมกระบี่ในมือส่องประกายแสงก่อนมันจะเกิดเป็นคลื่นกระบี่รูปกากบาท พุ่งออกไปด้านหน้า
ทุกอย่างที่ขวางทางคลื่นกระบี่รูปตัวกากบาทนี้ถูกตัดขาดออกได้โดยง่าย ไม่เว้นแม้กระทั่งแส้ไม้เจ้าปัญหาที่ขาดกันกระจุยกระจาย
อันที่จริง ไม่เพียงแต่คลื่นกระบี่ แต่คมกระบี่เฉย ๆ ในมือฉู่โม่วยังตัดแส้ไม้ขาดได้เช่นกัน
จังหวะเดียวกัน
หมัวซานซานเองก็ใช้วรยุทธ์ของเธอ
กระบี่ในมือของเธอถูกกวัดแกว่งอย่างพลิ้วไหวและรวดเร็ว เธอพุ่งไปตามจุดที่มีต้นไม้อสูรอยู่ ทิ้งรอยฟาดฟันสีขาวไว้ในอากาศ ก่อนจะกวัดแกว่งกระบี่ไปรอบทิศราวกับเป็นผีเสื้อเริงระบำ
ทันทีที่แส้ไม้สัมผัสเข้ากับรอยฟาดฟันที่ทิ้งไว้กลางอากาศ พวกมันก็แยกออกเป็นสองส่วนเพียงชั่วพริบตา
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของหมัวซานซานดูจะด้อยกว่าฉู่โม่วอยู่นิดหน่อย เพราะสิ่งที่กระบี่ของเธอสามารถฟันให้ขาดได้นั้น มีเพียงแค่แส้ไม้เท่านั้น ในส่วนของลำต้น ทำได้เพียงฝากรอยแผลเล็ก ๆ ไว้ให้มันเจ็บคันเล่น
แต่นี่ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าทักษะกระบี่ของเธอสูงขนาดไหน
ด้วยการตอบโต้ของฉู่โม่วและหมัวซานซาน ผู้ปลุกพลักคนอื่น ๆ ก็เริ่มมีแรงใจกลับมา พวกเขาไม่ปล่อยให้ทั้งสองสู้เพียงลำพังและเริ่มร่วมมือกันตอบโต้อสูรต้นไม้เหล่านี้ไปด้วยกัน
เพียงไม่นาน เหล่าต้นไม้อสูรก็ถูกกำจัดไปจนหมด
“เฮ้อ…”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากที่พักกันนิดหน่อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มจัดการสนามรบเมื่อครู่นี้
หมัวซานซานหยิบเอาแผนที่บอกตำแหน่งขึ้นมาดู ซึ่งฉู่โม่วก็เดินเข้ามาดูกับเธอด้วย
ภายในแผนที่นั้น เขาเห็นจุดสีเขียวเล็ก ๆ สองจุด ซึ่งราวกับกำลังทับซ้อนกันเองอยู่จนเกือบจะมิดแล้ว
“จุดที่พวกเราอยู่คือตรงนี้ ถ้างั้น… บุปผามังกรคำรามน่าจะอยู่ใกล้ ๆ แล้ว!”
เธอพูดเช่นนั้น…
แต่หลังจากที่หันมองรอบ ๆ แล้วกลับไม่พบร่องรอยของบุปผามังกรคำรามดังที่หวังเลย ไม่ว่าจะด้วยจากซากของต้นไม้อสูรหรือแม้แต่บนพุ่มไม้ของต้นไม้ที่อยู่บนเนินเขาด้วย
“มันไม่น่าจะ…”
หญิงสาวขมวดคิ้ว
“หรือว่ามันจะอยู่ใต้ดิน?”
มองไปยังจุดทั้งสองจุดที่แทบจะทับซ้อนกันบนแผนที่ ฉู่โม่วก็คิดตามแล้วพูดขึ้นมา
ทันทีที่คำถามนั้นดังขึ้น ดวงตาของหมัวซานซานก็สว่างขึ้นมา “เป็นไปได้!”
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกล่าวกับผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเธอเพื่อให้ลองดูว่าด้านล่างนี้มีโพรงหรือถ้ำอะไรให้ลงไปสำรวจหรือเปล่า
หลังจากที่ได้รับการชี้แนะแล้ว
การค้นหารอบนี้ก็พบเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ผู้ปลุกพลังคนหนึ่งพบเจอรูที่อยู่ใต้รากไม้ของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
รูที่ว่านี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น ซึ่งนับว่าแคบมาก ๆ
ฉู่โม่วตรวจสอบสิ่งที่อยู่ด้านในด้วยจิตสัมผัส แล้วก็พบว่าเส้นทางด้านในนั้นมีคลื่นที่ไม่มั่นคงอยู่เต็มไปหมด รวมถึงมันยังดูเหมือนจะถูกมิติอื่นทับซ้อนอีกทีหนึ่งด้วย
เขาหันไปมองหมัวซานซานแล้วถามเธอว่าเธอว่าข้างในมีอะไรบ้าง
หากตัวการที่ทำให้เกิดคลื่นที่ไม่มั่นคงไม่ใช่มิติทับซ้อนจริง ๆ มันน่าจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกนอกจากบุปผามังกรคำราม
แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ
นั่นคือภายในถ้ำนี้มีอันตรายรออยู่อย่างแน่นอน!
หมัวซานซานคิดตามสิ่งที่ฉู่โม่วถามครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ฉู่โม่ว ฉันจะเข้าไปกับนาย ส่วนคนอื่น ๆ พวกนายสามารถไปสำรวจอย่างอิสระภายในเขตแดนลับได้ ดูว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้างที่สามารถเก็บไปได้ ไม่ต้องมาเฝ้าตรงนี้”
เมื่อได้ยินว่าหมัวซานซานพูดอะไร ฉู่โม่วก็แอบเห็นด้วยในใจ
ถ้ำนี้ค่อนข้างแคบ ดังนั้นถ้าหากมีคนเข้าไปมากเกินความจำเป็น มันจะกลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวลำบาก
กลับกัน
การที่มีคนเข้าไปเพียงคนหรือสองคน มันจะเป็นอะไรที่สะดวกตัวมากกว่า
ทว่าภายหลังจากที่หมัวซานซานพูดออกมาแล้ว นายพลเมืองและเหล่าผู้ปลุกพลังขั้นอื่น ๆ ที่มาด้วยก็รู้สึกเป็นกังวล “คุณหนูครับ ถ้าพวกเราไป ความปลอดภัยของคุณหนู…”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณฉู่จะคอยปกป้องฉันเอง!”
หมัวซานซานโบกมือแล้วพูดต่อ “พวกนายเองก็คงจะเห็นความแข็งแกร่งของเขาแล้วนี่ เขาแข็งแกร่งกว่าพวกนายทุกคน ดังนั้นน่าจะเลิกกังวลเรื่องความปลอดภัยของฉันได้แล้ว”
“อ่า… ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาครับ”
นายพลเมืองและเหล่าผู้ปลุกพลังขั้นต่าง ๆ ไม่คัดค้านอีกต่อไป
พลังของฉู่โม่วนั้นเป็นที่ประจักษ์แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าชายหนุ่มแข็งแกร่งจริง ๆ
แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้อยากปล่อยคุณหนูของตนให้อยู่นอกสายตานานนัก “แต่ถ้ายังไง พวกเราจะไปสำรวจแค่ใกล้ ๆ นี้ ไม่ไกลนัก แล้วจะรีบกลับมาทันทีเมื่อคุณหนูออกจากถ้ำนะครับ”
“เข้าใจแล้ว”
หมัวซานซานพยักหน้า
ด้วยเหตุนี้
ผู้ปลุกพลังเกือบสองร้อยชีวิตจึงกระจายตัวกันออกไปเพื่อสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงนี้ตามข้อตกลงที่ได้ให้กันไว้
ส่วนฉู่โม่วกับหมัวซานซานก็มุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำตรงหน้าแทน
“ฉันจะนำไปก่อน ส่วนเธอก็ตามมานะ”
ทันทีที่เข้าไปในโพรงถ้ำ ฉู่โม่วก็แนะนำขึ้นมา
หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไร เธอพยักหน้าแล้วตามเข้าไปเงียบ ๆ
ทั้งสองสำรวจถ้ำขนาดเล็กนี้ไปด้วย
มันใช้เวลาไม่นาน
ทันใดนั้น กลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยออกมา ควบคู่ไปกับสายลมทรงพลังที่พุ่งทะยานออกมาสัมผัสผิวของทั้งคู่
หมัวซานซานตื่นตัวทันที เธอเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
เพียงชั่วพริบตา
คมกระบี่เปล่งประกายตวัดวาดขึ้นไปด้านบน หลังจากนั้น …เสียงอะไรบางอย่างตกลงมาบนพื้นก็ดังขึ้นตามมา!
มันเป็นสัตว์อสูรขนาดไม่ใหญ่ที่ถูกฟันจนตัวขาดครึ่งโดยที่ยังไม่ได้โต้ตอบอะไร!
เมื่อสายตาปรับสภาพได้ หมัวซานซานก็เห็นได้ว่าสัตว์อสูรที่ถูกฟันขาดไปนั้น เป็นเพียงหนูขนสีดำตาแดงเท่านั้น
หลังจากที่กำจัดสัตว์อสูรตัวเล็กไปแล้ว ทั้งสองก็เดินหน้าต่อไป
ตลอดทางที่ทอดยาวเข้ามาในถ้ำ มีสัตว์อสูรมากมายเข้ามาโจมตีพวกเขา!
แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหน้าไหน พวกมันก็ไม่สามารถรอดพ้นคมกระบี่ของฉู่โม่วได้เลย และไม่ว่าจะโผล่มาเมื่อไร เมื่อนั้นก็คือเวลาตายของพวกมันทั้งสิ้น!
สัตว์อสูรบางตัวมีความแข็งแกร่งระดับ 5 หรือบางตัวก็เทียบเท่ากับนายพลเมืองได้เลย
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่โม่ว พวกมันไม่ต่างอะไรกับเป้าซ้อม!
หมัวซานซานที่ตามหลังไปติด ๆ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉู่โม่วสามารถกำจัดสัตว์อสูรเหล่านี้โดยที่ไม่ได้เอาจริงเลยสักนิดเดียว ชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากกว่าที่เห็น
‘น่ากลัวจริง ๆ!’
‘บางทีตอนนี้ต่อให้เป็นนายพลเมืองระดับสูง การเอาชนะเขาก็อาจจะเป็นเรื่องยากแล้วก็ได้!’
คุณหนูหมัวแห่งหอการค้าหยกแก้วแอบคิดในใจด้วยความตระหนก
ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจเลยว่าตนเองคือผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริงคนหนึ่ง ขนาดที่ปู่ของเธอยังเคยบอกเลยว่าเธอนั้นแข็งแกร่งและน่ายกย่อง
ทว่าพอมาอยู่ต่อหน้าฉู่โม่วแล้ว… คำยกยอเหล่านั้นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว
การที่หมัวซานซานถูกเรียกว่าผู้เกิดมามีพรสวรรค์นั้นไม่ต่างอะไรกับเรื่องโกหกแม้แต่น้อย!
‘ท่านปู่บอกฉันไว้ว่า ฉันเป็นคนมีความสามารถ ถ้าหากไม่พลาดตายไปเสียก่อน ฉันจะสามารถก้าวขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้อย่างแน่นอน แต่แล้วฉู่โม่วละ? ในอนาคตคนระดับฉู่โม่วจะเป็นได้ถึงขั้นไหนกัน?’
เธอคิดกับตนเอง
ก่อนจะหันมาคิดถึงสิ่งที่เป็นอยู่
หมัวซานซานรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับฉู่โม่วเมื่อครั้งอยู่ในฐานลู่หยาง
มิตรภาพในวันวาน… ปัจจุบันน่าจะเป็นที่อิจฉาของใครหลายคนแล้ว
ตลอดทาง หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นานนัก หนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไป
ทั้งสองเดินเข้ามาในโพรงถ้ำค่อนข้างลึก
และในตอนนั้นเอง
หลังจากที่เลี้ยวผ่านเข้าโค้งมา ที่ด้านหน้าของทั้งสองก็ปรากฏแสงที่ค่อย ๆ สว่าง มีถ้ำขนาดเล็กอีกถ้ำหนึ่งปรากฏขึ้น!?
และที่ตรงกลางถ้ำ พลังวิญญาณอันรุนแรงก็แผ่ฟุ้งออกมา
ต้นกำเนิดนั้นคือดอกไม้สีทองที่ปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง ให้กลิ่นอายราวกับว่าเป็นดอกไม้ที่เพิ่งเบ่งบานที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณนี้
“นั่น บุปผามังกรคำราม!”
ใบหน้าของหมัวซานซานถูกแต้มไปด้วยความสุข
แต่หญิงสาวไม่ได้วิ่งเข้าไปในทันที
กลับกัน เธอกลับหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวง
อย่างที่ทุกท่านรู้กันดีอยู่แล้ว สมบัติบรรพกาลแห่งโลกและสวรรค์ทุกชิ้น มักจะมีสัตว์อสูรที่คอยปกป้องมันเอาไว้ นี่ถือเป็นเรื่องที่รู้โดยทั่วกัน
และอย่างที่คาดการณ์ไว้
ครืน!
คลื่นพลังอันรุนแรงของสัตว์อสูรก็พวยพุ่งออกมา
ควบคู่ไปกับกลิ่นเหม็นเน่า ร่างของเสือดาวสีทองอร่ามที่ดูแข็งแกร่งปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง
“เจ้านี่… เร็วมาก!”
ฉู่โม่วตกใจ
ก่อนที่จะได้เห็นร่างของมัน ฉู่โม่วจับสัมผัสถึงตัวมันได้ด้วยจิตสัมผัสก่อนแล้ว หากเมื่อครู่นี้เขาไม่ระวังตัวไว้ มันอาจจะกระโจนเข้าใส่เขาได้ทันทีเลยก็ได้!
“สัตว์อสูรระดับ 5 ชั้นสูง! มันน่าจะใกล้เป็นสัตว์อสูรระดับ 6 แล้วแน่ ๆ!”
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเสือดาวทองคำตรงหน้า หมัวซานซานก็พูดด้วยความหนักใจ
สัตว์อสูรระดับ 5 ตัวนี้… มีพลังเทียบเท่านายพลเมืองระดับสูงเลย!
และการที่มันอยู่ที่นี่ บางทีมันเองก็อาจจะอยากกลืนกินบุปผามังกรคำรามเพื่อนำไปพัฒนาพลังของตนเองเช่นกัน… หากได้บุปผามังกรคำรามไป มันจะต้องกลายเป็นระดับ 6 ได้แน่ ๆ! ระดับที่เทียบเท่ากับจ้าวยุทธ์!
พริบตานั้นเอง…
เสือดาวทองคำกำลังแสยะยิ้มให้ทั้งสอง มันคำรามกึกก้องออกมาจากปากราวกับกำลังขู่เตือนให้ฉู่โม่วและหมัวซานซานห้ามเข้าใกล้
“ฉู่โม่ว พอจะทำอะไรได้ไหม?”
เธอถามด้วยความกังวลใจ
ทั้ง ๆ ที่ได้เจอบุปผามังกรคำรามแล้วแท้ ๆ แต่ดันจะต้องมาพลาดเพราะแข็งแกร่งไม่พอเสียได้ นี่มันช่างน่าเจ็บใจเสียเหลือเกิน
ฉู่โม่วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ความเร็วของเจ้านี้ มันเกินกว่าฉันจะจับตัวได้ เพราะงั้นฉันเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
“แต่…”
“ฉันจะลองดู!”
ขนาดฉู่โม่วกระตุ้นพลังธาตุลมระดับ 4 ของเขาแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเลยว่าไม่สามารถเทียบความเร็วกับเสือดาวทองคำตัวนี้ได้เลย
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้ เพราะยังมีพลังแห่งห้วงมิติที่ทำให้สามารถเทเลพอร์ตได้อยู่
ต้องสู้ได้แน่!
“อืมมม อ๊ะ! นายพอจะช่วยถ่วงเวลาไว้ให้สักสิบวินาทีได้หรือเปล่า? ฉันจะใช้จังหวะนั้นไปถอนเอาบุปผามังกรคำรามออกมา จากนั้นพวกเราจะหนีออกจากที่นี่เลย ไม่ต้องไปสู้มัน!”
หมัวซานซานพูด
เมื่อพูดออกไปแล้ว
เธอก็ย้ำเตือน “แต่นายต้องระวังตัวด้วยนะ ถ้าหากคิดว่าทำอะไรไม่ไหวให้หนีไปเลย หนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้… ความปลอดภัยของนายสำคัญที่สุด!”
“เข้าใจแล้ว!”
ฉู่โม่วพยักหน้า จากนั้นก็ชักเอากระบี่ยาวออกมา แววตาจับจ้องสบตากับเจ้าเสือดาวทองคำ
กรรร!!
มันคำรามใส่ฉู่โม่วด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม แม้จะรู้ว่ามนุษย์ทั้งสองคนนี้ไม่กลัวเสียงคำรามของมันแน่ ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะข่มขู่ไว้ก่อน
ทันใดนั้น…
ซู่!
ร่างของมันหายไปจากจุดเดิม และในชั่วพริบตาก็โผล่ขึ้นมากลางอากาศกำลังจะเข้าขย้ำฉู่โม่ว!!
ขณะเดียวกัน
ชายหนุ่มเองก็ใช้พลังแห่งห้วงมิติ ทำให้ร่างของตนหายไปจากจุดที่เคยอยู่ในชั่วพริบตาเช่นกัน!
เสือดาวทองคำขย้ำจุดที่ฉู่โม่วเคยอยู่ หากไม่ติดว่าชายหนุ่มใช้พลังแห่งห้วงมิติหนีมาแล้ว เขาอาจจะถูกกรงเล็บที่แหลมคมตะปบจนได้รับบาดเจ็บหนักแน่ ๆ เพราะกรงเล็บที่ตะปบอากาศนั้น รุนแรงขนาดทำให้มิติที่ปิดไม่สนิทเกิดการแตกออกเป็นรอยแยกกลางอากาศได้เลย!
ไม่ต้องสงสัยว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
เห็นพลังโจมตีของมันแล้วฉู่โม่วก็คิดใหม่ หากไม่หลบละก็ เขาอาจจะโดนกรงเล็บนั่นแยกส่วนเลยก็ได้
“เร็วจริง ๆ!”
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเสือดาวทองคำจะเร็วขนาดไหน แต่พอได้มาสู้กันจริง ๆ มันก็อดที่จะทำให้เขาตกตะลึงไม่ได้
ทางฝั่งเสือดาวทองคำที่ไม่สามารถขย้ำฉู่โม่วได้ ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมาเช่นกัน
มันไม่คิดว่าด้วยการเปิดฉากโจมตีก่อนของมัน ฉู่โม่วจะมองออกแล้วหลบทัน
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็หันมาคำรามขู่แล้วกระโจนใส่ฉู่โม่วอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้
ฉู่โม่วจึงใช้พลังแห่งห้วงมิติอีกครั้งเพื่อตลบหลังมันเช่นเดิม
ในขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่นั้นเอง หมัวซานซานก็ใช้โอกาสนี้วิ่งเข้าไปยังบุปผามังกรคำรามในบ่อ เธอต้องการจะฉกฉวยสิ่งนี้ออกมา แล้วรีบหนีไปตามที่ตกลงกันไว้
กรรร!!
ทว่าเสือดาวทองคำก็ดันมองเห็นการกระทำของหมัวซานซานได้ก่อน มันเกรี้ยวกราดมาก ๆ จนคำรามออกมา
วิ้ง!
ภายในอากาศ คลื่นเสียงที่มองไม่เห็นถูกสร้างขึ้นและกระจายออกเป็นวงกว้าง
ฉู่โม่วและหมัวซานซานที่ไม่คิดว่าสัตว์อสูรตนนี้สามารถใช้คลื่นเสียงโจมตีได้รู้สึกมึนหัวรุนแรงเพราะไม่ได้ป้องกันไว้ ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถขับลมปราณออกมาได้ชั่วขณะและล้มลงไปกับพื้น
ขณะเดียวกัน
เสือดาวทองคำก็เลิกสนใจฉู่โม่วแล้วพุ่งเข้าใส่หมัวซานซานแทน
ในใจของมันตอนนี้ อยากจะขย้ำยัยตัวแสบที่กล้าที่จะขโมยสมบัติของมันด้วยแผนหลอกล่อแบบสุด ๆ!
“แย่แล้ว!”
เห็นเช่นนั้น หัวใจของฉู่โม่วแทบหยุดเต้น
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำอะไร จิตใต้สำนึกก็สั่งให้ตะโกนออกมา “เสี่ยวอู๋!”
MANGA DISCUSSION