รวยชั่วข้ามคืน?! - ตอนที่ 184 แม้มีผู้กำเนิดแต่เป็นเด็กเหลือขอที่ไม่มีแม่ผู้ค่อยสั่งสอน
- Home
- รวยชั่วข้ามคืน?!
- ตอนที่ 184 แม้มีผู้กำเนิดแต่เป็นเด็กเหลือขอที่ไม่มีแม่ผู้ค่อยสั่งสอน
บทที่184 แม้มีผู้กำเนิดแต่เป็นเด็กเหลือขอที่ไม่มีแม่ผู้ค่อยสั่งสอน
“ประธานหลี่ คุณนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ! เจ้านายตู้ไม่ใช่ว่าจะให้เกียรติใครก็สามารถมาได้นะ”
“ใช่แล้ว โรงแรมเคมปินสกี้อยู่ในหลินอานเป็นโรงแรมที่หรูที่สุด ทรัพย์สมบัติของเจ้านายตู้น่าจะมีมูลค่าหลายพันล้าน ก็เป็นมหาเศรษฐีในท้องถิ่นของหลินอาน ถ้าไม่ความแข็งแกร่ง เจ้านายตู้ก็คงไม่ให้เกียรติมาด้วยตัวเอง พวกเราเป็นคนนอกพื้นที่ ไม่ใช่ประธานหลี่ ใครจะสามารถมีฐานะทางสังคมได้ล่ะ?”
“ก็ยังคงเป็นประโยคเดิม ตามติดอยู่กับประธานย่อมมีอนาคต”
……
คนอื่นๆก็ยกย่องหลี่ย่าวเวย ในเรื่องนี้ หลี่ย่าวเวยทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างอึดอัด ตอนนี้ตัวของเขาเองก็ยังไม่รู้แน่ชัด ว่าทำไมเจ้านายตู้ถึงมาดูตัวเอง แม้ว่าเขาอยู่ที่หลินอานจะประสบความสำเร็จ แต่กิจการก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร จากมูลค่าของทรัพย์สมบัติเอามาคิด อยู่ที่หลินอานจัดลำดับสามร้อยก็ไม่เข้าเลย
แต่ว่าไม่ว่ายังไง เจ้านายตู้ก็มาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ดี
หลี่ย่าวเวยถือโอกาสคุยโอ้อวดขึ้นมา และต้องการใช้ประโยชน์จากมัน เพื่อให้ตัวเองอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ มีตำแหน่งพี่ใหญ่ที่มั่นคงไว้
“เจ้านายตู้กับผมก็เป็นคนรู้จักเก่า มาดูฉันก็สมควรอยู่ ครั้งก่อนฉันไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ คุณโข่งลิ่งเสียนก็ยังตั้งใจมาเยี่ยมผม พวกเรายังรับประทานอาหารด้วยกัน…..”
“อะไรนะ คุณกับคุณโข่งแห่งเซี่ยงไฮ้ก็สนิทสนมกันเหรอ?”
“อยู่ในไม่กี่จังหวัดของภาคหัวดง คนมีชื่อเสียงมากมายยังต้องให้เกียรติกับคุณโข่ง”
“ประธานหลี่ น้ำนิ่งไหลลึกนะ เมื่อไหร่จะแนะนำให้พวกเราบ้าง”
……
คนอื่นๆก็ยิ่งชื่นชมหลี่ย่าวเวยยิ่งขึ้นไปอีก คนที่สามารถติดต่อกับโข่งลิ่งเสียนของเซี่ยงไฮ้ ต้องสุดยอดขนาดไหน
“เรื่องง่ายๆ เรื่องง่ายๆ อีกหน่อยมีโอกาส ฉันจะเชิญคุณโข่งมาที่งานเลี้ยงหมู่บ้านของพวกเรา ทุกคนทานข้าวกันก่อนเถอะ….”หลี่ย่าวเวยหัวเราะฮ่าฮ่า เขาพูดเสร็จ คนอื่นๆก็นั่งลง
“ประธานหลี่ คนคนนี้ยังไม่ไปอีก!”เถียนซิงจับแขนของหลี่ย่าวเวย มองไปที่ฉินหลั่งแล้วแสยะยิ้ม เมื่อหล่อนได้ยินว่าหลี่ย่าวเวยรู้จักกับโข่งลิ่งเสียนคนใหญ่คนโตที่เก่งกาจในเซี่ยงไฮ้ ในใจก็เกิดความคิดที่อย่าจะทิ้งอ้ายทาว
“ไอ้หมอนี่ มีเงินชดใช้มั้ย? ไม่มีเงินชดใช้ ก็ไปรายงานตัวที่โรงแรมด้วยเองเลย ก็ไปทำงานเล็กๆน้อยๆให้กับโรงแรมเลย”หลี่ย่าวเวยกล่าว
“ฉันออกไปก่อน เดี๋ยวจะเอาเงินส่งมาให้คุณ”ฉินหลั่งคิด แม่ตัวเองก็อยู่ ขอเงินกับเธอหน่อยคงไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไร ชดใช้ให้กับหลี่ย่าวเวยก็พอ
“หึ นายคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอ? ออกจากประตูนี้ไปนายคงหนีไปล่ะ ฉันว่านายคงไม่มีปัญญาชดใช้…..”หลี่ย่าวเวยแสยะยิ้มแล้วพูด
“ใช้แล้ว ให้ไอ้คนขายแพนเค้กนี้ออกหนึ่งพันสองร้อยหยวน นายคงจะเจ็บใจตาย?”
“ฟังจากที่คุณเถียนเล่ามา นายอยู่ที่โรงแรมเว๋ยเซียงมีเงินติดตัวแค่หนึ่งพันหยวน ตอนนี้ไม่ใช่ว่านายไม่มีเงินหนึ่งพันหยวนเลยนะ?”
“ไม่มีเงินชดใช้ก็ไปทำงานให้กับโรงแรมซะ!”
……
“ใครว่าเขาไม่มีปัญญาชดใช้กัน?”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกประตู ทันใดนั้น ประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกมา สาวสวยวัยกลางคนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นแต่ว่าเธอสวมใส่กระโปรงยาวสีดำ บนหัวไหล่เป็นผ้าซีทรู สามารถเห็นไหล่ที่ขาวเนียนใสเลือนๆลางๆ เธอมัดไพล่ไว้ด้านหลัง ต่างหูสีทองหรูหราคู่หนึ่งใส่อยู่ที่หู ดวงตาของเธอกลมโตและสดใส และบนตัวแสดงถึงความเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่มีเสน่ห์ ถ้าไม่ใช่จ้าวหมิงหมิงแม่ของฉินหลั่งแล้วจะเป็นใครล่ะ
จ้าวหมิงหมิงในขณะนี้ ใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความโกรธเล็กน้อย
ทันใดนั้นเมื่อเจอแม่ที่ไม่ได้เจอมาเป็นเจ็ดปี ฉินหลั่งรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก อยากจะวิ่งไปกอดแม่ คำว่า “แม่”คำเดียว เกือบจะออกมาจากปาก แต่เมื่อหลังจากที่ฉินหลั่งเห็นสายของแม่ที่ห้ามไว้ เขาก็กลืนมันกลับเข้าไป
ครั้งนี้จ้าวหมิงหมิงมาเยี่ยมฉินหลั่ง ก็แอบตระกูลมาอย่างลับๆ อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ พวกเขาก็ยังคงต้องรักษาการซ่อนตัวตนของตระกูลฉิน
จ้าวหมิงหมิงเดินเชิดเข้ามา โข่งลิ่งเสียนและเจ้านายตู้เดินตามหลังจ้าวหมิงหมิงเข้ามา จ้าวหมิงหมิงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงใจ นั่งลงบนเก้าอี้ โข่งลิ่งเสียนและเจ้านายตู้ยืนอยู่ทั้งสองข้างของเธอ ฉินหลั่งก็ไปยืนอยู่ที่ข้างๆของจ้าวหมิงหมิง
“นี่…..”คนอื่นๆมองหน้ากัน โดยไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้คือใคร ไม่เอาพวกเขาไว้ในสายตาเลย
“เจ้านายตู้ คุณ…..”หลี่ย่าวเวยไม่รู้จักอีกสองคน จึงต้องถามเจ้านายตู้ เจ้านายตู้กำลังอยากจะพูด จ้าวหมิงหมิงหันหน้าไปมองเจ้านายตู้เล็กน้อย เจ้านายตู้ก็หุบปากไปอย่างดีๆเลยทันที
“ใครชื่อเรียนซิง แสดงตัวออกมาให้ฉันเห็นนะ!”จ้าวหมิงหมิงตะโกน
เมื่อเถียนซิงได้ยินชื่อของตัวเอง ก็ตกใจ หล่อนค่อยๆเดินไปตรงหน้าจ้าวหมิงหมิงด้วยความตกใจ
“ก่อนหน้านี้เธอพูดว่าน้องชายคนนี้อะไรนะ?”จ้าวหมิงหมิงถามด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มของเธอในสายตาของเถียนซิง มันแปลกและน่ากลัว อยู่ต่อหน้าจ้าวหมิงหมิง เถียนซิงรู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนกับเด็กนักเรียน ลุกลี้ลุกลน ไม่กล้าพูดโกหก
“ฉัน…ว่าเขา….ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโล๋ว่ายโล๋……ขับไล่ออกมาจากข้างใน…..”เถียนซิงพูดอย่างติดๆขัดๆ จ้าวหมิงหมิงค่อยๆลุกยืนขึ้นมา เดินไปตรงหน้าเถียนซิง
“เพี๊ยะ….”จู่ๆจ้าวหมิงหมิงก็จับผมของเถียนซิง แล้วตบแรงๆไปที่บนใบหน้าสี่ถึงห้าครั้ง ปล่อยมือ จ้าวหมิงหมิงก็กลับไปนั่งที่บนเก้าอี้อีกครั้ง แล้วมองเถียนซิง ที่ถูกตบจนมึน ยังดีถูกคนอื่นพยุงไว้
เดิมทีเมื่อกี้ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆสามารถห้ามได้ แต่พวกเขากลัวจ้าวหมิงหมิงที่ลึกลับ ใครก็ไม่กล้าออกมือ หลังจากที่เถียนซิงถูกตบ ถึงค่อยกล้าพยุงเถียนซิง และพึมพำว่าจ้าวหมิงหมิงกล้าหาญและเด็ดขาดมาก
“ใครคือหลี่ย่าวเวย ไสหัวออกมาให้ฉันเดี๋ยวนะ!”จ้าวหมิงหมิงไม่เอาพวกเขาไว้ในสายตาแม้แต่น้อย แล้วตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
คนอื่นๆก็ยักไหล่ สาวสวยวัยกลางคนนี้มีแข็งกร้าวมาก ที่พูดกับหลี่ย่าวเวยแบบนี้
“ฉันเอง!”หลี่ย่าวเวยยังคงสงสัยว่าสาวสวยวัยกลางคนคนนี้เป็นใคร ในเวลานี้ได้ยินว่าหล่อนบอกให้ตัวเองไสหัวออกมา ทำให้เขาเสียหายต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ หลี่ย่าวเวยทนไม่ไหว เขาเดินก้าวไปหาตรงหน้าจ้าวหมิงหมิง: “ฉันก็คือหลี่ย่าวเวย เธอเป็นใคร?”
“ฉันเป็นใคร? นายยังมีสิทธิ์อะไรมาถาม?”จ้าวหมิงหมิงแสยะยิ้มแล้วพูด: “เมื่อกี้ตอนที่ฉันเข้ามา ได้ยินว่านายตะโกนชดใช้เงินอะไรนะ? เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่ย่าวเวยตอบคำถามจ้าวหมิงหมิงทันที
“ไอ้หมอนี่กินข้าวของฉัน หรือว่ามันไม่สมควรจ่ายเงินเหรอ? เขาไม่มีปัญญาจะให้เงิน ฉันจะให้เขาอยู่ที่เพื่อทำงาน”หลี่ย่าวเวยกล่าว
“นายบอกว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายเงินเหรอ? หึหึ”จ้าวหมิงหมิงแสยะยิ้ม แล้วถาม: “ปากเหม็นๆของแกยังพูดว่าอะไรอีก?”
แม้ว่าจ้าวหมิงหมิงจะด่าว่าเขาปากเหม็น แต่หลี่ย่าวเวยรู้สึกได้ว่า เพียงแค่ไม่ขัดแย้งกับสาวสวยวัยกลางคนคนนี้ก็พอแล้ว ให้เธอเอาเปรียบแค่คำพูดก็พอ
“แน่นอนว่าเขาไม่มีปัญญาจ่ายเงิน ฉันอยู่ที่ข้างนอกเห็นกับตาเองเลยว่า ไอ้หมอนี่ขอเงินกับหญิงชราที่เก็บของเก่าสิบหยวน ถ้าเขามีเงิน จะเอาเงินของหญิงชราเหรอ?”หลี่ย่าวเวยกล่าว
“นายพูดมาให้ฉันฟังชัดเจนสิ ตอนนั้นเขาขอเงินกับหญิงชรายังไง?”จ้าวหมิงหมิงพูด เธอไม่เชื่อ ว่าลูกชายตัวเองจะรับเงินของหญิงชรา
“หึ นี่ก็น่าสนใจกว่า ฉันได้ยินว่าไอ้หมอนี่เรียกหญิงชราที่เก็บของเก่าว่าแม่ ท่าทางเหมือนกับร้องไห้ด้วย หญิงชราคนนั้นก็อายุเจ็ดสิบแปดสิบแล้ว ไม่ใช่แม่ของไอ้หมอนี่แน่นอน แม้ว่าฉันจะได้ยินแค่ไม่กี่คำ แต่ฉันเดาว่าไอ้หมอนี่มีแม่ให้กำเนิดออกมา แต่เป็นเด็กเหลือของที่ไม่มีแม่ค่อยสั่งสอน ดังนั้นตอนนี้ถึงกลายเป็นไร้ศีลธรรมแบบนี้…..”หลี่ย่าวเวยกล่าว
“หึหึ ถูกต้อง เด็กที่มีแม่จะแต่งตัวได้สกปรกขนาดนี้เหรอ”
“ตามที่พูดไปเด็กที่มีแม่ก็เหมือนสมบัติ ส่วนเด็กที่ไม่มีแม่ก็เหมือนหญ้า นี่คือสิ่งที่คนที่น่าเกลียดก็มีที่น่าสงสาร”
……
ฉินหลั่งเห็นแม่ในเวลานี้ ดวงตาก็ระยิบระยับ และน้ำตาไหลออกมาอยู่ในดวงตา ฉินหลั่งรู้สึกทุกข์ใจจะตาย อยากจะลูบหลังแม่ เพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียใจ
ในขณะนี้ จ้าวหมิงหมิงยืนขึ้นอย่างกะทันหัน และรีบวิ่งไปตรงหน้าหลี่ย่าวเวย และตบเขาไปหนึ่งครั้ง เมื่อจ้าวหมิงหมิงต้องการจะตบครั้งที่สอง มือของเขาก็ถูกหลี่ย่าวเวยคว้าไว้
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”จ้าวหมิงหมิงกล่าวอย่างโมโห
“หึ ผู้หญิงร้ายอย่างคุณก็เลวร้ายเกินไปแล้ว ฉันเป็นใครที่คุณสามารถจะตบก็ได้เหรอ….”คำพูดของเขากล่าวไปได้ครึ่งหนึ่ง ฉินหลั่งก็ขยับอย่างกะทันหัน เตะไปที่หน้าอกหลี่ย่าวเวย และกระแทกเขาลงกับพื้น ฉินหลั่งดึงแม่ไปข้างๆ และถามอย่างเป็นห่วง: “คุณเป็นยังไงบ้าง?”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมรับเขา ดังนั้นก็เลยไม่ได้เรียกว่าแม่
“ลูก”ดวงตาของจ้าวหมิงหมิงพร่าเลือนไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมา และยื่นมือออกมาและสัมผัสใบหน้าของฉินหลั่งเบาๆ
หลี่ย่าวเวยที่ถูกเตะลงไปที่พื้นตรงนั้นได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่นพยุงขึ้นมา
“แม่ง ก็แค่ผู้หญิงร้ายเอง และแค่ไอ้กระจอกธรรมดา กล้ารังแกถึงบนหัวของฉันหลี่ย่าวเวย คิดว่าฉันจะรังแกได้ง่ายๆเหรอ? เพื่อนบ้านทุกๆคน ช่วยฉันกระทืบสองคนนี้ ใครกระทืบได้รุนแรง อีกหน่อยอยู่ที่หลินอานมีปัญหาอะไรฉันจะช่วยจัดการให้!”
หลี่ย่าวเวยมีชื่อเสียงมากในหมู่คนกลุ่มนี้ เมื่อเขาพูดเช่นนั้น มีผู้ชายหลายคนตามเขาพุ่งเข้าไปเพื่อจะต่อสู้กับฉินหลั่งและจ้าวหมิงหมิง
ทันใดนั้นมีคนสองคนยืนขว้างอยู่ตรงหน้าฉินหลั่งและจ้าวหมิงหมิง ก็คือเจ้านายตู้และโข่งลิ่งเสียน
“เจ้านายตู้ เชิญคุณถอยออกไปด้วย ในห้องวีไอพีเกิดความเสียหายอะไร ฉันหลี่ย่าวเวยชดใช้คืนให้คุณสองเท่า คุณก็เห็นสองคนนี้หยิ่งผยองขนาดไหน ไม่แก้แค้นแล้วฉันหลี่ย่าวเวยจะมีหน้าอยู่ต่อหน้าพวกเพื่อนบ้านได้ยังไง?”ในขณะนี้หลี่ย่าวเวยโกรธจนหัวแทบระเบิด
“นายยังจะคิดแก้แค้นอยู่อีกเหรอ? อย่าก่อความวุ่นวายเลย รีบขอโทษคุณผู้หญิงท่านนี้ซะ ไม่อย่างนั้นผลที่จะตามมาไม่ใช่สิ่งที่นายจะสามารถยอมรับได้”เจ้านายตู้กล่าวเตือน
“หึ เจ้านายตู้ คุณดูถูกฉันหลี่ย่าวเวยเกินไปแล้ว แม้ว่าฉันจะเป็นคนต่างถิ่น แต่ก็มีศักดิ์ศรีอยู่ วันนี้อับอายขายขี้หน้ามากมายขนาดนี้ คุณยังจะให้ผมขอโทษผู้หญิงคนนี้อีกเหรอ?”หลี่ย่าวเวยแสยะยิ้ม: “ผู้หญิงคนคนนี้เป็นเศรษฐีคนไหนฉันไม่รู้ แต่คุณเจ้านายตู้หวาดกลัวเธอ แต่ฉันไม่กลัว ฉันกล้าพูดได้อย่างไม่กลัว ต่อให้วันนี้เศรษฐีในหลินอานก่อนหน้าอันดับสิบ ฉันก็จะแก้แค้น!”
เศรษฐีในหลินอานก่อนหน้าอันดับสิบหลี่ย่าวเวยก็รู้หมด ไม่มีทางที่จะเป็นผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เศรษฐีหนึ่งในอันดับสิบ หลี่ย่าวเวยก็ไม่สนใจเธอ
“ใช่แล้ว ประธานหลี่กลัวเธอมั้ย? ประธานหลี่รู้จักกันกับคุณโข่งนะ ต่อให้เป็นหนึ่งในสิบของเศรษฐีแล้วยังไงล่ะ? ใหญ่เทียบกับคุณโข่งได้เหรอ?”
“ฉันจะบอกพวกคุณให้ พวกคุณเจอกับเรื่องใหญ่แล้ว ตอนนี้รีบขอโทษประธานหลี่ซะ เผื่อว่าประธานหลี่อาจจะให้อภัยพวกคุณ!”
……
คนในหมู่บ้านไม่กี่คนของหลี่ย่าวเวยวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน
โข่งลิ่งเสียนมองไปที่หลี่ย่าวเวยอย่างเคร่งขรึม แล้วถาม: “นายเคยเจอโข่งลิ่งเสียนจริงๆเหรอ?”
“แน่นอนสิ ถ้ารู้แล้วก็ถอยออกไป ไม่อย่างนั้น….”หลี่ย่าวเวยต้องการใช้ชื่อของโข่งลิ่งเสียนมาข่มขู่พวกเขา แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นดวงตาของชายตรงหน้ามองมาที่ตัวเอง หัวใจของเขาก็เริ่มหวาดกลัว รู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ธรรมดา จู่ๆเขาก็มองไปที่โข่งลิ่งเสียนแล้วถาม: “นายเป็นใคร?”
“แล้วนายคิดยังไงล่ะ?”โข่งลิ่งเสียนแสยะยิ้มแล้วพูด
หลี่ย่าวเวยลุกลี้ลุกลน แล้วเขาก็มองไปที่เจ้านายตู้: “เจ้านายตู้ เขาเป็นใคร!”
เจ้านายตู้ตะคอก และหัวเราะแล้วพูดจาประชดประชัน: “เขาก็คือคุณโข่งลิ่งเสียนที่มีชื่อเสียงในภาคหัวดงของเซี่ยงไฮ้”