ตอนที่ 193 ยืนยันความสัมพันธ์
เฉินเยวี่ยเหลือบมองสวี่ม่ายซุ่ย ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่อ่อนหวานของเธอ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ใช่แล้ว… ฉันดีเลิศขนาดนี้ แล้วทำไมถึงมีครอบครัวแบบนี้ล่ะ’
เมื่อเห็นว่าเฉินเยวี่ยกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตน สวี่ม่ายซุ่ยก็ยิ้มตามมารยาทแล้วพูดว่า “หัวหน้าเฉิน ถ้าหมดธุระแล้ว ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะ”
เฉินเยวี่ยรีบพยักหน้าพร้อมบอกว่า “เชิญ”
หลังจากปิดประตูบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินเข้าบ้านด้วยอารมณ์สุนทรีย์ เมื่อเห็นพฤติกรรมของเฉินเยวี่ยแล้วก็คาดว่าเขาน่าจะเก็บคำพูดเธอไปคิด ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขาแล้ว
สำหรับตัวเรือดแบบแม่เฒ่าเฉิน เธอไม่อยากลงมือจัดการเอง เพราะอย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน จึงต้องเลี่ยงคำครหา
เมื่อเดินเข้าบ้านแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็ถามเธอว่า “คุยอะไรกันบ้าง?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “จะคุยอะไรได้อีกล่ะคะ ก็มาขอโทษน่ะสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองไปที่ของขวัญซึ่งหลินเซียวหิ้วเข้ามาแล้วเลิกคิ้วถาม “คุณยอมรับไว้เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “อืม ถ้าไม่ยอมรับแล้วจะทำไงล่ะ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว”
“ที่สำคัญคือ ฉันจะปฏิเสธของจากเขาทำไม ฉันไม่ยอมขาดทุนหรอก” พูดจบแล้วเธอก็หันไปถามหลินเจี้ยนจวินว่า “เจี้ยนจวิน วันนี้ทำงานบ้านสุดท้ายแล้วใช่ไหม?”
หลินเจี้ยนจวินพยักหน้า “ใช่ครับ วันมะรืนผมจะรายงานให้กลุ่มทราบ”
สวี่ม่ายซุ่ยถามต่อ “ดี แล้วพรุ่งนี้นายว่างไหม?”
หลินเจี้ยนจวินเลียปากแล้วตอบด้วยท่าทางเขินอาย “พรุ่งนี้ผมอยากเข้าเมืองน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยสนับสนุนทันที “ดีเลย ฉันถักผ้าพันคอให้ไต้ฉิงเสร็จแล้ว นายช่วยเอาไปให้หล่อนหน่อยนะ”
“ครับ”
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็เดินตามสวี่ม่ายซุ่ยเข้าห้อง เมื่อเห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยยังจัดเรียงกองงานไม่เสร็จ เขาก็อดถามไม่ได้ว่า “เหลืออีกเยอะไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยยกมือขยี้ตาพลางเอ่ย “เหลือไม่มากแล้วล่ะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองอาการแบบนั้นของเธอด้วยแววตาที่เป็นทุกข์ เขาเดินไปหาแล้วดึงเธอออกมาพลางเอ่ยว่า “คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยสวนกลับทันทีว่า “คุณทำไม่เป็นหรอก”
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงพูดว่า “ก็นั่งดูมาหลายวันแล้ว แม้แต่คนโง่ก็ต้องทำเป็นบ้างแหละ”
“คุณดื่มน้ำแล้วพักผ่อนซะเถอะ”
ขณะที่เขาพูดแบบนั้น เขาก็เริ่มทำงานด้วยความว่องไว
สวี่ม่ายซุ่ยมองการเคลื่อนไหวของหลินเจี้ยนเยี่ยและรู้ว่าเขาทำเป็นจริง ๆ จากนั้นเธอก็เอนหลังบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลายและพูดแบบสบาย ๆ ว่า “คุณคิดว่าคราวนี้แม่เฒ่าเฉินจะรอดไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ขึ้นอยู่กับว่าเฉินเยวี่ยเห็นแก่หน้าตัวเองบ้างไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยทอดถอนใจแล้วพูดว่า “ฉันก็หวังว่าเขาจะเห็นแก่หน้าตัวเองให้มาก”
หลินเจี้ยนเยี่ยจัดของที่ทำเสร็จแล้วอย่างเรียบร้อย เมื่อเห็นกองงานที่ยังไม่ได้ทำอยู่ตรงนั้นอีก เขาก็หันไปพูดกับสวี่ม่ายซุ่ยว่า “หลังจากงานนี้เสร็จแล้ว ก็อย่ารับทำอีกนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “คุณคิดว่าฉันอยากจะรับทำเหรอ แต่ไม่มีงานอื่นแล้วนี่นา”
“อีกสองวันนี้งานน่าจะเสร็จแล้ว แค่ส่งไปให้เขาก็สบายละ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองไปที่กระสอบบนพื้นและถามด้วยความกังวล “คุณจะยกไปเองไหวเหรอ? ให้เจี้ยนจวินไปส่งคุณที่นั่นสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยโบกมือปัด “ไม่ต้องหรอก ตอนนั้นเขาเพิ่งเริ่มทำงาน ถ้าให้ลาหยุดเลยก็จะไม่ดี”
“ฉันจะขอให้พี่สะใภ้ไปด้วยกัน”
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงตอบว่า “ก็ได้”
วันรุ่งขึ้น หลินเจี้ยนจวินหยิบผ้าพันคอแล้วออกเดินทางเข้าเมือง เนื่องจากเขามาที่นี่บ่อย ๆ ยามเฝ้าประตูจึงคุ้นเคยกับเขาแล้ว
“มาหาไต้ฉิงใช่ไหม?”
หลินเจี้ยนจวินพยักหน้าด้วยความขัดเขิน “ใช่ ช่วยเรียกหล่อนให้ผมทีครับ”
“เดี๋ยวจะเรียกมาให้นะ”
ไม่นานนัก ไต้ฉิงก็เดินออกมา เมื่อพูดกับยามสั้น ๆ แล้วหล่อนก็เริ่มโบกมือให้หลินเจี้ยนจวินก่อน
หลินเจี้ยนจวินเห็นว่าตัวเองได้รับการต้อนรับ จึงรีบเดินเข้าไปหา
“นายมาได้ไงเนี่ย?” ไต้ฉิงพาเขาไปยังสถานที่ที่ไร้ผู้คน และถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ฉันตั้งใจเอาของมาให้เธอน่ะ” หลินเจี้ยนจวินยื่นของให้อีกฝ่ายในขณะที่ตอบคำถามไปด้วย
ไต้ฉิงรู้นานแล้วว่ามีผ้าพันคออยู่ข้างใน แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้แล้วถามว่า “อะไรเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “เธอดูเองสิ”
ไต้ฉิงรับถุงมาแล้วดึงผ้าพันคอข้างในออกมาดู จากนั้นก็พูดด้วยความตื่นเต้นยินดี “สวยมากเลย”
หลินเจี้ยนจวินมองท่าทางมีความสุขของไต้ฉิงแบบไม่ละสายตา “ขอแค่เธอชอบก็พอแล้ว”
ไต้ฉิงมองผ้าพันคออยู่นาน ทว่า เธอกลับคืนผ้าพันคอให้เขา “ฉันชอบก็จริง แต่ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”
หลินเจี้ยนจวินได้ยินแล้วถึงขั้นตะลึงงัน “ทำไมล่ะ?”
“ฉันรับของจากนายไม่ได้ เพราะมันดูไม่ดี”
“ดูไม่ดียังไงเหรอ”
ไต้ฉิงมองท่าทางสับสนของหลินเจี้ยนจวินแล้วตอบอย่างโมโห “ก็แค่ดูไม่ดีไง”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนาย จะรับของจากนายไม่ได้หรอก”
“ทำไมเธอจะไม่ใช่…” หลินเจี้ยนจวินโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทว่า ก่อนที่เขาจะพูดจบ ไต้ฉิงก็มองเขาแบบมีความหวังแล้วพูดแทรกว่า “ไม่ใช่อะไรเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เปล่า”
เมื่อมองหลินเจี้ยนจวินที่ทำตัวอ้ำอึ้งไม่พูดจา ไต้ฉิงจึงรำคาญมาก “ช่างเถอะ นายกลับไปได้แล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องมาอีก”
พูดจบแล้วหล่อนก็หันหลังเดินหนีไปทันที
หลินเจี้ยนจวินเห็นดังนั้นก็ตื่นตระหนกมาก เขารีบคว้าแขนของไต้ฉิงไว้พลางเอ่ยว่า “เธอเป็นอะไรเนี่ย?”
“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ฉันแค่ไม่ได้คิดว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะดูไม่ดี นายควรรีบกลับไปและอย่าให้ใครนินทาได้” ไต้ฉิงตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลินเจี้ยนจวินตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เขาจับมือไต้ฉิงไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยอีก “ใครบอกว่าพวกเราอยู่กันสองต่อสองล่ะ พวกเรา…”
ไต้ฉิงจ้องไปที่หลินเจี้ยนจวินแล้วถามว่า “พวกเราทำไม?”
หลินเจี้ยนจวินมองหน้าไต้ฉิงแล้วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไต้ฉิง เรามาคบกันดีไหม?”
ไต้ฉิงมองหลินเจี้ยนจวินที่ดูจริงจังขึ้นมาทันทีทันใด และในที่สุดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “คนโง่”
หลินเจี้ยนจวินเห็นเธอยิ้มแล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย เขาถามอย่างระแวดระวัง “เธอเห็นด้วยไหม?”
ไต้ฉิงดึงผ้าพันคอออกจากมือของเขา แล้วเอามาคล้องคอตัวเองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายคิดว่าไงล่ะ?”
หลินเจี้ยนจวินมองใบหน้ายิ้มแย้มของหล่อนและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาเอื้อมมือออกไปจับแขนของไต้ฉิงแล้วดึงเบา ๆ ไต้ฉิงก็มาอยู่ในอ้อมแขนแล้ว “ฉันจะปฏิบัติต่อเธอให้ดีที่สุด จะขยันทำงานเพื่อมอบชีวิตดีที่สุดให้เธอ จะไม่ปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมใด ๆ ทั้งสิ้น”
ตอนนี้ไต้ฉิงอยู่ในอ้อมแขนของหลินเจี้ยนจวิน และรู้สึกได้ถึงความสั่นไหวจากสองแขนของเขาราวกับว่าเป็นโรคพาร์กินสัน และในขณะที่เขายังตัวสั่นอยู่ รอยยิ้มบนใบหน้าของไต้ฉิงยิ่งหวานล้ำขึ้นไปอีก หล่อนยกมือขึ้นลูบไหล่ของเขาพลางเอ่ยว่า “ฉันรู้ว่านายจะปฏิบัติต่อฉันอย่างดี แต่ตอนนี้นายหยุดสั่นก่อนได้ไหม”
หลินเจี้ยนจวินหน้าแดงก่ำ “ขอ… ขอโทษด้วยนะ ฉันตื่นเต้นเกินไปหน่อย”
ไต้ฉิงจึงตอบรับว่า “ฉันรู้”
ในที่สุดหลินเจี้ยนจวินก็สงบลง คราวนี้เขาจึงตระหนักได้ว่าไม่สมควร จึงรีบดันตัวไต้ฉิงออกแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ ขอโทษที่ฉัน…”
ไต้ฉิงมองหลินเจี้ยนจวินแบบช่วยไม่ได้ “ตอนนี้รู้หรือยังว่าตัวเองเป็นใคร?”
หลินเจี้ยนจวินมองเธอด้วยความสงสัย “ฉันคือ…” ‘หลินเจี้ยนจวิน’
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ไต้ฉิงก็ตวาดใส่ทันที “หุบปาก! ตอนนี้นายเป็นคนรักของฉันแล้ว การกอดฉันก็เป็นเรื่องปกติ เข้าใจไหม?”
หลินเจี้ยนจวินพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว แค่กลัวจะทำให้เธอเดือดร้อนต่างหาก”
ไต้ฉิงก็รู้ว่าที่นี่ยังมีคนในคณะสันทนาการอีกมายมาย หลินเจี้ยนจวินนับว่ามีเหตุผลดีแล้ว หล่อนจึงตอบแบบไม่ใส่ใจว่า “ก็ได้ ๆ”
“ออกไปข้างนอกกันไหม?”
หลินเจี้ยนจวินจึงตอบว่า “อืม”
จนกระทั่งเดินออกไปข้างนอกแล้ว ไต้ฉิงก็ยังไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนจวินทำหน้าอย่างไร เพราะแม้จะตกลงว่าคบหาดูใจกันแล้ว แต่ทั้งสองก็ไม่เดินเคียงข้างกัน ได้แต่เดินตามหลังกันไปต้อย ๆ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในที่สุดก็สารภาพสักทีนะไอ้หนุ่ม เกือบปล่อยความรักหลุดลอยไปแล้ว
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION