ตอนที่ 173 แม่ว่างขนาดนั้นเลยเหรอ
“เอ้า กินสิ”
หลินเซียวมองหมั่นโถวในมือของแม่ด้วยแววตาประหลาดใจ และพึมพำด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “แม่จะให้เรากินแค่นี้จริงเหรอครับ?”
“มีอาหารให้กินก็ดีแล้ว ลูกยังจะเลือกกินอีกเหรอ สรุปว่าลูกจะกินไหม ถ้าไม่กินแม่จะยกไปเก็บ”
หลินเซียวจึงรีบคว้าหมั่นโถวมาจากมือของเธอทันที “กินครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นท่าทางนั้นแล้วต้องยิ้มเบาๆ ออกมา จากนั้นเธอก็ยื่นหมั่นโถวอีกลูกให้หลินฟาน “รับไปสิ”
“พวกลูกนั่งกินที่บ้านนะ เดี๋ยวแม่จะออกไปข้างนอก”
หลินเซียวเคี้ยวหมั่นโถวพลางเอ่ยถาม “แม่จะไปไหนอีกล่ะครับ?”
“ยังมีงานในหมู่บ้านที่ต้องทำน่ะ แม่จะไปทำงานให้เสร็จ แล้วระหว่างพ่อหรืออาเล็กของลูกไม่ว่าใครจะกลับมาก่อน ก็ให้คนนั้นทำอาหารให้พวกลูกกินนะ” เมื่อพูดจบแล้วเธอก็เดินออกไป
หลินเซียวมองแม่ที่รีบเดินออกไปและยักไหล่ พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ “เป็นผู้ใหญ่แล้วดียังไงนะ ต้องทำงานหนักขนาดนี้ ส่วนฉันเพิ่งจะได้เรียนไม่กี่วันก็มีวันหยุดแล้ว”
เมื่อหลินฟานได้ยินแบบนี้แล้วก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงพูดกับหลินเซียวว่า “พี่ ดูเหมือนว่าแม่จะหาอาจารย์ให้พี่ได้แล้วนะ แม่บอกว่าอยากให้พี่ไปเรียนหนังสือกับเขาในช่วงวันหยุดน่ะ”
หลินเซียวได้ยินแล้วถึงขึ้นกระโดดโหยงออกจากเก้าอี้ “นายว่าไงนะ?”
“แม่หาอาจารย์ให้พี่ได้แล้ว”
“แล้วแม่ไปพบเขาตอนไหนเนี่ย?”
“เหมือนว่าจะเป็นเมื่อวานนะ”
หลินเซียว “…”
“ไหนแม่บอกว่ายุ่งมากไม่ใช่เหรอ?”
“แม่บอกว่าพี่น่ะว่างเกินไป”
หลินเซียว “…”
สวี่ม่ายซุ่ยออกจากบ้านแล้วก็รีบเดินเช้าหมู่บ้านก่อน เพราะเธอต้องไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อรับเสบียงก่อนจะไปที่คอกวัว แต่ระหว่างทางกลับจากสำนักงานใหญ่ก็บังเอิญพบกับหลินเจี้ยนจวินซึ่งกลับจากทำอาหาร
“พี่สะใภ้จะไปไหนเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ไปที่คอกวัวน่ะ งานนายเสร็จแล้วเหรอ?”
“เสร็จแล้วครับ”
เมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กัน สวี่ม่ายซุ่ยจึงได้กลิ่นอาหารและถามด้วยเสียงกระซิบ “อาหารปรุงสุกจากบ้านเจ้าภาพเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “ครับ วันนี้มีคนเยอะมาก เจ้าภาพจึงแบ่งอาหารจานเนื้อกับผักไว้ให้สองจานน่ะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “บังเอิญว่าวันนี้ฉันไม่ได้ทำอาหารเอาไว้ งั้นนายก็เอากลับไปกินกับหลานๆ ทั้งสองคนก่อนนะ กินเสร็จก็มาหาฉันที่คอกวัว”
อาการบาดเจ็บตามร่างกายของนายพลจางล้วนอยู่ใต้ร่มผ้า และชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน จึงไม่สะดวกที่เธอจะทายาให้เขา ดังนั้นหลินเจี้ยนจวินจึงเหมาะสมมากกว่า
หลินเจี้ยนจวินไม่ใช่คนช่างพูด เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ม่ายซุ่ยแล้วเขาจึงไม่ถามให้มากความ แค่เดินเอาของไปเก็บไว้ที่บ้าน เมื่อเฝ้าดูเด็กทั้งสองกินข้าวเสร็จจึงวิ่งไปที่คอกวัวทันที
เนื่องจากสวี่ม่ายซุ่ยกลับมาช้า หลี่โหย่วเหลียงเห็นเธอแล้วจึงพูดเหน็บแนม แต่สวี่ม่ายซุ่ยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วพูดว่า “นายกลับไปเถอะ คืนนี้ฉันจะเข้าเวรเอง แล้วพรุ่งนี้นายค่อยมา”
หลี่โหย่วเหลียงมองสวี่ม่ายซุ่ยซึ่งมีท่าทางสงบ จึงมีร่องรอยของความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “เธอเป็นผู้หญิง จะมาเข้าเวรกลางคืนได้ไง เอาล่ะ เธอกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่เอง”
สวี่ม่ายซุ่ยเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นายก็มีจิตสำนึกด้วยเหรอเนี่ย?”
หลี่โหย่วเหลียง “เธอหมายความว่าไง ดูถูกว่าฉันทำไม่ได้เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไม่ใช่ เดี๋ยวคนในครอบครัวของฉันจะมาเปลี่ยนเวรทีหลัง นายกลับไปได้เลย ถ้ายังไม่ไป เดี๋ยวอาสะใภ้จะมาตามหานายแน่ๆ”
หลี่โหย่วเหลียงได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจ “งั้นฉันกลับก่อนนะ ถ้าเธอต้องการอะไรก็ออกไปตะโกนเรียกได้เลย”
หลี่โหย่วเหลียงก็แค่คนปากไม่ดี แต่ไม่ใช่คนเลวหรือคนที่หยิ่งผยอง สวี่ม่ายซุ่ยจึงไม่ได้ชวนเขาทะเลาะอีก “ตกลง”
หลังจากที่คนอื่นออกไปแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ขนอาหารเข้าไปในกระท่อมตามลำพัง แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ชายหมด สวี่ม่ายซุ่ยจึงเคาะประตูก่อน เมื่อได้ยินเสียงคนตอบรับ เธอค่อยเปิดประตูเข้าไป
เธอเห็นบรรดาชายชรานอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “เป็นนักบัญชีสวี่เองเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบรับ “ใช่ ฉันเอาวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาให้ พวกคุณต้มโจ๊กกินกันเองนะ”
หลังจากได้ยินแล้ว พวกชายชราทั้งหลายก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปทางสวี่ม่ายซุ่ย อาวุโสซุนนอนใกล้ประตู เขาจึงเป็นคนแรกที่เดินถึงก่อน เมื่อเขาเปิดกระเป๋าออกดู ก็ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ข้าวฟ่างเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ใช่ เราทุกคนที่นี่ล้วนมีข้าวฟ่างและแป้งหมี่ขาวที่บ้าน ถ้าอยากกินข้าวสวยต้องไปซื้อที่สหกรณ์”
อาวุโสซุนพูดว่า “ข้าวฟ่างก็ดี ข้าวฟ่างบำรุงร่างกายได้ดี คนแก่ๆ แบบพวกเราขาดข้าวฟ่างมาบำรุงกระเพาะนานแล้ว”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็หยิบของเดินออกไป แต่เมื่อชายชราเห็นผักกับเครื่องปรุงรสวางอยู่บนเตา ก็พลันตกตะลึงอีกครั้ง
“นักบัญชีสวี่ พวกนี้คือ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ฉันเห็นพวกคุณไม่มีอะไรเลย จึงหยิบมาจากบ้านของฉันให้พวกคุณน่ะ พวกคุณก็ใช้ไปก่อนนะ ถ้าหลังจากนี้ขาดเหลืออะไรก็แจ้งหัวหน้าใหญ่ได้เลย”
เมื่ออาวุโสซุนได้ยินคำตอบนี้แล้ว เขาก็ถามสวี่ม่ายซุ่ยว่า “นักบัญชีสวี่ ทำไมเธอถึงเอาของพวกนี้ให้เราเหรอ? พวกเราจ่ายคืนไม่ไหวหรอกนะ”
นับตั้งแต่การถูกตรวจสอบไปจนถึงการมอบหมายบทลงโทษ ชายชราเหล่านี้ต้องอดทนต่อความยากลำบากนับไม่ถ้วน และต้องระมัดระวังในทุกสิ่งที่พวกเขาเผชิญ
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่จำเป็นต้องจ่ายคืน พวกเราก็เป็นกันแบบนี้แหละ แต่พวกคุณต้องทำอาหารกันเองนะ เดี๋ยวฉันจะไปหาอาวุโสจางก่อน”
เมื่อพูดจบแล้วเธอก็เดินไปที่กระท่อมอยู่เวร
สวี่ม่ายซุ่ยเคาะประตูก่อนเหมือนเดิม แต่รออยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอจึงผลักเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นชายชรานอนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอก็ตกใจสุดขีด ก่อนรีบเข้าไปตรวจสอบลมหายใจของเขา เมื่อยังเห็นว่าเขาหายใจอยู่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ชายชราเหล่านี้เกิดมาในช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่แล้ว ดังนั้นการทำอาหารจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาเลย หลังจากนั้นไม่นานก็มีจานสองใบและโจ๊กข้าวฟ่างหนึ่งหม้อถูกยกออกมา อาวุโสซุนเดินมาเคาะประตูแล้วพูดว่า “นักบัญชีสวี่ เดี๋ยวฉันจะดูแลเขาเอง เธอไปกินข้าวได้เลย”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ไม่เป็นไร พวกคุณกินได้เลย อีกสักพักคนที่บ้านฉันจะเอามาให้น่ะ”
อาวุโสซุนเห็นสวี่ม่ายซุ่ยช่วยเปลี่ยนผ้าชุบน้ำที่หน้าผากให้อาวุโสจางแล้วเขาก็ทอดถอนใจพลางเอ่ย “คราวนี้พวกเราได้เจอคนดีๆ แล้ว”
ไม่นานหลังจากนั้น หลินเจี้ยนจวินก็เดินมาพร้อมกับตะกร้าในมือ “พี่สะใภ้ ผมห่ออาหารมาให้พี่กินด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบรับ “ดีเลย”
“พี่สะใภ้ แล้วนี่คือ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “นักโทษยุคปฏิรูปแรงงานที่เบื้องบนจัดสรรมาน่ะ”
หลินเจี้ยนจวินได้ยินแล้วถามด้วยความสงสัย “ถ้าเราเข้าใกล้พวกเขามากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อพี่ชายของผมไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ไม่หรอก นายช่วยพยุงเขาขึ้นมาแล้วป้อนข้าวให้เขาหน่อยนะ”
หลินเจี้ยนจวินตอบรับ “ครับ”
เมื่อหลินเจี้ยนจวินช่วยพยุงอาวุโสจางขึ้นมา เขาก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว ครั้นเห็นว่าหลินเจี้ยนจวินกำลังยื่นช้อนมาที่ปาก เขาจึงพูดว่า “เดี๋ยวฉันกินเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยถือชามด้วยความระมัดระวังแล้วพูดว่า “สุขภาพของคุณไม่ดี ให้เขาป้อนคุณเถอะ”
ตอนที่อาวุโสจางมีความเครียดนั้นไม่รับรู้ถึงความเจ็บป่วยมากนัก แต่ทันทีที่เขาผ่อนคลายและได้พักผ่อนที่นี่ เขาเพิ่งได้ตระหนักว่าร่างกายเหมือนกำลังแตกสลาย เขาจึงหยุดอวดดีและปล่อยให้หลินเจี้ยนจวินป้อนโจ๊กจนหมดชาม
“มีอีกไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “มีสิ แต่คุณกินอีกไม่ได้แล้ว เพราะถ้ากินมากเกินไปจะทำให้แน่นท้อง”
อาวุโสจางได้ยินแล้วก็เงียบลงทันที และไม่คิดจะพูดอะไรอีก
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครออกมาแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยจึงหยิบยาที่เสี่ยวหลินเตรียมไว้ออกจากกระเป๋า และอธิบายวิธีใช้ให้หลินเจี้ยนจวินฟังด้วยความใจเย็น จากนั้นพูดว่า “นายช่วยเขาหน่อยนะ ฉันจะออกไปดูข้างนอก”
พูดจบแล้วเธอก็เดินออกไปทันที
หลังจากรอให้เธอออกไป อาวุโสจางก็มองชายหนุ่มที่กำลังจะช่วยทายาให้ตนแล้วอดถามไม่ได้ว่า “พวกเธอเป็นใคร ทำไมจะต้องช่วยฉัน?”
เขารู้ดีว่าคนเบื้องบนพยายามจะเอาชีวิตเขาให้ได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแปลกหน้าสองคนนี้ถึงอยากช่วยเขา
หลินเจี้ยนจวินอยู่กับหลินเซียวมานาน จึงทำให้ติดอารมณ์ขันมาด้วย เขาจึงตอบว่า “พวกผมแค่ว่างน่ะ”
อาวุโสจาง “…”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
๕๕๕ นรกกำลังมาแล้วหลินเซียว เตรียมตัวไว้ให้ดี หลังจากนี้จะไม่ได้ไปเล่นแล้วนะ
ชิวเฟิงง
MANGA DISCUSSION