บทที่ 48 วิธีเผด็จศึกพนักงานหัวรั้น
ตกดึก ตู้เหลียงก็ยังไม่กลับมา มู่เยี่ยนฟางเอาแต่ดมกลิ่นกายตัวเองด้วยความสงสัยว่ายังมีกลิ่นของเสียอีกหรือเปล่า
ถึงแม้เกาซูจะพยายามให้กำลังใจ แต่ความรู้สึกด้อยค่าในใจของมู่เยี่ยนฟางก็ยังคงอยู่ มันฝังรากลึกอยู่ในจิตใจจนยากที่จะเปลี่ยนแปลง
คืนนั้น มู่เยี่ยนฟางก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายถึงน้องชาย มู่อวิ่นเฉิง เธออยากถามความเห็นน้องชายว่าสิ่งที่เกาซูทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่
ตั้งแต่ติดตามเกาซูเข้ามาทำงานในเมือง ความคิดและความเชื่อที่เธอสั่งสมมาตั้งแต่เด็กก็ถูกสั่นคลอน เธอรู้สึกสับสน ในเวลานี้ น้องชายที่เป็นทหาร และเป็นเสาหลักของครอบครัว คือคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้มากที่สุด
ในคืนเดียวกันนั้น ไม่ใช่แค่หัวใจของมู่เยี่ยนฟางที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เรื่องราวในโรงอาหารก็สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโรงงาน!
ข่าวลือแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ทุกบ้านในละแวกนั้นต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องคนงานชั่วคราวจากต่างอำเภอที่ก่อเรื่องอาละวาดในโรงอาหาร
หลังจากคืนนั้น วันใหม่ของการทำงานในโรงงานก็มาถึง
คล้ายว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนไปก็ไม่เชิง จะว่าเหมือนเดิมก็คงไม่ใช่
สิ่งที่เหมือนเดิมคือ เกาซูและมู่เยี่ยนฟางยังคงเข้าโรงงานตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะที่คนงานคนอื่น ๆ ยังคงนั่งเฉย ๆ ไม่ทำงานเหมือนเคย
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ คนงานเหล่านั้นไม่ได้นั่งกินเมล็ดทานตะวัน หรือพูดคุยเล่นกันอีกต่อไป บรรยากาศในโรงงานเงียบสงัด มีเพียงเสียงจักรเย็บผ้าเท่านั้นที่ดังขึ้น
ส่วนฟู่จิงซือก็ไม่มาทำงานเลยในวันนี้ พวกลูกน้องไม่มีหัวหน้าคอยชักนำ จึงห่อเหี่ยว ไม่รู้ว่าควรทำอะไร และยังพยายามอยู่ห่างจากเกาซูไว้ ราวกับกลัวว่าเธอจะสาดน้ำขี้ใส่พวกเขาได้ทุกเมื่อ
เกาซูทำเป็นไม่เห็น ก้มหน้าลากเส้นและตัดผ้าอย่างตั้งใจ
เวลาแปดโมงครึ่ง หลังจากโรงงานเสื้อผ้าเปิดทำการมาครึ่งชั่วโมง ตู้เหลียงที่หายไปจากโรงงานหลายวันก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่พาคนมาเป็นพรวนอีกต่างหาก
กลุ่มคนงานที่ตู้เหลียงพามามีประมาณ 20 กว่าคน ล้วนเป็นผู้หญิง มีทั้งเด็กสาว แม่บ้าน และหญิงสูงวัย
เกาซูยิ้มต้อนรับ “มากันครบแล้วหรือยังคะ?”
ตู้เหลียงตอบเสียงดังฟังชัด “วันนี้มาก่อนครึ่งหนึ่ง ยังมีอีกสิบกว่าคน บ้านอยู่ไกล หรือติดธุระที่บ้าน คงจะตามมาพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้แหละ”
กลุ่มคนงานที่นั่งจับกลุ่มจิบน้ำชาในโรงงาน ก็หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
เกาซูไม่สนใจคนเหล่านั้น สายตาของเธอจดจ้องอยู่ที่กลุ่มคนที่ตู้เหลียงพามาใหม่ พร้อมกับเอ่ยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ ฉันเรียกพวกคุณมาทำอะไร คุณตู้เหลียงคงบอกพวกคุณไปแล้วใช่ไหมคะ?”
“บอกแล้ว ๆ!” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เงื่อนไขต่าง ๆ ตกลงกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ? พอรับได้ไหม?” เกาซูถามด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนก็พยักหน้ารับ “ตกลกค่ะ พวกเรายินดีทุกคน”
“ดีมากค่ะ! งั้นเรามาเริ่มงานกันเลย! พวกคุณดูฉันกับพี่เยี่ยนทำเป็นตัวอย่างก่อนนะคะ แล้วก็แบบร่างนี่ พวกคุณต้องเรียนรู้วิธีการอ่านมันซะก่อน” เกาซูเริ่มสาธิตวิธีการทำงานและให้คำแนะนำอย่างละเอียด
คนงานในโรงงานถึงได้รู้ว่า ที่แท้เกาซูรับคนกลุ่มนี้มาก็เพื่อมาทำงาน มาแทนที่พวกเขานั่นเอง!
บางคนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่เดิมพวกเขาถูกยุยงให้มาข่มขู่เด็กสาวคนนี้ แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเธอไม่สนใจพวกเขาเลย ไม่รู้ไปหาคนมาจากไหนตั้งมากมาย และพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็จะมีอีกมากกว่า 20 คน!
คนงานคนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งเฉย ๆ เริ่มทนไม่ไหว จึงแอบถามป้าที่นั่งอยู่ริมสุดเบา ๆ ว่า “พวกคุณมาทำงานให้เขาฟรี ๆ เหรอ?”
ป้าคนนั้นมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะตอบกลับ “ใครจะไปทำงานให้คนอื่นฟรีกัน! ถามอะไรโง่ ๆ”
“แล้ว… พวกคุณได้ค่าแรงเท่าไหร่ล่ะ?” คนงานคนนั้นถามต่อ
ป้าคนนั้นก็ตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “พวกเราได้เงินตามจำนวนชิ้นงานที่ทำ”
แต่เมื่อถามว่าได้ชิ้นละเท่าไร ป้าคนนั้นก็ไม่ยอมบอก และคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครยอมปริปากเช่นกัน
ต่อมา ก็ไม่รู้ว่าข่าวลือมาจากไหนจนหนาหู ว่าคนงานที่เกาซูจ้างมานั้น ได้ค่าแรงชิ้นละสองหยวน!
อะไรนะ! ชิ้นละสองหยวน!
ข่าวลือนี้ทำให้ทั้งโรงงานถึงกับแตกตื่น!
พวกเขาที่เป็นพนักงานประจำ ยังได้เงินเดือนแค่ 50 กว่าหยวนเอง!
คนพวกนี้ได้สองหยวนต่อชุด ถ้าอย่างนั้น แค่ดัดแปลงวันละสองชุดก็ได้เยอะกว่าเงินเดือนพวกเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? คนที่ทำงานเร็ว ๆ วันละสามสี่ชุด ก็จะได้มากกว่า 90 หยวน! ถ้าทำงานล่วงเวลาด้วย จะไม่ถึง 200-250 เลยเหรอ?
เงินพวกนี้ มันควรจะเป็นของพวกเขา!
จะปล่อยให้คนนอกเข้ามาเอาเปรียบ แล้วกอบโกยผลกำไรไปได้อย่างไร!
ผลประโยชน์ทำให้เห็นธาตุแท้ของคน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน เสียงบ่นก็เริ่มดังขึ้น ลุกลามไปทั่วโรงงาน
“ทั้งหมดเป็นความผิดของฟู่จิงซือ! ถ้าเขาไม่ยุยง พวกเราคงไม่มาขัดแย้งกับโรงงานแบบนี้!”
“ใช่! พวกเราได้อะไรจากการทำแบบนี้บ้าง? ฟู่จิงซือไม่เคยแม้แต่จะเลี้ยงน้ำชาพวกเราสักจอก! ยังมีหน้ามาทำลายงานของพวกเราอีก”
“นั่นสิ บุหรี่ก็ไม่เคยให้สักมวน! ทุเรศชะมัด!”
“ตอนนี้ฉันอยากจะร้องไห้จริง จะทำยังไงกันดีล่ะ”
“พรุ่งนี้พวกเราไปขอโทษผู้จัดฝ่ายขายกันเถอะ เขาจะให้พวกเรากลับไปทำงานไหมนะ?”
“ฉัน… ฉันอยากกลับไปทำงานแล้ว”
ไม่นาน ลานออกกำลังกายก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เหล่าคนงานโรงงานต่างมารวมตัวกัน และส่งเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่
ฟู่จิงซือที่ไม่รู้ไปได้ยินข่าวมาจากไหน วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในกลุ่มในสภาพหอบเป็นลูกหมา
พอทุกคนเห็นเขา ภาพเหตุการณ์ที่เขาถูกสาดด้วยน้ำขี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว ทุกคนต่างพากันยกมือปิดจมูก แล้วถอยห่างออกไปโดยอัตโนมัติ จนเกิดเป็นวงล้อมรอบตัวฟู่จิงซือ
“นี่พวกแก…” ฟู่จิงซือโกรธจนตัวสั่น เขายกแขนของตัวเองขึ้นมา แล้วยื่นไปข้างหน้า “ดมดูสิ! ฉันไม่ได้มีกลิ่นเหม็นแล้วนะ!”
แต่ทุกคนก็ยังคงปิดจมูก ไม่พูดอะไร ราวกับการกระทำนั้นเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
“ช่างเถอะ!” ฟู่จิงซือโบกมือ “ไม่พูดเรื่องนั้นแล้วดีกว่า ได้ยินว่าพวกแกจะยอมแพ้กันแล้วเหรอ? พวกแกมันขี้ขลาด! ไม่มีน้ำยา! ไหนบอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตาย จะสู้ไปด้วยกันไง!”
ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครตอบโต้
ฟู่จิงซือเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองสามารถข่มขู่คนอื่นได้สำเร็จ จึงเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ฉันรู้อยู่แล้ว! พวกเราคือพวกเดียวกัน! พรุ่งนี้เรามาสู้กันต่อ! เสี่ยวเต๋ออู่ อย่าลืมเอาหมากรุกมาด้วยล่ะ พรุ่งนี้เราจะเล่นกันสักสองตา!”
เสี่ยวเต๋ออู่ที่ถูกเรียกชื่อ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “พี่ครับ พรุ่งนี้…ผมไม่อยากก่อเรื่องแล้วครับ”
“แกพูดว่าอะไรนะ?!” ฟู่จิงซือตกใจจนแทบกระโดด “พูดใหม่อีกทีซิ!”
“ผมบอกว่า ผมไม่อยากก่อเรื่องแล้ว ผมอยากทำงานครับ!” เสี่ยวเต๋ออู่ก้มหน้าพูดเสียงเบา “เมียผมด่าผมว่าเป็นไอ้โง่ มีงานทำก็ไม่ทำ ถ้ายังทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีก เธอจะขอหย่ากับผม”
“เมียแกมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง! มันรู้อะไร! แกจะไปเชื่อมันทำไม! พวกเราต้องมองภาพรวม! ต้องคิดถึงอนาคตของโรงงาน…”
“นายไม่ใช่ผู้จัดการโรงงานนี่ นายรู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตระยะยาวของโรงงานงั้นเหรอ?”
ขณะที่ฟู่จิงซือกำลังจะพล่ามสุนทรพจน์อันยาวเหยียด เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“เฮอะ! ร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมสุขร่วมทุกข์ แต่พวกเรายังไม่ได้ลิ้มรสความสุขเลยสักนิด!”
ใบหน้าของฟู่จิงซือแดงก่ำขึ้นทันที
“ใช่! แม้แต่เมล็ดทานตะวัน พวกเรายังต้องควักเงินตัวเองซื้อมากินเองเลย”
“นั่นสิ! ถ้าไม่ไปทำงาน ฉันก็ไม่มีเงินซื้อเมล็ดทานตะวันกินแล้ว! ต้องรีบไปหางานทำแล้ว!”
เมื่อมีคนเริ่มพูด เสียงบ่นก็ดังขึ้น ราวกับเขื่อนแตก ไม่อาจหยุดยั้งได้อีก ลานออกกำลังกายที่เคยสว่างไสว ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
MANGA DISCUSSION