บทที่ 131 ซื้อบ้านในเมืองหลวง
เป็นไปไม่ได้ จะเป็นมู่อวิ่นเฉิงไปได้ยังไง!
“เหม่ออะไรอยู่เหรอ?” เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้น ขณะที่เขากำลังเดินลงมาจากบันได
คำพูดเพียงประโยคเดียว เปรียบได้กับสายฟ้าฟาดลงกลางใจ!
เกาซูรู้สึกเหมือนได้สติจากภวังค์ เธอร้องเรียกชื่อ ‘มู่อวิ่นเฉิง’ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเขาด้วยความดีใจ
ชายหนุ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาเห็นพนักงานโรงแรมหันหน้าหนีด้วยท่าทางเขินอาย
ส่วนจงอี้ก็ทำท่าทางน่าเอ็นดู เขาใช้มือทั้งสองข้างปิดตาตัวเองไว้ แล้วยังส่งสัญญาณให้เกาผิงอันปิดตาตามตัวเองอีกด้วย
เกาผิงอันรู้สึกพึงพอใจ เด็กคนนี้ช่างรู้ความ รู้กาละเทศะอะไรอย่างนี้!
เกาซูไม่ได้สนใจสายตาของใคร ขณะนี้ โลกทั้งใบของเธอมีเพียงมู่อวิ่นเฉิงเท่านั้น เธอโอบกอดเขาด้วยความรู้สึกตื้นตัน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณมาที่นี่ได้ยังไง? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แล้วทำไมถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่?”
มู่อวิ่นเฉิงรู้จักนิสัยของเธอดี เขาเข้าใจว่าการที่เธอกอดเขาแบบนี้ ก็ถือว่าเธอควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกเคอะเขินอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ผลักเธอออก เขาตอบคำถามสุดท้ายของเธอก่อนเป็นลำดับแรก “ฉันก็แค่เดาว่าเธอน่าจะพักใกล้ ๆ มหาวิทยาลัยน่ะ”
มู่อวิ่นเฉิงเหลือบมองไปทางเกาผิงอันและจงอี้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะก้มลงพูดกับเกาซูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เราขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า อย่ายืนอยู่ตรงนี้เลย”
“อ๊ะ! จริงด้วย! ฉันดีใจจนลืมไปเลย” เกาซูจูงมือมู่อวิ่นเฉิง พร้อมกับเรียกเกาผิงอันและจงอี้ แล้วพากันกลับขึ้นห้องพักไป
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง จงอี้ก็ถามมู่อวิ่นเฉิงด้วยความสงสัย “พ่อ ทำไมพ่อถึงมาเมืองหลวงได้ล่ะครับ? มาเยี่ยมพวกเราเหรอ?”
“ก็ไม่เชิง”
เกาซูเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอยังมีคำถามค้างคาใจอยู่อีกข้อ!
“แล้วคุณมาทำอะไร? ทำภารกิจเหรอ?”
เธอคิดว่ามู่อวิ่นเฉิงคงไม่ได้มาเยี่ยมพวกเธอโดยเฉพาะ เพราะแต่ละวันเขาดูยุ่งมาก แต่คำตอบของเขากลับทำให้เธอตกตะลึง
“ที่จริงแล้ว ฉันก็มาเรียนเหมือนกัน”
ความดีใจถาโถมเข้าใส่เกาซูราวกับคลื่นยักษ์ จนแทบจะทำให้เธอเสียสติ
ไม่ใช่เพียงแค่เธอจะได้ใช้ชีวิตในเมืองหลวงพร้อมกับมู่อวิ่นเฉิงเท่านั้น แต่ที่สำคัญ เธอแน่ใจแล้วว่า ชะตาของมู่อวิ่นเฉิงได้เปลี่ยนไปแล้ว!
การที่เขามาเรียนต่อในชาตินี้ ก็หมายความว่าเขาจะรอดพ้นจากความตายแล้วใช่ไหม?
“อวิ่นเฉิง! ฉันดีใจจริง ๆ!” เกาซูร้องตะโกนอย่างห้ามใจไม่อยู่ ก่อนจะโผเข้ากอดเขาอย่างสุดแรงอีกครั้ง คราวนี้เธอคล้องแขนรอบคอเขาแน่น “คุณ… คุณนี่มันร้ายกาจจริง ๆ! ทำไมไม่บอกฉันก่อน เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวได้ยังไงกัน! ทำไม! ทำไมถึงไม่บอกฉัน!”
ในตอนแรก มู่อวิ่นเฉิงพยายามจะแกะมือเธอออก ดูเหมือนจะพยายามรักษาระยะห่าง แต่ท่าทางดีใจสุดขีดของเธอทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจเป็นโอบอุ้มเธอขึ้นมาแทน
“แปลกใจไหม?” เขากระซิบถามข้างใบหูของเธออย่างแผ่วเบา
ไม่ใช่แค่แปลกใจหรอก!
หัวใจของเธอพองโตด้วยความปีติ จนแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ เลยต่างหาก!
“มู่อวิ่นเฉิง…” เสียงอันหวานละมุน นุ่มหูราวกับแพรไหม ทำให้หัวใจของผู้ฟังสั่นสะท้าน
“ว่าไง…” เขาตอบรับในลำคอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมา ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของเธอ
“อืม…” เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก นิ้วมือเรียวเล็กกำชายเสื้อของเขาไว้แน่น “ดะ… เดี๋ยวก่อน…”
เกาซูได้แต่นึกในใจ
ตอนนี้เกาผิงอันกับจงอี้ยังอยู่ในห้องนะ!
“พวกเขาออกไปแล้ว” เสียงทุ้มแหบพร่าของเขากระซิบบอก ราวกับล่วงรู้ความคิดของเธออย่างไรอย่างนั้น
ในวินาทีที่ได้ยิน โลกทั้งใบก็หยุดหมุน…
ริมฝีปากได้รูปจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ ทั้งหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความโหยหา
เวลาผ่านเลยไปครู่ใหญ่ เขาจึงค่อย ๆ ผละริมฝีปากออก
เกาซูซบใบหน้าลงบนอกของมู่อวิ่นเฉิง ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แก้มแดงระเรื่อ ริมฝีปากบวมเจ่อเป็นสีชมพูสด ดูเย้ายวนราวกับลูกกวาดรสผลไม้
มู่อวิ่นเฉิงมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากอิ่มเอิบของเธออีกครั้งอย่างดูดดื่ม
หญิงสาวรู้สึกหายใจติดขัด เธอผลักอกแกร่งออกไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“เรามีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกนะ!” เกาซูเอ่ยขึ้น แต่ร่างกายของเธอยังคงแนบชิดกับมู่อวิ่นเฉิง ไม่ยอมขยับไปไหน
“เรื่องอะไร?”
“ก็ตอนนี้มีคุณเพิ่มเข้ามา ห้องเช่าแค่นี้ไม่พอหรอก… ไปหาบ้านสักหลังกันเถอะ”
“บ้านเช่าน่ะเหรอ?”
“ไม่! อย่างฉันไม่เอาบ้านเช่าหรอก ไหน ๆ ก็เสียเงินแล้ว สู้ซื้อเป็นของตัวเองเลยไม่ดีกว่าเหรอ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “ซื้อ? ตอนนี้ยังเหลือเงินอีกเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอเอาไปลงทุนทำโรงงานหมดแล้วหรือไง?”
หญิงสาวกระแอมในลำคอ เธอยืดตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง ราวกับท่าทางที่ทหารชอบทำ “แฮ่ม! หึหึ! หักที่ลงทุนโรงงานไปแล้ว 200,000 หยวน ตอนนี้ เราเหลือเงินอยู่ 50,000 หยวนเชียวแหนะ!”
ได้ยินจำนวนเงินแล้ว มู่อวิ่นเฉิงยิ่งภูมิใจในตัวหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า เธอนำเงินเดือนเพียงน้อยนิดจากเขามาต่อยอดจนเกิดผลผลิตงอกเงยได้ถึงขนาดนี้
เงิน 50,000 หยวน หากไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินไป อย่างไรก็สามารถใช้เรียนไปจนจบได้ แต่หากจะซื้อบ้าน คงต้องเงินสำรองไว้กินใช้
คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็นำสมุดบัญชีเล่มใหม่มายื่นให้เธอ
“อะไรเหรอ?” เกาซูรู้อยู่แล้วว่านี่คืออะไร แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมสามีต้องยื่นมันมาให้ตนเอง
“ถ้าซื้อบ้านก็ควรมีเงินสำรองเอาไว้ใช้ นี่เป็นเงินจากที่ฉันทำภารกิจมาตลอด คงจะพอช่วยให้เราอยู่กันง่ายขึ้น”
เกาซูเปิดสมุดดูยอดเงินในนั้น ก่อนจะต้องตกตะลึงกับตัวเลข!
“40,000 หยวน!?” เธอตะโกนลั่น มองหน้าสามีสลับกับสมุดบัญชีหลายต่อหลายรอบ “มู่อวิ่นเฉิง… คุณทำภารกิจอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้เงินเยอะขนาดนี้!?”
“ก็หลาย ๆ ภารกิจรวมกันน่ะ”
พอได้เห็นความใจดีจากอีกฝ่าย เกาซูก็อดไม่ได้ที่จะกอดเขาอีกครั้ง
“ขอบคุณนะ! คุณนี่มันเป็นสามีที่ดีจริง ๆ แล้วก็ขอโทษนะ… ที่ฉันไม่เคยทำอะไรดี ๆ เพื่อคุณเลยสักครั้ง”
ลึกๆ ในใจ เกาซูรู้สึกผิดอย่างที่สุด เพราะในชาติที่แล้ว ความดีทั้งหมดที่มู่อวิ่นเฉิงมอบให้ ไม่เคยได้สัมผัสหัวใจของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอเพิ่งจะมาตระหนักถึงคุณค่าของเขา หลังจากที่เขาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ใครบอกว่าเธอไม่เคยทำอะไรดี ๆ เพื่อฉัน แค่เธอดูแลพ่อแม่ ดูแลจงอี้แทนฉัน ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว”
ยิ่งเขาซาบซึ้งกับเรื่องเล็กน้อยที่เธอทำ เกาซูก็ยิ่งชื่นชมเขา
ทว่า ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยสิ่งใด เขาก็เปลี่ยนเรื่องเสียก่อน “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”
“อื้ม!” เกาซูตอบรับ แต่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออกแล้วไปเรียกเกาผิงอันและจงอี้ให้ไปดูบ้านด้วยกัน
เกาผิงอันและจงอี้นั่งรออยู่ชั้นล่างของหอพัก เมื่อเห็นเกาซูเดินลงมา ต่างก็ส่งสายตาล้อเลียนปนรู้ทัน แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา
เกาผิงอันเอ่ยถามอย่างสุภาพ “พี่เขย จะไปไหนกันเหรอคะ”
ส่วนจงอี้ก็ยิ้มร่าเริง “พ่อครับ! ผมไปด้วยนะ!”
มู่อวิ่นเฉิงพยักหน้ารับ ด้วยท่าทางเคร่งขรึมและสุขุมตามปกติ
“จะออกไปดูบ้านน่ะ”
“เราจะไปเช่าบ้านแทนเหรอคะ” เกาผิงอังยังคงไม่เข้าใจ
เกาซูจึงตอบแทน “เปล่าหรอก เราจะซื้อเลยต่างหาก”
MANGA DISCUSSION